ตอนที่ 4 ชื่อตอน มู่ชิน

1273 คำ
องค์ชายน้อยๆปาดน้ำตาของตนเองเบาๆ และค่อยๆกัดกินขนมอย่างมีกิริยาเรียบร้อยนัก ท่าทางนิ่งขึงเสมือนบิดาของตนมิมีผิด แต่ทว่าคล้ายใจน้อยๆยังห่วงตุ๊กตาตัวน้อยมากนัก มืออ้วนป้อมยกขึ้นมาในอกและเอ่ยปลอบตุ๊กตาออกไปเบาๆ "มู่ชิน เสี่ยวเซียวจะรอมู่ชิน หากมู่ชินกลับมาจากไปเที่ยวสวรรค์แล้ว เสี่ยวเซียวจะรอเป็นอย่างดี มิดื้อและมิซนแล้วนะมู่ชิน" เสี่ยวจื่อฟังแล้วน้ำตาร่วงเผาะๆโดยพลัน มิทันฟังคำชัดนักแต่ทว่าช่างน่าสงสารยิ่ง นางข้าหลวงดึงผ้าเช็ดหน้ามาซับดวงตาของตนเองพลัน ก่อนจะให้คนนำคณะละครมาแสดงถวาย จวบจนถึงยามโหย่ว*1แล้ว ผู้คนจึงเข้ามารายงานในอุทยานพลัน "ฝ่าบาทพะยะค่ะ แม่ทัพหลวงและแม่ทัพมู่มาเข้าเฝ้าแล้วพะยะค่ะ สภาพเลอะเทอะอยู่มิน้อยพะยะค่ะ จับนักโทษมาได้นับร้อยด้วยพะยะค่ะ" "ดี เร่งให้เกี้ยวไปรับมาเร็วเข้า!!! " องค์ฮ่องเต้ทรงรู้สึกร้อนพระทัยอยู่มิน้อยในยามนี้ แม้พระนัดดาทรงบรรทมลงในฟูกนุ่มแล้วนั้นก็ยังทรงรอคอยรายงานในวันนี้จากแม่ทัพและทหารวังที่ออกไปอยู่ ทรงเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายอย่างยิ่งนัก ถึงกับสั่งการองครักษ์ของจวนมู่ให้เตรียมตนเองให้ดี หากต้องนำเสด็จองค์ชายน้อยออกจากวังยามที่มีเหตุร้ายขึ้นมา เช่นนี้แล้วนั้นยามแม่ทัพทั้งสองกลับเข้ามาแล้ว องค์ฮ่องเต้ทรงถอนปัสสาสะออกมาในทันใด คล้ายสิ่งที่วิตกหนักนั้นคลายลงอยู่มิน้อยในยามนี้ เกี้ยวนำพาทหารทั้งสองเข้ามาในอุทยานหลวง ทั้งสองทรุดกายลงคุกเข่า แต่องค์ฮ่องเต้ทรงเร่งประคองทั้งสองขึ้นมาในทันใด "เจ้าทั้งสองขึ้นมานั่งเถิด สภาพดูมิได้เฉกเช่นนี้แล้ว เอนกายพิงไปเสียก่อน พักเหนื่อยดื่มกินอาหารแล้วค่อยรายงานเถิด เจิ้นนั้นรอคอยได้" "เด็กๆ ไปนำน้ำมาให้แม่ทัพทั้งสองล้างหน้าและเช็ดมือเสียก่อน" "พะยะค่ะ" เหล่าขันทีเร่งออกไปตามรับสั่งและให้นางกำนัลยกถาดผ้าชุบน้ำเข้ามา แม่ทัพหลวงและแม่ทัพมู่รอคอยการปรนนิบัติอย่างอ่อนล้า ตามกายนั้นเปรอะเปื้อนโลหิตและฝุ่นดินโคลนไปทุกที่ ยามผ่อนคลายลงไปบ้างแล้ว แม่ทัพหลวงก็รายงานจนจบสิ้นและถวายบังคมลาออกไปในทันทีเพราะร่างกายอ่อนล้านัก ส่วนมู่หลิงซือกำลังจะอ้าปากรายงานขึ้นมาองค์ฮ่องเต้ก็ตรัสขัดขึ้นมาพลัน "ท่านแม่ทัพมู่ท่านมิต้องรายงานอันใดแล้ว ราตรีนี้เจิ้นรบกวนท่านแม่ทัพมู่อยู่ช่วยคุ้มกันองค์ชายน้อยก่อนได้หรือไม่ มิน่าจะเกินสามวันองค์ไท่จื่อคงเสด็จกลับมาแล้ว ถือว่าสงสารเทียนเอ๋อร์เถิด ยามนี้คงตระหนกนัก มารดาก็มิมีคงจะอ้างว้างนัก อย่างไรเทียนเอ๋อร์ก็เรียกท่านแม่ทัพมู่ว่าหมู่ชินไปแล้ว ขออย่าถือสากับเด็กๆเลยและอย่าขุ่นเคืองอันใดเลยนะแม่ทัพมู่" มู่หลิงซือเร่งคุกเข่าลงในทันทีและเร่งยกมือประสานขึ้นอย่างกริ่วเกรงอาญาขึ้นมา "พระอาญามิพ้นเกล้าพะยะค่ะ กระหม่อมมิบังอาจล่วงเกินองค์ชายน้อยพะยะค่ะ ขอเพียงได้ปกป้องราชนิกูล ราชบัลลังค์และแคว้นนี้ อื่นใดกระหม่อมมิกล้าคิดล่วงเกินเลยพะยะค่ะ" องค์ฮ่องเต้ตบบ่าลงแรงๆและสรวลเบาๆออกมาโดยพลัน "เอาเถิดเมื่อก่อนท่านก็มิเคยหวั่นเกรงอาญาใดๆแม้เพียงนิด ขอเพียงอย่าถือสาเด็กทารก ยินยอมเล่นเป็นมารดาให้เพียงครู่ เจิ้นจะตอบแทนให้อย่างงามนัก อดทนเอาหน่อยเถิด เจิ้นเข้าใจว่าบุรุษคงมิชื่นชอบที่คนกล่าวว่าคล้ายสตรีนัก แต่ยามที่ท่านมาใกล้ๆถึงเพียงนี้ มิอาจมิกล่าวว่าพักนี้ท่านคล้ายสตรีมากไปเสียจริงๆแล้ว หมดภารกิจนี้แล้ว ท่านจงไปออกกำลังกายและฝึกหนักขึ้นอีกหน่อยเถิด ร่างกายของท่านผอมบางจนคล้ายอิสตรีลงไปแล้ว มัดกล้ามมิค่อยจะมีเสียเช่นคราวก่อนที่เจิ้นพบท่านเสียแล้ว เช่นนี้ก็เร่งดื่มกินให้มากหน่อย ท่านสำคัญต่อแคว้นของเรานักนะแม่ทัพมู่” มู่หลิงซือทำใบหน้าเบี้ยวเบาๆ เร่งรับคำในทันใดก่อนที่องค์ฮ่องเต้จะเสด็จกลับไปตำหนักในทันที มู่หลิงซือนอนลงในฟูกนุ่ม และมีองครักษ์มาข้างๆกายเอ่ยขึ้นมาเบาๆ "ปลอดภัยดีหรือไม่ขอรับนายท่าน" ร่างที่หลับตาพยักหน้าน้อยและเอ่ยออกมาเบาๆ "ข้าง่วงนอนแล้ว ให้ท่านข้าหลวงนำทางไปตงกง*2เถิด ข้าจะได้พักสายตาบ้างเสียครู่หนึ่ง ข้าเหนื่อยล้านัก" ขันทีไปนำเกี้ยวมาแบกร่างขององค์ชายน้อยและท่านแม่ทัพมู่ไปที่นำหนักบูรพา น้ำหนักที่มากขององค์ชายน้อยทำให้คนแบกเกี้ยวมิผิดสังเกตุนัก เช่นนี้ยามถึงตงกงแล้ว ขันทีก็มาอุ้มองค์ชายน้อยออกไป และนำทางท่านแม่ทัพมู่ไปอาบน้ำ โดยมีสาวใช้ประจำกายช่วยจัดการปรนนิบัติอาบน้ำให้ โดยมิให้ผู้อื่นทำ จากนั้นองค์ชายน้อยก็ตื่นบรรทมและอาบน้ำจนหอมฟุ้ง ปล่อยผมยาวสยายคล้ายสตรีน้อยๆนัก ดูน่ารักน่าชังเสียจริงๆ มือป้อมๆดึงร่างของท่านแม่ทัพมู่จนลอยไปข้างเตียงและตบลงที่เตียงกว้างเบาๆ "หมู่ชินราตรีนี้ท่านนอนกอดลูกนะ ท่านไปเที่ยวสวรรค์มาไกลลูกจะมิกวนแล้ว หากมิกินน้ำเยอะก็จะมิถ่ายเบารดท่านอีก" ร่างบางถอนหายใจเบาๆและพยักหน้าขึ้นมาในทันใด สั่งคนนำดาบมาวางไว้ใต้หมอน และให้องครักษ์ของตนเองมานอนบนขื่อคาเสียทั้งหมด มีขันทีเฝ้าหน้าเตียงและทุกผู้คนก็หลับไป ร่างบางคล้ายฝันว่าตนเองนั้นโดยโบยและมีแต่ความเจ็บปวด นางนอนร้องครวญครางอยู่ตลอดราตรีนั้น ขันทีเฒ่าลืมตาขึ้นมาพลันและลุกขึ้นไปแอบฟังในทันใด "อาจิ่งช่วยข้าด้วย เสี่ยวเซียว เสี่ยวเซียว อย่านำเสี่ยวเซียวไปจากข้า ฮือ อย่าโบยข้า เจ็บ เจ็บนักอาจิ่ง อาจิ่ง ฮือ" นางร่ำไห้อยู่ตลอดคืน องครักษ์ทั้งหลายมองลงมาและหน้าซีดเซียวนัก ในยามที่ขันทีเฒ่าขยับเอียงหูฟังถ้อยความนั้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ และยังพบว่าเสียงของท่านแม่ทัพมู่คือเสียงของสตรีเช่นนั้นเอง ยามที่องครักษ์มองลงมาสบกับสายตาของขันทีเฒ่า ขันทีเฒ่าแสยะยิ้มออกมาพลันและทำท่าปาดคอคนด้านบนและถลึงดวงตาขึ้นมาในทันใด ผู้คนด้านบนตัวสั่นไหวสะท้านทันใด ขันทีเฒ่าขยับผ้าห่มกระชับบนอกให้แม่ทัพมู่ตัวปลอม และห่มชายผ้าผืนนั้นให้องค์ชายน้อยแน่นๆ คนทั้งสองต่างหาไออุ่นแก่กันและกันทันใด เสียงน้อยๆงึมงัมขึ้นมาเบาๆอย่างชัดถ้อยชัดคำนัก "หมู่ชินเสี่ยวเซียวจะมิดื้อแล้ว...งึม " *1ยามโหย่ว **คือเวลา 17.0018.59 *2 ตงกง ***ตำหนักบูรพา ตามความเชื่อว่าไท่จื่อหรือไท่จื่อเว่ยคือดาวบูรพา จึงมีตำหนักทางทิศบูรพา ค้ำจุนเมือง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม