ตอนที่ 3 ชื่อตอน เซ่าฉิงเหนียน

1481 คำ
องค์ฮ่องเต้ยามพบหน้าพระนัดดาตัวน้อยของพระองค์เองในคราแรก ก็ทรงตื้นตันในอกของพระองค์นัก พระนัดดาน้อยๆนี้ช่างมีวาสนาน้อยนัก แม้มีมารดาก็มาด่วนจากไปเสียก่อนมิทันที่นางจะได้มาถึงที่วังหลวง ทั้งระหว่างที่บิดาไปรบก็ถูกนำไปหลบซ่อนจากศัตรู ทารกน้อยๆนี้จึงยังมิได้มาถึงที่วังหลวงทั้งที่ชายารองขององค์ไท่จื่อมาอยู่ในวังหลวงเสียนานแล้ว องค์ชายน้อยกอดตุ๊กตาเซ่าฉิงเหนียนที่เป็นพ่อแม่ลูกอยู่ในอกแน่น เดินเข้ามากับทหารอารักขาของสกุลมู่ องค์ฮ่องเต้ถึงกับเร่งถลาลงไปจากบัลลังค์มังกร และเร่งลงไปคว้าร่างน้อยๆเข้ามากอดแนบในอกพลัน และสะเทือนในอกของพระองค์นักในยามที่ทอดพระเนตรเห็นว่าพระนัดดาของพระองค์นั้น กอดรัดตุ๊กตาพ่อแม่ลูกอยู่ในอกจนแน่นเฉกเช่นนี้ "ถวายบังคมฝ่าบาทพะยะค่ะ ขอจงทรงพระเจริญหมื่นๆปี หมื่นๆ ปี " "ตามสบายเถิดเจ้ามิใช่คนข้างกายแม่ทัพมู่หานซือหรอกหรือ เจิ้นจดจำเจ้าได้ แล้วแม่ทัพหลวงของเจิ้นและแม่ทัพมู่หานซือเล่าอยู่ที่ใดกันในยามนี้" "ทูลฝ่าบาท ยามนี้ทั้งกององครักษ์หลวงทั้งหมดต่างล่อลวงคนร้ายออกไปที่นอกเมืองพะยะค่ะ คิดว่าคงมีคนร้ายลอบปลงพระชนม์องค์ชายน้อยพะยะค่ะ ท่านแม่ทัพมู่จึงลวงแต่งรถม้าออกไปถึงห้าคัน และให้องค์ชายน้อยขึ้นรถม้าของคนรับใช้ออกมาที่วังหลวงพะยะค่ะ " องค์ฮ่องเต้ทรงตกพระทัยหนัก ทรงตื่นตระหนกและดึงทารกตัวอ้วนป้อมที่มีใบหน้าน่ารักคล้ายคลึงกันกับพระองค์และบุตรของพระองค์แต่ติดหวานไปทางผู้อื่นอยู่อีกมาก ขึ้นมากอดแนบชิดในอกพลัน "เจ้ามีชื่อว่าอันใดกันหลานปู่ เร่งบอกเสด็จปู่ของเจ้าเร็ว ปู่ของเจ้าจะมีขนมและของเล่นให้มากมายเท่าที่เจ้าจะอยากได้เลยหลานรัก" เด็กอ้วนป้อมวางท่ายิ่งใหญ่ขึ้นมาและดิ้นลงไปที่พื้นในทันใด ยืนกอดอกเงยหน้าขึ้นอย่างช่างบังอาจนัก และเอ่ยเสียงดังขึ้นมาพลัน "เปิ่นกงจื่อมีนามว่าเทียนเซียว ผู้ใดไต่ถามว่าเปิ่นกงจื่อคือบุตรของผู้ใด บิดานั้นให้ตอบว่า เป็นบุตรของจิ่งเฉินไท่จื่อกับมารดาแสนงดงามชื่อหงเสวี่ย ผู้ใดกล้าแตะต้องให้ต้องลำบาก บิดานั้นจะมาเอาความจนถึงที่สุด!!!! " องค์ฮ่องเต้เบิกดวงตากว้างขึ้นและมองท่าทางเอาแต่ใจตนเองปนก้าวร้าวน้อยๆนั้นอย่างประหลาดใจนัก และระเบิดเสียงหัวเราะลั่นขึ้นมาในทันใด "ฮ่า ฮ่า ฮ่า " "ดี ดีนัก เอ่ยได้ดีนักสมเป็นบุตรของจิ่งเฉินเสียจริงๆ ปู่เองก็จะปกป้องเจ้าเฉกเช่นบิดาของเจ้าเฉกเช่นกัน บังอาจนัก กล้ามาแตะต้องทายาทมังกรเช่นนั้นหรือ ผู้ใดมิเกรงความตายจงหาญกล้าออกมาเสียให้สิ้น!!!! " คำหลังเอ่ยท้าทายผู้คนและก้มลงหอมแก้มยุ้ยๆเบาๆพร้อมตรัสเอ่ยถามทารกน้อยในทันใด "เจ้าหิวหรือไม่เทียนเอ๋อร์? " ร่างอ้วนๆส่ายหน้าพลันและหันมองไปรอบกายตน ก่อนจะขยับออกจากอกแกร่งและหันไปสั่งคนข้างหลังในทันใดอย่างร้อนรนนัก "ตุ๊กตาที่หมู่ชินให้ข้าเล่า ตุ๊กตาของหมู่ชิน ฮือ ว๊าก!!!! " เสี่ยวจื่อที่แอบอยู่ภายนอกเร่งบอกทหารยามในทันใด ทหารยามจึงยกตระกร้ามากมายเข้ามาในท้องพระโรงพลัน เหล่าขุนนางสายบู๊และบุ๋นเลิกคิ้วเบาๆและแย้มรอยยิ้มขึ้นมาพลัน "ทูลฝ่าบาทตุ๊กตานี้คงมาจากจวนของมู่เจิ้นเป๋ยโหวแล้วพะยะค่ะ คุณหนูมู่นั้นชมชอบสิ่งของเหล่านี้นัก แม่ทัพมู่ในยามที่ยังหนุ่มนั้นชอบเก็บสะสมนำมามอบให้บุตรสาวจากชายแดน เช่นนี้มิผิดแล้วพะยะค่ะ" ร่างอ้วนป้อมวิ่งไปจับตระกร้าด้วยความหวงและพยายามดึงลากเองไปโดยพลัน องค์ฮ่องเต้จึงขยับไปใกล้ๆและเอ่ยอย่างเอาอกเอาใจนัก นึกเอ็นดูอยู่ในหทัยของพระองค์ "เทียนเอ๋อร์ในวังนี้มีข้ารับใช้อยู่มากมายนัก มิสู้ให้ผู้อื่นนั้นมาหอบหิ้วไปเสียก่อน ให้นำไปไว้ในตำหนักบูรพาของบิดาเจ้า เจ้าก็อุ้มเพียงพ่อแม่ลูกสามตัวนี้ไปก่อนแล้วไปกินขนมกับปู่ก่อนเถิด วันนี้ปู่จะมิประชุมแล้ว จะอยู่เป็นเพื่อนกับเจ้า สอนเจ้าส่งสาส์นติดขานกอินทรีย์ขาวไปที่ชายแดนเป็นอย่างไร เจ้าจะได้บอกบิดาได้ว่ามาหาท่านปู่แล้ว บอกบิดาว่ารอคอยให้บิดามากินขนมด้วยกันเป็นอย่างไร" เด็กน้อยกระพริบตาไล่น้ำตาออกไปและพยักหน้าอ้วนๆยุ้ยๆเบาๆและใช้มืออ้วนป้อมดึงชายฉลองพระองค์มังกรพลัน "ท่านปู่บอกฟู่ชินได้ว่ามาหาท่านปู่แล้ว แต่ฟู่ชินนั้นมิกินขนม หมู่ชินต่างหากที่ชอบกินขนม หมู่ชินป้อนฟู่ชินแล้วก็มิยอมกิน บอกว่าจะเก็บไว้ให้อ้ายเฟยเพียงผู้เดียว" องค์ฮ่องเต้ถึงกับสำลักในทันใด ยามที่ได้ฟังคำเกี้ยวสาวของบุตรชายตนผ่านปากน้อยๆช่างเจรจานั้น "จิ่งเฉินไปหัดคำเกี้ยวสาวเช่นนี้มาจากที่ใดกัน เสียดายนักที่มิมีวาสนาได้ยลโฉมของพระสุนิสาของตนเองซักคราหนึ่ง พระองค์เชื่อว่าสตรีนางนี้ต้องเป็นคนมีจิตใจงดงามอย่างยิ่งนัก จึงสามารถที่จะนำใจของบุตรของพระองค์ไปได้เฉกเช่นนี้ นางมิน่าอายุสั้นเลย น่าเสียดายยิ่งนัก ทรงเพ่งมองดูใบหน้าของราชนัดดาของพระองค์เองในคราหนึ่ง คิดในหทัยว่าหากพระนัดดามีใบหน้าติดหวานเช่นนี้แล้ว นางคงงามเหมือนน้ำผึ้งในฤดูสารท" องค์ฮ่องเต้แสนเสียดายนักและพระนัดดาก็เอ่ยออกมาในทันใด "หมู่ชินให้เปิ่นกงจื่อรอที่วังนี้ หมู่ชินสัญญาว่าวันนี้จัดการคนชั่วแล้วจะมาหาในทันที และจะอ่านนิทานให้เปิ่นกงจื่อฟังในราตรีนี้ด้วยล่ะ" องค์ฮ่องเต้ขมวดพระขนงย่นขึ้นมาในทันใด "หืม องค์ชายน้อยสัญญาไว้กับผู้ใดกัน ผู้ใดคือหมู่ชินขององค์ชายน้อยกันแน่? " "ทูลฝ่าบาทย่อมเป็นแม่ทัพมู่แล้วพะยะค่ะ แม่ทัพมู่นั้นมีใบหน้าคล้ายคลึงกันกับคุณหนูมู่หลิงซือพะยะค่ะ " องค์ฮ่องเต้สรวลดังลั่นและแย้มรอยยิ้มออกมาพลัน เอ่ยถามองครักษ์ทั้งห้าของแม่ทัพมู่เบาๆ หลังจากเสี่ยวจื่อและนางกำนัลอาวุโสมาชวนไปนั่งในศาลาและชักชวนเสวยอาหารและขนมต่างๆ ตุ๊กตาบิดามารดาถูกนำมาวางตั้งและทรงยกขนมขึ้นมาป้อนมารดาตุ๊กตาก่อนผู้ใด ทำน้ำตาหล่นรินออกมาพลัน "มู่ชิน มู่ชินต้องกลับมา ฟู่ชินนั้นจะกลับมาแน่ๆ ฟู่ชินเก่งนัก แต่มู่ชินนั้นอ่อนบางนัก ฟู่ชินบอกว่าหากชาติหน้ามีจริง ฟู่ชินจะปกป้องมู่ชินให้ดี มิให้มู่ชินหนีไปเล่นบนสวรรค์ผู้เดียวอีก บนสวรรค์เดินทางไกล มู่ชินตัวบางอาจจะเหนื่อยเลยกลับมาช้า ฟู่ชินบอกว่าเสี่ยวเซียวนั้นนานเท่าใดก็ต้องรอ" องค์ฮ่องเต้ขยับออกมาห่างพระนัดดาเล็กน้อยและไต่ถามผู้คนในทันใด "ยามที่พบองค์ชายน้อยนั้นทรงมีสภาพเช่นใดเช่นนั้นหรือ" เหล่าองครักษ์เร่งกราบทูลตามความจริงออกไปในทันใด "ทูลฝ่าบาท ในคราแรกนั้นท่านแม่ทัพมู่คิดว่าเด็กทารกมากอดและร้องเรียกมู่ชินพะยะค่ะ นึกว่าเด็กนั้นพลัดหลงจากมารดา แต่ทว่าทารกยังเล็กนักและมีเลือดอยู่เต็มฉลองพระองค์พะยะค่ะ จึงสั่งให้พวกกระหม่อมเร่งค้นหา ยามไปถึงก็พบว่าองครักษ์และคนขับรถม้านั้นขาดใจตายไปจนสิ้นแล้วพะยะค่ะ และยังพบว่าองครักษ์หนึ่งนายนั้นปล่อยองค์ชายน้อยให้วิ่งออกมาหาผู้คนและตนเองยอมพลีชีพเพื่อถ่วงเวลาคนร้ายเอาไว้พะยะค่ะ" องค์ฮ่องเต้มีหยาดน้ำในดวงเนตรขึ้นมาพลัน ทรงเวทนาชีวิตของเหล่าบุตรมังกรนัก สวรรค์มิเคยปราณีบุตรมังกรเลยแม้แต่คราหนึ่งเลยจริงๆ *1ฟู่ชิน แปลว่าพ่อ *2มู่ชินแปลว่าแม่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม