ตอนที่ 17 ชื่อตอน ค่อยๆค้นหาความจริง

1546 คำ
"มู่ชิน มู่ชิน เสี่ยวเซียวมาหาแล้ว มู่ชิน!!!! " ร่างอ้วนแก้มแดง ตัวขาวพุงพลุ้ย วิ่งไปอย่างทุลักทุเลและเร่งตะกายขึ้นไปบนเตียงของมารดาตนอย่างตื่นตกใจนัก มู่เจิ้นเป่ยโหวเร่งขยับกายมามองหลานตนเองชัดๆ ยามเห็นองค์ชายน้อยๆชัดๆแล้ว ก็ลืมตนเผลอกอดรัดจนแน่นในทันใด "โอ..หลานตา เจ้าเหมือนมารดาของเจ้านัก" องค์ชายน้อยหยุดชะงักและกระพริบตาไล่น้ำตาออกไปในทันใด "ท่านคือท่านตาของข้าหรือ แล้วคนตัวใหญ่นั่นล่ะทำไมจึงเหมือนกับมู่ชินแต่เป็นผู้ชาย มู่ชินสวยกว่ามากมายนัก" มู่หานซือลดตัวลงและอุ้มร่างอ้วนขึ้นมากอดในทันใด และก้มลงหอมแก้มแดงๆนั้นอย่างชอบใจนัก "กระหม่อมคือพี่ชายฝาแฝดของพระมารดาพะยะค่ะองค์ชาย มีนามว่าท่านลุงหานซือ เป็นแม่ทัพชายแดนของแคว้นเว่ยของเราพะยะค่ะ" องค์ชายน้อยพยักหน้าอย่างว่องไวและหันมองไปทางท่านหมอในทันที ทรงโอบกอดท่านลุงของตนเองออดอ้อนขึ้นมาอีกครั้ง "ท่านลุงหานซือมู่ชินอ่อนบางนัก ท่านลุงต้องช่วยฟู่ชินดูแลมู่ชินนะ มู่ชินป่วยและไปที่ใดนานมิได้ มู่ชินเคยป่วย และออกไปเที่ยวสวรรค์จนกลับมาช้า เสี่ยวเซียวมิอยากให้มู่ชินหายไปนานเช่นนั้นอีก " มู่หานซือถึงกับสลดใจลงไปในคราหนึ่ง ยามได้ฟังข้อความหลอกลวงทารกเฉกเช่นนี้ ที่ผ่านมาองค์ไท่จื่อคงตอบคำถามของบุตรตนอยู่ซ้ำๆเช่นนี้เป็นแน่ คงทรงปวดใจมิน้อยเลยในยามที่ต้องโป้ปดออกไปเฉกเช่นนี้ "องค์ชายน้อย กระหม่อมจะต้องดูแลพระมารดาขององค์ชายเฉกเช่นที่ต้าเกอผู้หนึ่งจะทำกัน แต่ยามที่พระมารดา แต่งเข้าวังหลวงไปแล้ว ต่อไปท่านลุงผู้นี้ต้องฝากฝังผู้อื่นแล้วพะยะค่ะ กระหม่อมมิบังอาจเข้าไปก้าวก่ายที่ในวังหลวงได้ เพราะสกุลมู่ของเรานั้นต้องมีหน้าที่รักษาเมืองที่ชายแดน การจะเข้าเมืองหลวงก็ต้องมีราชโองการให้กลับมา หากกลับมาผิดเวลาก็มีโทษถึงตายพะยะค่ะ" องค์ชายน้อยได้ยินคำว่าตายก็ตื่นตกใจขึ้นมาในทันทีและร่ำไห้ออกมาพลัน เอ่ยคำที่องค์รัชทายาท ตื่นตกใจอยู่มากนักขึ้นมาด้วย "มิเอา มิเอา เสี่ยวเซียวมิอยากให้มีใครตายเหมือนปลาหลี ปลาหลีของมู่ชินตายไปหมดเลยทั้งสระ ปลาหลีถูกแล่เนื้อทั้งเป็น เลือดของปลาหลีนองเต็มพื้นไปหมดเลย มีเลือดของจูจู จูจูก็ตายแล้ว จูจูตายไปแล้ว!!! " องค์ไท่จื่อ มิเคยได้รู้ว่าบุตรตนรู้ว่าจูจูสาวใช้ตายอย่างไร จึงเร่งดึงบุตรของตนมาสอบถามในทันใด "จูจูตายได้เช่นใดกันเสี่ยวเซียว เสี่ยวเซียวคนดี เจ้าเห็นสิ่งใดบ้างหรือเจ้าบอกฟู่ชินมาเถิด" "จูจูกอดเสี่ยวเซียวอยู่ในตู้ใบเล็ก ปลาหลีถูกฆ่าตายจนหมดสระเลย มู่ชินก็ถูกคนพาออกไป จูจูวิ่งตามไปจนถูกตัดแขนตัดขา ทิ้งลงไปในกองปลาหลี จูจูมิให้เสี่ยวเซียวออกไปที่นอกตู้จนกว่าที่อาอี่จะมา" ทุกผู้คนฟังแล้วตื่นตกใจนัก ที่ในยามนั้นองค์ชายน้อยทรงมองเห็นเรื่องราวน่าสะพรึงกลัวนี้ด้วยตนเอง ทรงมิเคยคิดถึงปลาหลีในสระมาก่อน รู้เพียงว่าจูจูนั้นตายอย่างน่าอนาถนัก ศพถูกทิ้งอยู่มิไกลจวน มิคิดว่าจะมีเหตุอยู่ในสายตาน้อยๆดวงนี้ด้วย องค์ไท่จื่อกอดรัดบุตรของตนแน่นๆในทันใด "เสี่ยวเซียวเห็นสิ่งใดอีกหรือไม่ บอกฟู่ชินมาเถิด" เสี่ยวเซียวส่ายหน้าไปมาในทันใด มู่เจิ้นเป่ยโหวจึงเอ่ยออกมาในทันที "ยามที่กระหม่อมพาหลิงซือกลับมาได้นั้น นางเพ้อถึงปลาหลีและเสี่ยวเซียว ยามนั้นกระหม่อมมิใคร่เข้าใจนัก และมิไกลจากร่างของนาง มีร่างของสตรีนางหนึ่งอยู่ นางถูกเผาลงไปจนสิ้น มองมิออกว่าร่างนั้นคือผู้ใดแล้ว กระหม่อมมัวแต่ห่วงบุตรนัก จึงมิได้ฝังกลบนาง ได้แต่ถอดชุดตัวนอกของหลิงซือคลุมลงไปไว้ให้ กลับไปอีกคราก็มิมีร่างนั้นแล้วพะยะค่ะ ในข้อมือของนางมีกำไลหยกไหม้เกรียมอยู่วงหนึ่ง" เช่นนั้นเองทั้งหมอหลวงสวีและองค์ไท่จื่อ ทั้งสองจึงสบตากันในทันใด หากมีร่างสตรีหนึ่งร่างเป็นสาวใช้แล้วหล่ะก็ สาวใช้นางหนึ่งที่หายไปมิพบศพในยามนั้น ย่อมต้องเป็นอี๋อี๋ สาวใช้คนสนิทรองลงไปจากจูจู หรือว่ายามนั้นอี๋อี๋ใช้เล่ห์กลใดกันแน่ในการสลับตนเองกับพระชายาหงเสวี่ย "ยามที่ทหารไปพบนางนั้นหลังของนางมีร่องรอยโบยตีนับร้อยไม้ อีกทั้งยังมีพิษติดซึมในกายอยู่เนิ่นนานนัก อ่อนแรงทั้งอ่อนบาง คล้ายขาดอาหารมานานนัก ยามนั้นพวกกระหม่อมยังนึกว่าชีวิตของนางจะปลิดปลิวลงไปเสียแล้วในยามนั้น " มู่หานซือเร่งให้การออกไปอีกเพื่อสืบค้นหาความจริงในทันใด "เปิ่นไท่จื่อได้ยินชายารองนั้น เอ่ยสนทนาว่านางทิ้งสตรีเลือดโสโครกไว้ในป่านั้นและสายฝนได้ตกลงมาเสียก่อน เช่นนี้ในยามนั้นเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่นะ นางมิมีทางจำหงเสวี่ยผิดคนไปได้เป็นแน่ นางจงใจทำสิ่งใดแน่หรือมีผู้ใดนั้นเป็นคนของนางแล้วแอบช่วยเหลือหงเสวี่ยในยามนั้นกันแน่ เรื่องราวเหตุใดจึงมิชัดเจนนัก " ทั้งหมดมองหน้ากันในทันใด องค์ไท่จื่อทรงนวดขมับของตนเองขึ้นมาพลัน " เรื่องยังมิกระจ่างเช่นนี้จะเอาผิดชายารองก็ยากนัก บางทีสตรีชั้นสูงก็สามารถสังหารคนลงไปได้ แม้มีความผิดก็มิมากนัก เว้นแต่คนเหล่านั้นจะมียศศักดิ์และเป็นคนของผู้อื่นเช่นนั้นเอง นางเป็นถึงชายารองและเป็นธิดาของมหาอำมาตย์ฝ่ายซ้าย เป็นสายเลือดเก่าของเผ่าเป๋ยเจี๋ย นางย่อมทำสิ่งต่างๆได้มากมายนัก แต่ทว่าเหตุใดคนถูกเผาจึงมิใช่หงเสวี่ยในยามนั้นและนางนำหงเสวี่ยไปทิ้งในป่านั้นด้วยเหตุใดกันแน่ หากสังหารทิ้งแต่คราแรก มิต้องนำไปก็ย่อมได้ ยามนั้นเรื่องเป็นเช่นใดกันแน่นะ " หมอหลวงเร่งตรวจชีพจรแล้วก็จัดยาให้พระชายาในทันใด ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเบาๆอย่างห่วงในอาการอยู่มิน้อยนัก "พิษกร่อนดวงใจ ต้องใช้หญ้าหมาป่าของแคว้นเจ้าผสมกับตัวยาแปลกพิศดารในแคว้นเจ้าอีกสิบอย่างจึงจะถอนพิษจนหมดสิ้นไป มิเช่นนั้นยามที่นางมีความรู้สึกรักผู้ใด ใจของนางจะเจ็บจนเจียนตายพะยะค่ะ" มู่หานซือดวงตาแข็งกร้าวขึ้นมาในทันใด และให้หมอหลวงวาดภาพของต้นยาแปลกพิศดารในแคว้นของศัตรูออกมาในทันที "ข้าจะเป็นผู้ไปนำตัวยานั้นมาจากแคว้นเจ้าเอง เม่ยเม่ยของข้าจะต้องหายดี ข้ามิมีทางจะปล่อยนางไปเฉกเช่นนี้ได้เป็นแน่ !!!! " "แต่ท่านยังมิหายดีเลยนะท่านแม่ทัพมู่!!! " หมอหลวงเร่งค้านออกมาในทันใด แต่มู่หานซือโบกมือให้หยุดเอ่ยความในทันทีและเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง "ข้าเป็นบุรุษในจวนนี้ หากปกป้องสตรีของตนเองมิได้ข้าก็มิควรเกิดมาแล้ว นางคือเลือดเนื้อครึ่งหนึ่งของข้า นางเกิดขึ้นมาพร้อมข้า เติบโตขึ้นมาด้วยกัน ข้าจะปกป้องเม่ยเม่ยของข้าให้สุดกำลังของข้านี้ให้จงได้ " องค์ไท่จื่อสะเทือนใจน้อยๆและเอ่ยออกมาพลัน "เปิ่นไท่จื่อคงต้องขอต้องฝากความหวังไว้กับพี่ภรรยาเสียแล้ว ยามนี้แคว้นเจ้ากับเราก็รบพุ่งกันรุนแรงนัก หากท่านไปทางนั้นแล้วก็คงสามารถสืบข่าวสารออกมาได้แน่ มิมีผู้ใดเคยพบหน้าท่านในสนามรบ เช่นนี้ย่อมต้องได้เปรียบอยู่บ้างในการจะหาข่าวสารในแคว้นนั้น ท่านคงต้องอ้อมไปทางใต้ของแคว้นฉู่และข้ามจากทางฉู่แล้ว เพื่อมิให้ถูกติดตามได้" "คงต้องเป็นเช่นนั้นแล้วพะยะค่ะ เช่นนี้วันพรุ่งนี้กระหม่อมจะเร่งออกเดินทางให้เร็วนักและนำคนติดตามไปกับตนเองทั้งหมด ทางจวนมู่นั้นจะเหลือเพียงอาจื่อเพียงนั้นเอง คงต้องรบกวนองค์ไท่จื่อ จัดหายอดฝีมือมาดูแลนาง แทนกระหม่อมด้วยพะยะค่ะ"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม