หลังจากตื่นนอนนะโมก็ขับรถหกล้อไปส่งเพื่อนทั้งสองขึ้นรถสองแถวที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน เพื่อนั่งรถโดยสารกลับหมู่บ้านช้างใหญ่
“ว่าง ๆ เดี๋ยวพวกกูมาเล่นด้วย”
“เออ กูว่างตลอด พวกมึงมาหาได้เสมอ” นะโมเอ่ยตอบไม้แล้วหันไปยังรถโดยสารที่แล่นมาพอดี ก่อนจะได้ยินเสียงก้านพูดขึ้นเมื่อรถคันดังกล่าวจอดสนิท
“พวกกูไปก่อนนะ”
“นั่งรถดี ๆ” สิ้นเสียงนะโมก้านกับไม้ก็พยักหน้าตอบ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถโดยสาร โดยมีนะโมยืนมองกระทั่งรถคันดังกล่าวแล่นออกไป ก็ถอนหายออกมาเบา ๆ เมื่อใจหายไม่น้อยที่ต้องห่างไกลจากเพื่อนสนิททั้งสอง ทั้งที่เมื่อก่อนเจอกันทุกวันไม่เคยห่างไกลกันเลยสักครั้งตั้งแต่เด็กจนโต
หลังจากรถโดยสารแล่นออกไปจนพ้นสายตา นะโมก็เดินไปขึ้นรถหกล้อของตัวเองที่จอดอยู่ข้างถนน จากนั้นก็รีบกลับบ้านเพราะไม่อยากทิ้งชัยชนะช้างของตนไว้ที่บ้านเพียงลำพัง
เมื่อมาถึงบ้านนะโมก็ไปเอาหญ้าเนเปียร์ให้ช้างกิน ก่อนจะไปนั่งกินข้าวเหนียวไก่ปิ้งที่แวะซื้อระหว่างกลับบ้าน หลังจากทำอะไรเสร็จนะโมก็ปลดโซ่ที่คล้องไว้กับเสา เพื่อพาพลายชัยไปอาบน้ำที่หนองน้ำท้ายหมู่บ้าน
แม้ช่วงนี้อากาศจะไม่ร้อนเพราะฝนตกวันเว้นวัน เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน แต่เพราะอยากให้ช้างของตนสะอาด กลิ่นตัวไม่เหม็นสาบ จึงจะอาบน้ำให้ทุกเช้า
“ไปเล่นน้ำกันลูกพ่อ” สิ้นเสียงทุ้ม นะโมก็เอื้อมมือไปจับใบหูของพลายชัย เพื่อบังคับให้ช้างตัวผู้เดินออกมาเพิงหลังคา จากนั้นก็เอาตะขอช้างคล้องไว้ยังใบหูของพลายชัยแล้วเหยียบยังขาของช้าง
เมื่อช้างเลี้ยงของตนยกขาขึ้น นะโมก็ปีนขึ้นไปนั่งบนหลังช้างอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็ใช้เท้าสะกิดที่ใบหูของช้างทั้งสองข้าง เพื่อบังคับให้ช้างเลี้ยงเดินไปข้างหน้า
“ไป”
ตลอดทางเจ้าของดวงตามีเสน่ห์ มองบรรยากาศภายในหมู่บ้านที่เขียวชอุ่ม ซึ่งมองไปทางไหนก็สบายตา ขณะนะโมขี่ช้างเดินไปตามถนน ชาวบ้านก็พากันมองเขากับช้างด้วยความแปลกตา เพราะที่หมู่บ้านไม่มีใครเลี้ยงช้างเลย หลัก ๆ คนที่เลี้ยงจะอยู่หมู่บ้านช้างมากกว่า
หลังจากขี่ช้างมาสักพักก็ถึงยังร้านค้าของยายณี ขณะที่พลายชัยชนะกำลังจะเดินผ่านหน้าร้านค้าเล็ก ๆ นะโมก็ใช้เท้าสะกิดที่หลังใบหูของพลายชัยพร้อมกับเอ่ยบอก
“ชัยหยุด” จากนั้นร่างสูงก็ลงจากหลังช้างแล้วเอ่ยบอกช้างคู่หู…
“รอตรงนี้นะลูกเดี๋ยวพ่อมา” พูดจบนะโมก็เดินเข้าไปในร้านยายณี เพื่อซื้อน้ำอัดลมเย็น ๆ ไว้ดื่มแก้กระหายระหว่างพลายชัยเล่นน้ำ เมื่อเดินเข้ามาในร้านนะโมก็เห็นเพชร กำลังยืนคุยกับยายณีพอดี ตนจึงเดินเข้าไปหา
“น้าเพชรมาซื้ออีหยังครับ?” (น้าเพชรมาซื้ออะไรครับ?) ทางด้านเพชรขณะกำลังจะจ่ายเงินค่าผงชูรสที่พระพายให้มาซื้อ พอได้ยินเสียงเอ่ยถามดังมาจากทางด้านหลัง จึงสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันไปทางชายหนุ่มรุ่นลูก
“กูมาซื้อผงนัวให้เมีย” (กูมาซื้อผงชูรสให้เมีย)
“มื้อนี้ได้อีหยังกินน้า” (วันนี้ได้อะไรกินน้า) เอ่ยถามน้าชายที่รู้จัก ขณะเดินไปหยิบน้ำอัดลมที่แช่อยู่ในถัง ก่อนจะเดินไปจ่ายเงินกับยายณีที่ยืนรออยู่
“บ่ฮู้ เมียกูเฮ็ดหยังให้กิน กูกะกินเบิดนั่นล่ะ ขอแค่เป็นฝีมือเมียกู” (ไม่รู้ เมียกูทำอะไรให้กิน กูก็กินหมดนั่นแหละ ขอแค่เป็นฝีมือเมียกู)
“หวานคักเนอะน้า” (หวานมากนะน้า)
“แล้วมึงสิไปไส?” (แล้วมึงจะไปไหน?)
“ผมกำลังสิพาช้างไปเล่นน้ำ” (ผมกำลังจะพาช้างไปเล่นน้ำ)
“พาไปเล่นอยู่หนองน้ำท้ายหมู่บ้านพุ้นล่ะ แนวมันกว้าง ๆ” (พาไปเล่นอยู่หนองน้ำท้ายหมู่บ้านนู่นแหละ ที่มันกว้าง ๆ)
“ครับผม” หลังจากพูดคุยกันพอหอมปากหอมคอ ทั้งสองก็แยกย้ายกัน ขณะนะโมกำลังจะเดินไปหน้าร้าน ก็เห็นเพชรเดินไปหยิบกุญแจรถอาซี ที่วางอยู่โต๊ะม้าหินอ่อน ซึ่งด้านข้างมีเอ็มร้อยฝาหลวมตั้งวางอยู่ โดยไม่รู้ว่าเป็นของใคร นะโมจึงเลือกไม่สนใจ เดินออกมานอกร้านเหยียบขาชัยชนะ แล้วปีนขึ้นไปนั่งบนหลังช้าง
“ไป” จากนั้นก็บังคับช้างเดินไปยังหนองน้ำท้ายหมู่บ้านทันที…
ทางด้านพลอยหลังจากกวาดบ้าน ถูบ้านเสร็จ ก็เข้าไปหาแม่ที่อยู่ในครัว เพื่อดูว่ามีอะไรให้เธอช่วยบ้าง เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วก็จะขึ้นไปอาบน้ำบนห้อง ในขณะที่ร่างเล็กกำลังจะเดินออกจากครัว พ่อของเธอก็เดินเข้ามาพอดี ทำให้ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน เท้าสองข้างจึงหยุดชะงัก
“อ้ายไปซื้อผงนัวอยู่ไส คือโดนแท้?” (พี่ไปซื้อผงชูรสที่ไหน ทำไมนานจัง?)
“อ้ายพ้อบักโม กำลังพาช้างไปเล่นน้ำอยู่หนองหน้าร้านยายณี กะเลยแวะคุยนำมัน” (พี่เจอไอ้โม กำลังพาช้างไปเล่นน้ำที่หนองหน้าร้านยายณี ก็เลยแวะคุยกับมัน) สิ้นเสียงเพชรพลอยก็หูผึ่งทันที ก่อนจะไม่รอช้ารีบวิ่งขึ้นไปบนห้องเพื่ออาบน้ำอาบท่า
เมื่อเสร็จก็รีบวิ่งลงมาข้างล่าง แล้วเดินไปคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ออโตคู่ใจของเธอ พร้อมกับเอ่ยบอกคนเป็นแม่ ที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน
“แม่เดี๋ยวหนูมาเด้อ”
“ไปไส?” (ไปไหน?)
“แถว ๆ นี่ล่ะ” (แถว ๆ นี้แหละ) พูดจบพลอยก็สตาร์ตรถแล้วขับออกจากบ้านทันที
โดยมีสายตาของคนเป็นแม่ ที่มองลูกสาวตัวแสบพร้อมกับส่ายหน้ากับความดื้อรั้นที่นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ
เมื่อขับรถมาถึงท้ายหมู่บ้าน ที่เป็นทางไปไร่นาของชาวบ้าน ตาคู่สวยก็พยายามมองหาอีกคน กระทั่งสายตาสะดุดกับนะโม ที่กำลังเล่นน้ำกับช้างอยู่ในหนองน้ำขนาดใหญ่ของหมู่บ้าน พลอยจึงไม่รอช้ารีบจอดรถพร้อมกับเอาขาตั้งลง จากนั้นก็เดินไปหานะโมทันที…
นะโมนั่งอยู่บนหลังช้าง กำลังวักน้ำลูบศีรษะชัยชนะ ในขณะช้างตัวผู้ก็ใช้งวงสูบน้ำแล้วพ่นใส่ตัวเองด้วยท่าทีอารมณ์ดี ก็เหลือบเห็นพลอยที่สวมใส่กางเกงยีนขาสั้นกับเสื้อยืดสีขาว กำลังเดินลุยน้ำมาหาตน จึงเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย สองคิ้วขมวดมุ่นเมื่อเห็นเธอมาที่นี่
“พลอยมาทำอะไร?”
“มาดูนา ขับรถผ่านเห็นพี่กำลังพาช้างเล่นน้ำอยู่ หนูก็เลยมาดู”
“ไม่เคยเห็นคนหล่อพาช้างเล่นน้ำใช่ไหมล่ะ”
นะโมพูดด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ ทำเอาพลอยที่ยืนมองอยู่ เห็นรอยยิ้มของเขาก็ใจเต้นสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ เขินอายในใบหน้าหล่อเหลามีเสน่ห์ของเขา จนหาทางออกไม่เจอ
ก่อนจะพยายามกลั้นความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ ไม่ให้แสดงออกมา จากนั้นก็เดินไปหยุดข้างหน้าช้างตัวใหญ่ แล้วเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงใสแจ๋ว
“หนูขอขึ้นไปนั่งบนหลังช้างด้วยได้ไหม?”
“เดี๋ยวเสื้อผ้าก็เปียกหรอก”
“เปียกก็ไปเปลี่ยน บ้านอยู่แค่นี้”
“ถ้างั้นก็แล้วแต่” เมื่อได้ยินคำอนุญาตพลอยก็หลุดยิ้มด้วยความดีใจ จากนั้นก็พยายามมองหาทางขึ้น แต่เพราะไม่รู้ว่ามันต้องขึ้นตรงไหน จึงถามอีกคนที่นั่งอยู่บนหลังช้าง
“มันขึ้นยังไง?”
“พลอยขยับออกไปก่อน” เมื่อพลอยขยับออก นะโมก็เอ่ยบอกพลายชัย
“ชัยนั่งลง” เมื่อช้างตัวผู้ได้ยินเช่นนั้น ก็นั่งลงตามที่พ่อของมันสั่งอย่างว่าง่าย นะโมจึงเอ่ยบอกพลอยที่ยืนมองด้วยใบหน้าตื่นเต้น เห็นเช่นนั้นก็เอ็นดูไม่น้อย
“เหยียบที่ขาช้าง แล้วปีนขึ้นมานั่งข้างหน้าพี่”
“ข้างหน้าเหรอ?”
“แม่น” (ใช่)
“ก็ได้” แม้คำตอบที่ได้ยินจะทำให้เขินอายไม่น้อย แต่พลอยก็เลือกไม่ปฏิเสธ รีบเดินไปหยุดยืนข้างพลายชัย ก่อนจะยกมือไหว้เพื่อทำความเคารพช้างตัวใหญ่ เพราะต้องเหยียบหัวเพื่อขึ้นไปนั่งข้างบน
ขณะพลอยกำลังจะเหยียบขาพลายชัย ก็ได้ยินนะโมเอ่ยบอก
“มือซ้ายจับหูช้าง ส่วนมือขวายื่นมาหาพี่” ซึ่งพลอยก็รีบทำตามที่นะโมบอกอย่างว่าง่าย เมื่อมือซ้ายจับหูช้างแล้ว เธอก็เลื่อนมือขวาไปจับมือนะโมที่แบรออยู่ พอมือทั้งคู่ประสานกันแนบแน่น พลอยก็พูดขึ้นเพื่อเบี่ยงเบนความเขินอายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้
“พี่อย่าปล่อยมือหนูนะ หนูกลัวตก”
“อ้ายบ่ปล่อยให้อีหล่าตกง่ายปานนั้นดอก” (พี่ไม่ปล่อยให้พลอยตกง่ายขนาดนั้นหรอก)
“ขั่นอ้ายปล่อยหนูตก หนูเอาอ้ายตายอีหลีพร้อม” (ถ้าพี่ปล่อยหนูตก หนูเอาพี่ตายจริง ๆ ด้วย)
“เอาตายเลยติ จังซั่นอ้ายปล่อยอีหล่าตกน้ำดีกว่า เพราะอ้ายอยากถืกอีหล่าเอาตาย” (เอาตายเลยเหรอ ถ้างั้นพี่ปล่อยพลอยตกน้ำดีกว่า เพราะพี่อยากโดนพลอยเอาตาย)
สิ้นเสียงหยอกล้อ พลอยก็รีบปีนขึ้นไปนั่งบนหลังช้าง เพราะกลัวนะโมปล่อยเธอจริง ๆ เมื่อขึ้นไปนั่งบนหลังช้างสำเร็จ พลอยก็หันไปทางคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงติดขัดพร้อมทั้งอาการเขินอาย
“ท...ทะลึ่ง”
“ทะลึ่งอีหยัง อ้ายยังบ่ได้คิดหยังเลย มีแต่อีหล่าหั่นล่ะคิดหยังอยู่” (ทะลึ่งอะไร พี่ยังไม่ได้คิดอะไรเลย มีแต่พลอยนั่นแหละคิดอะไรอยู่)
ไม่พูดเปล่านะโมขยับตัวเข้าไปใกล้พลอยมากขึ้น แล้วเอื้อมมือไปจับโซ่ที่คล้องรอบคอพลายชัยไว้แน่น ทำให้แขนกำยำทั้งสองข้างขนาบข้างลำตัวพลอย ซึ่งไม่ต่างจากโอบกอดเธอจากทางด้านหลังเลย
พลอยรับรู้เช่นนั้นก็เขินอายจนใบหน้าแดงก่ำ ก่อนจะเถียงกลับไปข้าง ๆ คู ๆ ว่าไม่ได้คิดอะไร ทั้งที่คิดไปไกลจนเรียกไม่กลับแล้ว
“หนูกะบ่ได้คึดอีหยังคือกัน” (หนูก็ไม่ได้คิดอะไรเหมือนกัน)
“แล้วเป็นหยังคือหน้าแดง?” (แล้วทำไมแก้มถึงแดง?)
“กะแดดมันฮ้อน” (ก็แดดมันร้อน)
“บ่แม่นเขินอ้ายบ่น้อ” (ไม่ใช่เขินพี่หรอกเหรอ)
“หลงเจ้าของคัก” (หลงตัวเองมาก)
“กะต้องหลงตั๋ว อ้ายหล่อปานนี้เนอะ” (ก็ต้องหลงสิ พี่หล่อขนาดนี้) นะโมพูดด้วยท่าทีชอบอกชอบใจที่ได้แกล้งพลอย จากนั้นก็ละสายตาจากแก้มแดงระเรื่อที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูมาก ก่อนจะขยับขาทั้งสองข้างเพื่อส่งสัญญาณให้พลายชัยลุกขึ้น
ทางด้านพลอย ขณะนั่งอยู่บนหลังช้างด้วยความตื่นเต้น พอชัยชนะจะลุกขึ้นยืน ก็ไม่คิดว่าจะไหลไปทางด้านหลัง จึงทำให้ไม่ทันตั้งตัว แผ่นหลังเธอจึงแนบชิดกับแผงอกกำยำของนะโม ก็ทำเอาตื่นเต้นไม่น้อย ยิ่งสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนกระทบที่ท้ายทอย ก็หายใจติดขัด อกข้างซ้ายเต้นสั่นระรัวราวกับจะหลุดออกมาข้างนอกให้ได้
ส่วนนะโมเมื่อรับรู้ว่าตัวเขากับพลอยแนบชิดกันแน่น อีกทั้งกลิ่นตัวหอม ๆ ของเธอที่แตะปลายจมูก ก็ยากที่จะขยับใบหน้าออก จึงยกยิ้มด้วยความพึงพอใจกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ ขณะในใจนั้นเอ่ยชมช้างเลี้ยงของตนไม่หยุด
ทำดีมากไอ้ชัย...
พอช้างตัวใหญ่งาสวยสง่าลุกขึ้นยืนเรียบร้อย นะโมก็รีบบอกพลอยที่นั่งตัวแข็งทื่อ
“อีหล่าโน้มตัวไปจับหัวช้างไว้” (พลอยโน้มตัวไปจับหัวช้างไว้) พลอยรีบทำตามที่นะโมบอกอย่างว่าง่าย เมื่อมือเล็กวางยังเศียรช้างแล้ว พลายชัยก็เดินลึกลงไปในหนองน้ำ ทำให้เรือนร่างของทั้งสองที่แนบชิดกันอยู่ ก็ขยับโยกกระทบกันเป็นพัก ๆ
ทำเอาพลอยสัมผัสได้ถึงท่อนเอ็นลำใหญ่ที่บดเบียดก้นงอนของเธออยู่ รับรู้เช่นนั้นปากเล็กจึงเม้มเข้าหากันแน่น ร่างกายร้อนวูบวาบเกินจะทนไหว จึงเรียกคนข้างหลังด้วยน้ำเสียงกระเส่า
“อ้ายโม~” (พี่โม~)
“ครับ?”
“ของอ้ายตำดากหนู” (ของพี่ชนตูดหนู)
“มันใหญ่โพดจังซั่นล่ะ” (มันใหญ่เกินก็แบบนั้นแหละ) นะโมพูดด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ เมื่อได้ยินคำพูดที่ออกจากปากพลอย ก่อนจะเตรียมขยับตัวออกห่าง เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะฉวยโอกาสเธอ แต่ให้ทำไงได้ในเมื่อพื้นที่มันจำกัด
ทว่า...
“อ้ายอย่าฟ้าวขยับไป หนูย่านตก” (พี่อย่าเพิ่งขยับไป หนูกลัวตก) สิ้นเสียงหวาน พลอยก็เลื่อนมือไปจับแขนนะโมมาโอบกอดรอบเอวของเธอเอาไว้เพราะกลัวตก โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำของตัวเองที่แสดงออกมา ทำเอาคนที่อยู่ทางด้านหลังนั้นระบายยิ้มไม่หุบ ก่อนจะขยับหน้าเข้าไปใกล้พร้อมกับกระซิบข้างใบหูคนตัวเล็ก
“อีหล่าย่านตกช้าง แต่บ่คึดสิย่านอ้ายเลยติ” (กลัวตกช้าง แต่ไม่คิดจะกลัวพี่เลยเหรอ)
“กะบ่เห็นมีอีหยังเป็นตาย่านเด้ล่ะ” (ก็ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย)
“บ่ทันเคยเห็นควาญช้าง ฟาดงวงฟาดงาซือ ๆ ดอก” (ยังไม่เคยเห็นควาญช้าง ฟาดงวงฟาดงาเฉย ๆ หรอก)
“กะฟาดติล่ะ บ่ย่านดอก” (ก็ฟาดมาสิ ไม่กลัวหรอก) ความปากดีและไม่มีท่าทีจะยอมของพลอย ทำเอานะโมถึงกับส่ายหน้าเบา ๆ ขณะดวงตาจ้องมองหน้าตาจิ้มลิ้มของอีกคนไม่ละไปไหน
ก่อนจะถามเรื่องที่อยากรู้กับเธอออกไป
“มานั่งช้างกับอ้ายจังซี่ บ่ย่านผู้บ่าวหึงติ?” (มานั่งช้างกับพี่แบบนี้ ไม่กลัวแฟนหึงเหรอ?)
“ผู้บ่าวไส หนูบ่มี” (ผู้บ่าวไหน หนูไม่มี) คำตอบที่ได้ยินทำเอานะโมถึงกับหัวใจเต้นสั่นระรัว อีกทั้งยิ้มจนแก้มจะปริ ซึ่งไม่ต่างจากพลอย แม้จะไม่เข้าใจ ทำไมนะโมถึงถามแบบนี้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน เธอก็ดีใจไปก่อนแล้ว
“ตาฮักปานนี่ บ่มีผู้บ่าวมาจีบเลยติ?” (น่ารักขนาดนี้ ไม่มีใครมาจีบเลยเหรอ?)
“มี แต่หนูบ่มัก” (มี แต่หนูไม่ได้ชอบ)
“บ่มักผู้บ่าวอื่น แต่มักอ้ายแม่นบ่?” (ไม่ชอบคนอื่น แต่ชอบพี่ใช่ไหม?) พลอยเม้มปากแน่นกับประโยคที่ออกจากปากนะโม ก่อนที่จะหันไปมองคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง ทำให้ทั้งสองสบตากัน ยิ่งทำให้เห็นแววตาพราวระยิบระยับของคนตัวสูงที่มองอยู่ ก็ทำเอาหลงใหลจนหาทางออกไม่เจอ