ตอนที่ 13 ชื่อตอน สะสางจนจบสิ้น

1510 คำ
ขณะที่ร่างขององค์รัชทายาทกำลังเงื้อมือที่จะลงทัณฑ์ไปที่เหล่ามือปราบทั้งหมดนั้น มีเด็กสาวผู้หนึ่งที่มิค่อยสกปรกนักแต่ก็ยังดูยากจนซอมซ่ออยู่ เดินออกมาดึงขายเสื้อของมู่หลิงซือเบาๆ นางหันไปมองและคุกเข่าลงทันใด "เด็กน้อยเจ้ามีอันใดมาบอกข้าเช่นนั้นหรือ หืม " เด็กน้อยทำตาใสและเอ่ยเสียงเบาๆออกมาในทันใด ชี้ไปทางชาวบ้านที่มาแอบข้างตรอกมองอยู่อย่างขลาดกลัวนัก และเอ่ยออกมาเบาๆในทันใด "พวกมือปราบพวกนี้ใจดี ท่านยายบอกว่าวันนี้ท่านมือปราบนั้นเพียงแต่เล่นงิ้วเพียงนั้นเอง ยามปกติแล้วมือปราบเหล่านี้เคยนำข้าวมาให้เรา และนำกระสอบและกองฟางมาให้นอน คนร่ำรวยจริงๆนั้นกลับคือท่านเจ้าเมือง " เช่นนี้นั้นเอง ดวงตาคมดุจึงปราดมองผู้คนและจุดพลุไฟขึ้นไปบนฟ้าในทันใด กองทหารเคลื่อนมาในทันที ล้อมเมืองและจับผู้คนไปสอบสวนในทันที มู่หลิงซือก็นั่งช่วยสอบความเด็กเล็กๆและให้องค์ชายน้อยมานั่งฟังความของเด็กๆไปด้วย มิคาดยามที่นำเด็กๆมารวมกันนั้น องค์ชายน้อยสั่งคนให้ไปซื้อของเล่นมาและทรงเล่นแมลงปอไม้ไผ่ จับให้มันบินและแย้มรอยยิ้มออกมาในทันใด ก่อนจะทรงหลุดเอ่ยคำออกมาพลัน "มู่ชินดูแมลงปอไม่ไผ่ของเสี่ยวเซียวซิ " มู่หลิงซือคุกเข่าลงและเอ่ยอย่างเป็นทางการในทันใด "กระหม่อมมิบังอาจพะยะค่ะ มู่เจียงจวินผู้นี้มิอาจหาญกล้าตีเสมอหมู่ชินขององค์ชายน้อยได้เลยพะยะค่ะ ขอทรงลงอาญาด้วยพะยะค่ะ" องค์ชายน้อยทำหน้ายุ่งและเดินมาและนั่งลงกับพื้นในทันใด ยกฝ่ามือป้อมๆมาดึงใบหน้าของท่านแม่ทัพมู่ขึ้นมาและเอ่ยขึ้นในทันใด "เอาล่ะ เอาล่ะ เสี่ยวเซียวผิดไปแล้ว เสี่ยวเซียวพูดผิดไปแล้ว มู่เจียงจวินก็มู่เจียงจวิน มู่ชินก็ยังเป็นมู่ชิน เอาล่ะ เอาล่ะ มิให้เรียกก็จะเรียกมู่ชิน มู่ชิน มู่ชิน จำไว้ให้ดีท่านคือมู่ชิน ห้ามเป็นคนอื่นนะ!!! " ทหารลับทุกผู้คนแย้มรอยยิ้มบาน จิ่งเฉินไท่จื่อแย้มรอยยิ้มขึ้นมาที่มุมปากพลัน "หึ หึ หึ ทำดีมากเสี่ยวเซียว ดูซิว่านางจะรับมือบุตรของนางเองได้เช่นใด แน่ล่ะจะมิมีผู้ใดคือมู่ชินของเสี่ยวเซียวอีก เด็กนั้นมิเคยโกหกคนและซื่อสัตย์อยู่เสมอย่อมคือเด็ก มู่หลิงซือเอ๋ยมู่หลิงซือ เจ้ามิมีทางรอดไปจากกำมือของเสี่ยวเซียวได้อย่างแน่นอน บุตรของข้า ข้ารับประกันได้เลยเชียว หึ หึ หึ " ทหารมารายล้อมนำผู้คนไปจดบันทึกความไปเรื่อยๆ องค์จิ่งเฉินไท่จื่อจึงสั่งให้ภัตตาคาร นำขนมหนวดมังกรมาตัดแจกเด็กๆ และรับสั่งให้ทำอาหารมาตั้งตักแจกผู้คนออกไปเสีย ท่านแม่ทัพมู่ก็ช่วยคนแจกข้าวของชาวบ้านด้วย ก่อนจะสั่งทหารไปสร้างกระท่อมไม้ไ๋ผ่ในที่ดินไกลออกไปจากเขื่อนและมีอุดมสมบูรณ์กว่าที่ตรงนี้ อีกทั้งจิ่งเฉินไท่จื่อก็ออกราชโองการ ประกาศมอบที่ดินผืนนั้นแก่ชาวบ้านคนล่ะเท่าๆกันและยังทรงจัดตั้งสำนักศึกษาและโรงหมอให้แห่งหนึ่ง ตั้งชื่อหมู่บ้านนี้ตามชื่อเล่นองค์ชายตัวน้อย ว่าหมู่บ้านปลาน้อย หรือเสี่ยวเซียวชุนนั่นเอง ยามที่สอบความจบสิ้นแล้ว จิ่งเฉินไท่จื่อจึงสั่งออกหมายตรวจค้นและยึดทรัพย์สินของผู้คนกลับมาคืนสู่คลังหลวง และทรงออกตั๋วเงินของทางการให้ร้านแลกเงินของหลวงเบิกจ่ายชาวบ้านตามรายคน ต่อหน้าต่อตาของพระองค์ ชาวบ้านนั้นดีใจนัก ชีวิตที่เคยผ่านมานั้นช่างลำเค็ญจนหลั่งน้ำตาไปหลายครา จนยามนี้คล้ายมีความหวังขึ้นมา อีกทั้งในหมู่บ้านยังมีหมอ ยามที่ก่อนจะลำบากก็ยังหาหมอประจำเมืองกันยากนัก ยามนี้ถึงกับมีหมอมาประจำที่หมู่บ้านของตนเอง ช่างวิเศษนัก ทั้งหมดนั้นก็จบเรื่องหนึ่งไป แต่ความจริงแล้วองค์ฮ่องเต้นั้นมีราชโองการ รับสั่งให้มาตรวจเขื่อนที่เพิ่งจัดสร้างเสร็จขึ้นมาและให้ตรวจตราเส้นทางน้ำไหลมิให้เกิดอุทกภัยในยามนี้ เช่นนั้นราชกิจของพระองค์จึงยังมิได้เริ่มขึ้นมาเลยแม้เพียงนิด จิ่งเฉินไท่จื่อเริ่มต้นตรวจทางน้ำไหล โดยพาองค์ชายน้อยขี่คอไปและถือแผนที่ให้องค์ชายน้อยเกาะอยู่บนหัวทรงให้ชมดูแผนที่ตามกันไปด้วย ทรงกางแผนที่ไปเลี้ยงบุตรไปพร้อมทั้งสั่งการทหารไปด้วย มู่หลิงซืออดชื่นชมมิได้เลยที่ทรงเป็นยอดบุรุษผู้กล้าแกร่งนัก "องค์ชายน้อยทั้งอ้วนทั้งหนักนัก หากเป็นนางก็คงคอคงหักลงมาเสียแล้วในยามนั้นช่างน่ากลัวอย่างยิ่งนัก” มู่หลิงซืออดหวาดผวาในใจตนมิได้เลย ทั้งสามต่างสนใจงานของตนเองไป มู่หลิงซือมีตำแหน่งทหารอารักขาและยังเป็นแม่ทัพผู้หนึ่งที่มีตราสั่งการทหารอยู่ในมือ เช่นนี้การดูแลที่พักการตั้งกระโจม การจัดเวรยามต่างๆจึงตกเป็นของนางแทบทั้งสิ้นในยามนี้ ยามที่ตั้งกระโจมแล้ว นางคิดว่าจะได้แยกอาบน้ำให้ชื่นใจตน แต่ทว่าองค์ชายน้อยและองค์รัชทายาทกลับอยากมาอยู่ในกระโจมเดียวกันไปเสียได้ มู่หลิงซือตาเบิกค้างในทันใด ดวงตาโตเท่าไข่ห่านขึ้นมาในทันที "องค์ไท่จื่อพะยะค่ะ คือว่า..กระหม่อม กระหม่อม คือ...เอ่อ...เอ้อ..มีไข้พะยะค่ะเกรงว่า..จะติดต่อผู้อื่นได้เช่นนั้นขออนุญาตแยกกระโจมเถิดพะยะค่ะ" จิ่งเฉินไท่จื่อแย้มรอยยิ้มเบาๆในทันใด เรียกองครักษ์ลับที่ภายนอกออกมาด้วยเสียงอันดัง "ปา พาองค์ชายน้อยออกไปนอนที่กระโจมของเจ้า ท่านแม่ทัพมู่มีไข้และให้คนไปนำยากับน้ำร้อนมาเสียด้วย!! "พะยะค่ะ!!! " องค์ชายน้อยได้ยินพระบิดาตรัสเช่นนั้นก็กอดรัดมารดาของตนและเอ่ยอย่างห่วงใยเบาๆขึ้นมาในทันใด "มู่ชิน ทรงหายไวนะพะยะค่ะ แต่มู่ชินมิต้องกลัวทรงมีฟู่ชินอยู่ทั้งคน ฟู่ชินบอกว่าเวลาที่เป็นไข้หากมีฟู่ชินกอดเอาไว้เสี่ยวเซียวก็จะหายดี คืนนี้ฟู่ชินต้องนอนกอดมู่ชิน พรุ่งนี้ก็จะหายดีแล้วนะมู่ชิน" มู่หลิงซือทำตาโตและส่ายหน้าไปมาอย่างลนลาน ดวงหน้าซีดคล้ายไก่ถูกต้มในหม้อนัก "นางแค่อยากจะอาบน้ำร้อน นางมิได้อยากอยู่กระโจมเดียวกันกับเจ้าหน้าปลาตายนี้ !!!! " ใบหน้าคมขยับเข้าหานางใกล้ชิดหลังจากส่งองค์ชายน้อยออกไปแล้ว ร่างแกร่งขยับรัดนางบดจุมพิตและตรึงเรือนผมของนางจนแน่นมิอาจขยับหนีไปได้เลย ร่างบางตาโตและทั้งดิ้นทั้งผลักไสอย่างรุนแรงนัก แต่มือหนากระตุกสายรัดเอวของนางและดึงขึ้นมารัดบนข้อมือของนางอย่างรวดเร็วในทันที เสียงทุ้มนุ่มกระซิบเสียงแหบพร่าออกมาพลัน "ข้าอดทนกับเจ้าต่อไปมิได้แล้วหลิงซือ " ร่างบางกำลังอ้าปากจะค้านแต่ทว่านางกลับแตกตื่นนัก นางตื่นตระหนกและกายสั่นไหวขึ้นมา "องค์ไท่จื่อเรียกนางว่า...หลิงซือ มิใช่หานซือ โอ้...ไม่นะ ความลับของนางแตกเสียแล้ว!!!! " "ฝ่าบาทหม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะฝ่าบาท ท่านพี่หายไปในสนามรบ..อุ้บ อรื้อ!!! " ร่างแกร่งบดจุมพิตนางบดขยี้จนปากบวมเจ่อ ทรงมิสนทนาอันใดกับนางอีก บดขยี้จุมพิตอยู่เช่นนั้น ทรงบดขยี้จุมพิตกับปากนุ่มๆของนางในคราแล้วคราเล่า กว่าจะทรงถอนจุมพิตออกไป นางก็แทบขาดใจตายลงไปแล้ว "เปิ่นไท่จื่อมิได้กล่าวถึงเรื่องของมู่หานซือแต่กล่าวถึงเรื่องของเราต่างหาก เปิ่นไท่จื่อส่งคนไปสืบหาข่าวของมู่หานซือแล้วอีกมินานคงได้ข่าว ทั้งวังหลวงและกองทัพทุกคนย่อมจดจำมู่หานซือได้ตั้งแต่ยามแรกเป็นแน่อยู่แล้ว มีเพียงคนโง่เง่ามิมากนักที่แยกเจ้าตัวเตี้ยเช่นเจ้าออกจากมู่หานซือมิได้ มู่หลิงซือ!!! "
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม