พัณณิตารีบวาดขาลงจากเตียงกว้าง เธอขยับตัวถอยจนไปชิดริมหน้าต่าง ขณะที่เจ้าพ่อหนุ่มเดินหน้าตั้งตรงดิ่งมาหาเรื่อยๆ ดวงตาสีน้ำตาลไหม้ไร้ซึ่งแววล้อเล่นทำให้หญิงสาวอยากจะกรีดร้องลั่น หรือไม่ก็กระโดดหนีออกไปทางหน้าต่างให้รู้แล้วรู้รอด เพราะใบหน้าของเขานั้นน่ากลัวราวกับอสูรที่ผุดขึ้นมาจากขุมนรกก็ไม่ปาน
“ยะ...อย่าเข้ามานะ”
ห้ามเขาด้วยเสียงสั่นๆ ยิ่งแผ่นหลังติดผนังห้อง หาทางหนีต่อไปไม่ได้ คนตัวเล็กก็แทบจะปล่อยโฮ หากยังอุตส่าห์ทำใจกล้าสู้กับเสือโคร่งตัวใหญ่ด้วยการยื่นข้อเสนอประนีประนอม
“นี่นาย ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำตัวอย่างนี้อีก”
ยิ่งคนตัวโตขยับเข้ามาจวนเจียนประชิดตัว หญิงสาวจึงรีบชูสองนิ้วให้ทันที
“ฉันจะไปทำตัวแบบนี้อีก ฉันสัญญา นายเลิกโกรธเถอะนะ อย่าทำหน้ายักษ์แบบนั้นสิ คือฉัน...เอ่อ...ฉันกลัว” บอกแล้วแค่นยิ้มจืด หากมันคงไม่ได้ผลอยู่ดี แถมยังทำให้สีหน้าท่าทางของยักษ์วัดแจ้งน่ากลัวมากกว่าเดิม
“นี่นาย คือฉัน...”
“หุบปาก! ต่อให้เธอก้มกราบแทบเท้าของฉัน เธอก็ไม่มีทางรอดหรอก วันนี้ฉันจะจัดการเธอให้สิ้นเรื่องสิ้นราว!” ก้าวเพียงครั้งเดียวก็สามารถประชิดร่างอรชร แต่มีหรือที่คนตัวเล็กจะยอมง่ายๆ เธอรีบดิ้นเร่าทันทีที่ถูกอีกฝ่ายตะครุบตัว
“ว้าย! ปล่อยฉันนะ อีตาบ้า! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
“มานี่เลย แม่ตัวดี” เจ้อพ่อโรงแรมเค้นเสียงว่า แล้วลากคนตัวเล็กให้ก้าวตาม เมื่อเธอยังแสนพยศ จึงก้มลงแล้วอุ้มร่างแน่งน้อยพาดบ่าแข็งแรง ก่อนจะโยนลงบนเตียงอย่างไม่ปรานี
“โอ๊ย!” คนถูกทุ่มจุกเจ็บไปทั้งตัว น้ำตาเจ้ากรรมรื้นขึ้นมาเตรียมไหลอาบแก้ม
“ไอ้บ้า! ทุ่มมาแบบนี้ เห็นฉันเป็นตัวอะไรฮ้า! คิดว่าฉันเจ็บไม่เป็นหรือยังไง” ตัดพ้อต่อว่าชายหนุ่มออกมาเป็นชุด เมื่ออีกฝ่ายทิ้งตัวลงนั่งบนขอบเตียง ก็เตรียมกระโจนไปอีกฝั่งหมายจะหนีให้ห่างเขา หากเพียงเธอขยับเท่านั้น ข้อเท้าเล็กก็ถูกคว้าหมับทันที
“ว้าย!”
พัณณิตาหวีดเสียงร้อง เพราะอีกฝ่ายลากเธอมากลางเตียง แล้วก็ทาบทับร่างกำยำลงมาทันที
“อีตาบ้า! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ นายจะทำอะไรฉันฮ้า! ฉันไม่ยอมนะ นายห้ามทำแบบนี้กับฉัน” เธอโวยวายลั่น มือน้อยๆ ทุบเนื้อทรงพลังไม่ยั้งแรง ฟาดได้เป็นฟาด ข่วนได้เป็นข่วน แข้งขาร่วมเตะถีบไม่มีหยุดหย่อน
“หยุดสะดีดสะดิ้งสักที เธอพยศมากไปแล้วนะ วันนี้ฉันจะกำราบเธอเอง”
คนตัวโตเค้นเสียงขู่อยู่ใกล้ๆ ใบหูนุ่ม ก่อนจะกดจูบหนักๆ ลงข้างแก้ม จากนั้นใบหน้าคมสากระคายก็ซุกไซ้ลาดต่ำลงมาที่ลำคอขาวผ่อง แม้คนตัวเล็กจะดิ้นรนเบือนหนีสักแค่ไหน แต่เธอก็ไม่อาจต้านทานพละกำลังของคนบ้าอำนาจได้
“อย่านะ...” พัณณิตาโอดครวญ “ฉันทำผิดก็จริง แต่นายต่างหากที่ผิด ผิดที่จับตัวฉันมายังไงเล่า”
“ฉันไม่ผิด พ่อเธอนั่นแหละผิด” ชายหนุ่มออกปากเถียงทันควัน แล้วขบเม้มแรงๆ ที่ลำคอเนียน จนคนตัวเล็กต้องโอดครวญ หากเสียงของหญิงสาวที่เตรียมพ่นคำด่าทอก็เหือดหายไปจนหมด เพราะถูกปากหยักได้รูปขยับขึ้นมาทาบทับ แล้วบดเบียดอย่างตะกละตะกลาม
“อื้อ!”
พัณณิตาดิ้นรนพลางยกมือดันคนตัวโตให้ออกห่างจากเรือนร่าง แต่แล้วเธอก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อลมหายใจร้อนๆ และปากหยักได้รูปขยับเคลื่อนไปทั่วลำคอขาว พร้อมๆ กับมือทั้งสองข้างเคลื่อนครอบครองดอกบัวคู่งามอย่างไม่ทะนุถนอม จนพานทำให้คนตัวเล็กเริ่มสะอื้น เนื้อตัวนั้นสั่นเทาไปหมด เมื่อเป็นเช่นนั้นแฟรงค์ แฮคตันจึงยอมปล่อยมือจากอกอิ่ม ค่อยๆ เงยหน้าห่างจากซอกคอที่เป็นรอยแดงจ้ำ สบตาคนตัวเล็กด้วยประกายตาอ่อนโยน
“เจ็บมากไหม”
ถามเสียงเบาหวิว ประกายตาทั้งสองข้างฉายแววขอโทษอยู่ในที หากมีเพียงแรงสะอื้นเท่านั้นที่เป็นคำตอบ เห็นอาการแบบนั้นชายหนุ่มจึงโน้มหน้าลงแล้วจูบบนกลีบปากอิ่ม
“ฉันขอโทษ...”
คำขอโทษที่ดูจริงใจทำให้พัณณิตากัดปากอิ่มไว้แน่น หัวใจเจ้ากรรมพลันเต้นแรงอย่างน่าเหลือเชื่อ และเธอก็ต้องตัวเฉียบเย็นไปทุกส่วนสัด เมื่อปากร้อนๆ ของเขาค่อยๆ บรรจงจูบซับลำคอที่เขาทำเป็นรอยแดง ทุกการกระทำละมุนละไมแผ่วเบาราวกับปุยนุ่ม
“เธอเจ็บตรงไหน ฉันจะจูบรักษาตรงนั้น”
คำพูดห้าวทุ้มน่าฟังทำให้หญิงสาวเบิกตากว้าง เธอรีบยกมือน้อยๆ ดันใบหน้าคมให้ออกห่าง เพราะตอนนี้เขาขยับไล่จากลำคอ ลาดต่ำลงมาบนทรวงงามทั้งสองข้าง แล้วกดปลายจมูกลงไป
“อย่านะ” ร้องห้ามพลางเบือนหน้าหนี
“ลูกแก้ว...” เขาเรียกเสียงหวานฉ่ำ ดวงตาคมสีน้ำตาลไหม้หรี่ปรือ “ให้ฉันได้จูบรักษาความเจ็บของเธอนะ”
เขาปิดคำห้ามปรามของร่างอรชรด้วยการขยับปากจูบหนักๆ ลงบนกลีบปากอิ่ม เคล้าคลออยู่อย่างนั้นจนพัณณิตาตัวเบาโหวง สมองของเธอขาวโพลนไปหมด ตอนนี้อุ้งมือร้อนผ่าวของชายหนุ่มจึงไล้ไปตามแอ่งชีพจร ก่อนจะล้วงเข้าไปตามชายเสื้อ แล้วไต่ระดับไปครอบครองอกนิ่ม
มือหนาลูบวนเบาๆ พลางสอดปลายนิ้วรานรุกลูกเชอร์รี่ขนาดจิ๋ว แม้พัณณิตาจะรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แค่ยกมือจะผลักเขาให้ออกห่าง เรี่ยวแรงของเธอก็มลายหาย เพียงคำทัดทานก็ไม่อาจเปล่งออกมาให้ชายหนุ่มรับรู้ได้
ปากเธอยังคงถูกครอบครองอยู่อย่างนั้น ขณะที่มือของเขาวาดไล้ไปทั่วกาย ไม่นานนักก็รู้สึกว่าพันธนาการชิ้นน้อยๆ ที่ติดกายก็หลุดหายไปจนต้องผวาไขว่คว้า แต่เธอก็คว้าได้เพียงความว่างเปล่า และชั่วอึดใจอัตราเต้นของหัวใจก็โถมแรง พร้อมๆ กับเรือนกายที่ถูกความอบอุ่นโลมเล้าไปทั่วทุกรูขุมขน
“อย่า...”
ร้องห้ามทันทีเมื่อสติที่จางหายไปนั้นกลับคืนมา มือน้อยๆ ป่ายปัดมือใหญ่ที่ลากไล้อยู่แถวๆ หน้าท้องเนียน พลางกัดปากข่มฟันแต่กระนั้นก็ต้องร้องครวญครางเพราะอุ้งปากร้อนๆ อ้างับกลืนกินผลเชอร์รี่ราวกับทารกน้อยหิวน้ำนมอุ่นๆ ของมารดา
สติของพัณณิตาขาดหายจนย่อยยับ ความรู้สึกหลากหลายปะปนกันจนยุ่งเหยิง แต่แล้วความหอมหวานละมุนละไมก็แปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่น่ากลัวจับขั้วหัวใจ เมื่อมันให้ความรู้สึกเจ็บร้าวทรมานไปทั้งสรรพางค์กาย
“เจ็บ...”
คนที่ถูกช่วงชิงพรหมจรรย์ครวญแผ่วๆ ในลำคอ พร้อมกับที่น้ำตาหยาดรินหล่นไปเปื้อนหมอนนุ่ม ทำเอาคนที่เพิ่งรานรุกกายสาวถึงกับชะงักไปชั่วครู่ เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นผละจากดอกบัวเต่งตึง แล้วขยับไปจูบเบาๆ บนดวงตากลมๆ ซึ่งรื้นไปด้วยหยาดน้ำ
“ชู่ว์! ลูกแก้วอย่าร้องนะครับ”
คำอ่อนโยนดังกระซิบอยู่บนแก้มอิ่ม แล้วปลายจมูกก็ลากไล้ไปตามกรอบหน้า ก่อนปากของเขาจะมาหยุดนิ่งที่เรียวปากแล้วรุกรานโพลงปากนุ่ม พร้อมกับเริ่มร่ายมนต์คาถาให้เธอจมดิ่งอยู่ในน้ำตกที่สาดเทลงมามากกว่าเก้าชั้น ดำผุดดำว่ายเท่าไรก็ไม่อาจโผล่พ้นน้ำขึ้นมาได้ แม้ว่ามันจะทรมานแทบขาดใจ หากกลับเย็นฉ่ำไปทั่วทั้งตัว
มันเป็นความทรมานที่บอกไม่ถูก แม้พยายามเฝ้าถามตัวเองเป็นร้อยคำถามเพียงใด หากคำตอบที่เธอจวนเจียนจะได้พบก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงหอบกระเส่าซึ่งเป่ารดเนื้อเปลือยเปล่าของตัวเองเท่านั้น
และสุดท้ายแล้ว อาการตะเกียกตะกายใต้น้ำของเธอก็เป็นผลสำเร็จ หญิงสาวสามารถโผล่ขึ้นมาสูดอากาศบริสุทธิ์เหนือผืนน้ำนั้นได้ แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่า กว่าจะผ่านพ้นจุดนั้นมาได้ เธอก็แทบขาดใจตายอยู่หลายครั้ง แต่ทุกๆ ครั้งก็เหมือนมีใครคนหนึ่งคอยฉุดดึงอยู่ตลอดเวลา
เสียงลมหายใจแผ่วๆ ของสองคนเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากที่เจ้าพ่อโรงแรมครางต่ำ พร้อมๆ กับอาการหวีดร้องของคนตัวเล็ก นาทีนี้ทุกอย่างในห้องเงียบสงบ มีเพียงกลิ่นอายของแรงพิศวาสลอยคละคลุ้งล้อมตัวคนทั้งคู่ แฟรงค์ แฮคตันค่อยๆ ผ่อนลมหายใจให้เชื่องช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากอกอิ่มซึ่งอยู่ในระดับสายตากลับทำให้ลำคอนั้นแห้งผากอีกครั้ง แต่เมื่อขยับใบหน้าซุกลงไป มือน้อยๆ ก็ยกขึ้นต่อต้าน แต่ไม่ว่าจะทัดทานเท่าไร พัณณิตาก็ต้องกลับไปจมอยู่ใต้น้ำอีกครั้งและอีกครั้งอย่างทรมาน