บทที่๔อารมณ์ล้วนๆ(๒)

1646 คำ
“ลูกแก้ว เธอนี่มัน...” กัดฟันกรอดๆ แล้วคว้าเหล้ามาเทลงคอติดๆ กันสองแก้วรวด และพอหมดแก้วที่สอง ด้านหลังของชายหนุ่มก็มีเสียงฝีเท้าของใครบางคนขยับเข้ามาใกล้ พร้อมกับถ้อยคำทักทายเชิงประหลาดใจ “เจ้านายยังไม่นอนอีกหรือครับ ผมนึกว่า...หลับไปแล้วซะอีก” คำเว้นช่องของลูกน้องหนุ่มทำให้ลูกชายคนโตของฟรังค์ แฮคตันกระตุกยิ้มเพราะรู้ความนัยนั้นดี ก่อนที่จะหรี่ตาแคบมองเลขาฯ หนุ่ม “แล้วนายล่ะ ทำไมถึงยังไม่นอน” “นอนไม่หลับครับ กะว่าจะมาหาเบียร์ดื่มสักกระป๋อง” “ถ้าอย่างนั้นก็นั่งดื่มเหล้าเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ ฉันก็นอนไม่หลับเหมือนกัน” แบรด เอ็ดสันลอบมองเสี้ยวหน้าคมของเจ้านายบังเกิดเกล้าเพียงนิดเมื่อพอจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้ จากนั้นก็เป็นฝ่ายคว้าเหล้าและแก้วของคนเป็นนายมาจัดการโดยไม่ลืมบริการตัวเองอีกแก้ว “อีกสองวันทีมโอดอลล์คงเดินทางมาถึง ผมคิดว่าสักสามวันทุกอย่างคงเรียบร้อย แล้วเจ้านายจะกลับแมนฮัตตันเมื่อไรครับ” ดวงตาสีน้ำตาลไหม้หันมาจับจ้องแก้วเหล้าที่เพิ่งคว้ามาแล้วเทลงคอจนหมด พลางถอนหายใจอย่างกลุ้มๆ “ก็คงกลับหลังจากสะสางเรื่องคนโกงนั่นเรียบร้อย นายคิดถึงบ้านเกิดแล้วเหรอ” “ไม่หรอกครับ ผมชอบบ้านสวนที่เมืองไทยมากกว่า” แบรดเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มๆ “และผมกำลังคิดว่าเจ้านายก็คงชอบที่นี่ไม่น้อยเหมือนกัน เพราะปัจจัยหลายๆ อย่างดีพร้อมไปหมด” “แบรด!” คนเป็นนายเรียกเสียงเขียว “อย่าพูดอะไรที่นายรู้ไม่จริง” “ครับผม” เมื่อถูกตำหนิจึงยอมรับหน้าซื่อ ก่อนจะเป็นฝ่ายเทเหล้าลงคอบ้าง เมื่อดื่มไปสองอึกใหญ่ๆ แล้วถึงเอ่ยถามคนเป็นนายอย่างใจกล้า “เจ้านายจะปล่อยคุณลูกแก้วกลับบ้านเมื่อไรครับ” “ลูกแก้ว? นายเรียกเธอว่าลูกแก้วอย่างนั้นหรือ” “ครับ คุณลูกแก้วบอกให้เรียกชื่อนี้” ความแข็งกร้าวที่ปรากฏเพียงวูบเดียวบนดวงตาของคนเป็นนายทำให้แบรดต้องนั่งตัวยืดตรง พลางแค่นยิ้มจืดๆ แล้วรีบเทบรั่นดีใส่แก้วของเจ้านายหนุ่มและของตัวเองตามลำดับ “ฮึ! จะลูกแก้วหรือประภาภรณ์ พ่อของหล่อนก็คือคนฉ้อโกงในสายตาของฉัน” จบคำแก้วเหล้าก็ถูกวางกระแทกลงบนเคาน์เตอร์เครื่องดื่มเต็มแรง ทำเอาคนที่นั่งอยู่ข้างๆ รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เวลานี้แบรดจึงเลือกใช้ความเงียบสยบทุกอย่าง พร้อมบริการคนเป็นนาย จนถึงแก้วที่ห้า ก็แสร้งยกมือปิดปาก พลางสะบัดหน้าน้อยๆ ขับไล่ความง่วงที่เดินทางมาเยือน กระทั่งยกแก้วเหล้าในมือดื่มจนหมดจึงขอตัว “ผมไปนอนก่อนนะครับ” “นายไปนอนเถอะ ฉันขอดื่มอีกสักแก้วแล้วถึงค่อยไป” บอกพลางยกมือไล่กลายๆ และทันทีที่พ้นแผ่นหลังของเลขาฯ หนุ่ม บรั่นดีแก้วแล้วแก้วเหล้าก็ถูกเทลงคออย่างต่อเนื่อง ผ่านไปนับครึ่งชั่วโมงดวงหน้านั้นเริ่มแดงก่ำ จึงได้วางแก้วเหล้านั้นลงบนเคาน์เตอร์ ก่อนจะปรือตาเพ่งมองภาพที่พร่าเลือนตรงหน้า แล้วจึงมุ่งปลายเท้าขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านด้วยท่าทีมึนเมา เมื่อถึงสถานที่เป้าหมาย อุ้งมือร้อนผ่าวก็หมุนลูกบิดประตูแล้วผลักเข้าสู่ด้านใน ขยับปลายเท้าเซซ้ายเซขวามุ่งไปยังเตียงกว้างซึ่งตอนนี้มีร่างอรชรครอบครองฝั่งหนึ่งของเตียงอยู่ สองข้างขมับที่กำลังเต้นตึกตักอยู่ในตอนนี้ทำให้มือหนาต้องยกขึ้นแล้วบีบแรงๆ หากความเจ็บปวดนั้นก็ต้องทำให้นิ่วหน้า แล้วล้มตึงลงนอนราบบนเตียง พลางร้องเรียกคนตัวเล็ก “ประภาภรณ์” ชื่อที่จำแม่นถูกนำมาใช้เรียกทันที พร้อมกับที่ร่างสูงขยับเข้ามาบดเบียดบริเวณซอกคอเนียน ทำเอาคนที่เพิ่งข่มตาหลับดิ้นหนีออกห่าง และเมื่อได้กลิ่นเหล้าที่โชยออกมาต้องจมูกถึงกับทำหน้ายุ่ง เธอพลิกกายหันมาหา แล้วยกมือผลักหน้าตาคนหล่อขี้เมาออกห่างทันที ปากเล็กๆ นั้นเบ้ใส่ “นี่คุณ ไปอาบน้ำล้างกลิ่นเหล้าหึ่งๆ เดี๋ยวนี้เลยนะ เหม็นจะตายชัก” “อย่ามาปากดี” คนปวดหัวผุดลุกนั่งขึ้นเถียง “เธอนั่นแหละที่ต้องไปหาผ้ามาเช็ดหน้าให้ฉัน ไปสิ! ไปทำหน้าที่ชดใช้ความผิดแทนพ่อของเธอสักหน่อย เผื่อฉันจะใจดีปล่อยเธอให้เป็นอิสระ” “ฉันจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น ฉันจะนอน” ว่าจบก็รั้งผ้าห่มมาคลุมโปงจนมิดศีรษะ ก่อนจะพลิกกายนอนคว่ำไม่ขอรับรู้อะไรอีก หากเพียงอึดใจเดียวร่างบางก็ต้องเย็นวาบเพราะผ้าห่มผืนหนาถูกพรากไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เพียงลืมตามองก็พบว่ามันไปกองอยู่ข้างเตียงเรียบร้อยแล้ว “เอ๊ะ! คุณจะเอายังไงกับฉันฮ้า!” ร้องถามปาวๆ อย่างหัวเสีย ดีดเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง เชิดหน้าขึ้น แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้านิ่วคิ้วขมวด จึงยื่นปลายนิ้วไปแตะที่ไหล่กระด้างเบาๆ “เป็นอะไรไปน่ะคุณ” “ปวดหัว” คนตัวโตครวญตอบเบาหวิว ‘สมน้ำหน้า! เส้นสมองแตกตายไปเลยยิ่งดี’ ถ้อยคำสาปแช่งโพล่งดังอยู่ในใจ แต่การกระทำในตอนนี้ก็คือวาดขาลงจากเตียง หาผ้าขนหนูผืนเล็กไปชุบน้ำหมาดๆ แล้วกลับมาเช็ดเบาๆ บนเสี้ยวหน้าสากระคาย “นึกอะไรไปดื่มเหล้าตอนนี้” บ่นอุบแล้วลงมือหนักๆ คล้ายตบให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวมากกว่าจะซับหน้าให้สดชื่น จากนั้นก็ส่งผ้าผืนเล็กให้ชายหนุ่มจัดการตัวเองพลางเอ่ยออกมา “ฉันจะไปหายาแก้ปวดหัวมาให้ รอสักครู่นะ” เมื่อเขาครางอืออาตอบรับ พัณณิตาก็ก้าวลิ่วๆ ออกจากห้อง ปรี่ลงไปยังชั้นล่าง เดินหายาแก้ปวดราวสิบนาทีถึงกลับขึ้นมาพร้อมน้ำเปล่าแก้วโต “กินยาแล้วก็ดื่มน้ำซะสิ จะได้มีชีวิตรอดถึงพรุ่งนี้” “แช่งผมหรือคุณ” เจ้าพ่อโรงแรมว่าแล้วก็ฉวยยากับน้ำเปล่ามาจัดการตามคำของคนตัวเล็ก เมื่อกินยาดื่มน้ำเรียบร้อยก็จ้องมองหญิงสาวตาไม่กะพริบ ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะขยับต่อว่า “คุณควรจะรู้ไว้ ที่ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะคุณนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุ” “คุณเมาเหล้าแล้วมาโทษอะไรฉันไม่ทราบ” แหวกลับด้วยตาขุ่นๆ จากนั้นก็เดินอ้อมไปอีกฝั่ง คว้าผ้าห่มที่กองไว้บนพื้นมาวางบนเตียง ก่อนจะก้าวขึ้นมาเตรียมนอนหลับพักผ่อน “แถมเหล้านั่นฉันก็ไม่ได้บังคับให้คุณดื่มสักหน่อย ฮึ! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นคุณก็มาลงที่ฉันหมด เชอะ!” “ใช่! คุณมันผิดทุกอย่าง” คนตัวโตโพล่งออกมาเสียงดังก้อง แล้วกระโจนมาทาบทับร่างบอบบาง “ว้าย! นี่คุณ ไปห่างๆ เลยนะ” “เธอมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉันฮ้า!” ตะคอกพลางกดปลายจมูกลงหนักๆ ที่แก้มนวล “อยากรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงต้องดื่มเหล้า ก็เพราะนี่ไง เนื้อตัวหอมๆ มันเย้ายวนอารมณ์ดิบเถื่อนของฉัน” ว่าแล้วก็ซุกไซ้ที่ซอกคอขาว พลางขบเม้มแรงๆ จนเป็นรอยจ้ำ “นี่คุณ อย่าทำแบบนี้นะ ถอยไปสิ!” “ผมไม่ถอย ผมต้องการคุณรู้ไหม ผมทรมานจนใจแทบขาดอยู่แล้ว” ชายหนุ่มร้องดังด้วยเสียงเหนื่อยปนหอบ ก่อนที่ปากหยักจะขยับลงมาที่เนินปทุม ขณะที่อุ้งมือกำลังวาดสำรวจไปตามแอ่งชีพจรของร่างอรชรซึ่งตอนนี้กำลังดิ้นพราดหาทางหนีไม่หยุดหย่อน คนปวดหัวตุ้บๆ นิ่วหน้าเพียงนิด แล้วลากปลายจมูกไปทั่วเนินขาวผ่องที่โผล่พ้นเสื้อนอนตัวบาง ร่างกายกำยำบดเบียดร่างเล็ก ขณะที่ขายาวๆ พาดทับขาเล็กเอาไว้แน่น ส่วนมือนั้นก็เลื่อนขยับมาครอบครองดอกบัวคู่งาม “ลูกแก้ว...ผม...” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกน่าฟัง ขณะที่ลมหายใจร้อนๆ ก็พวยพุ่งใส่คนที่กำลังดิ้นหนีหาอิสรภาพ พัณณิตากำลังปั่นป่วนไปหมดทั้งร่าง เธออยากผลักเขา อยากจะด่าเขาให้สาสมกับความเจ็บใจ หากความรู้สึกร้อนวูบวาบที่เพิ่งหายไปเมื่อชั่วโมงก่อนก็ตีวนเข้าโอบล้อมกาย ทำให้เธอหนาวและร้อนคล้ายจะเป็นไข้ ลำคอแห้งผาก รู้สึกว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของตัวเองอีกแล้ว เวลานี้จึงทำได้เพียงดิ้นรนหนี แต่ไม่ว่าจะขยับเอียงตัวไปทางไหน ปลายจมูกโด่งๆ ก็เฝ้าตามติดไม่ลดละ จนเธอถึงกับหอบหายใจแรง แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องเงียบสงัดในอีกไม่กี่นาทีต่อมา มีเพียงระดับการหายใจสม่ำเสมอที่รินรดอยู่ระหว่างอกอิ่มทั้งสองข้างเท่านั้น ‘เกิดอะไรขึ้น’ ร้องถามตัวเองอยู่ในใจ และความจริงทุกอย่างก็วิ่งเข้ามาในความรู้สึก เมื่อตอนนี้เจ้าของร่างกายกำยำที่ดื่มด่ำอยู่กับเนื้อตัวของเธอสิ้นฤทธิ์ไปแล้ว พัณณิตาจึงออกแรงผลักให้ชายหนุ่มไปนอนแผ่หลาอยู่ข้างๆ แล้วรั้งผ้าห่มมาคลุมโปง ก่อนจะนับแพะนับแกะไปเรื่อยๆ หมายจะขับกล่อมตัวเองให้หลับ และพอตื่นมาตอนเช้า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนี้จะได้เป็นเพียงแค่ฝันไปเท่านั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม