นะโมพ่ายรัก 1
รถหกล้อคันใหญ่แล่นอยู่บนถนนโดยไม่ใช้ความเร็ว ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็เลี้ยวยังทางเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ณ จังหวัดสุรินทร์
“เฮ้ย ไอ้โมเบา ๆ” เสียงตกใจดังมาจากด้านข้าง ทำให้ชายหนุ่มผู้ซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาปนทะเล้นดูมีเสน่ห์ แม้อายุจะสามสิบสองแต่ถ้าหากบอกว่ายี่สิบกลาง ๆ ก็ยังเชื่อ เพราะด้วยเป็นคนดูแลตัวเอง ผิวหน้าจึงเนียนละเอียดผุดผ่อง สิวสักเม็ดก็ไม่กล้าขึ้น เมื่อได้สติจึงรีบหันไปมองยังท้ายรถ
พอเห็นว่าพลายชัยชนะช้างของพ่อตนที่ยกให้เลี้ยง ยังยืนนิ่งก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะเมื่อครู่ลืมตัวว่าบรรทุกช้างตัวใหญ่ที่มีอายุยี่สิบห้าปีมาด้วย
จากนั้น นะโม ก็หันไปมอง ก้าน กับ ไม้ เพื่อนสนิทของตน ที่ตอนนี้นั่งเบียดกันอยู่ที่ประตูด้านข้างคนขับ จึงหลุดยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีชอบอกชอบใจ
“โทษทีรถกูแรงไปหน่อย”
“แรงไม่ว่า แต่มึงดูสภาพด้วยไอ้ห่า ดีไอ้ชัยไม่กลิ้งลงข้างทาง”
“แล้วมันกลิ้งยังล่ะไอ้ก้าน?”
“ก็โชคดีไงที่ไม่กลิ้ง”
“บ่นเป็นเมียเลยนะมึง”
“เมียห่าอะไร ถ้าได้ผัวแบบมึงกูก็ไม่เอาหรอก”
“ไม่ชอบเหรอ กูเร้าใจนะ” พูดพร้อมขยิบตาให้เพื่อนด้วยท่าทีกวน ๆ ก้านเห็นเช่นนั้นก็ถึงกับโก่งคออ้วก
“หยุดพูดดิ๊ กูจะอ้วก” ขณะนะโมกับก้านเถียงกัน ไม้ที่นั่งฟังอยู่ก็เลือกไม่สนใจ ดวงตามองออกไปด้านนอกกระจกรถ เพื่อชมบรรยากาศบ้านเกิดของเพื่อนสนิท ก่อนจะหันไปทางนะโมแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปนเศร้า
“มึงจะย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านของยายมึงจริง ๆ เหรอวะไอ้โม?” เพราะเห็นหน้ากันมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยห่างไกลกันเลยสักครั้ง พอรู้ว่านะโมจะย้ายกลับมาอยู่ที่นี่ ไม้ก็เศร้าใจไม่น้อย
“ใช่” ที่นะโมตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านเกิดของแม่ เพราะเขาเบื่อที่ต้องทะเลาะกับพ่อทุกวัน เนื่องจากพ่อของเขาให้ช่วยทำไร่ทำนา ทว่าตนไม่อยากทำอยากเลี้ยงช้างไปวัน ๆ เท่านั้น
หากแต่ว่าทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะหมู่บ้านช้างใหญ่นั้นไม่เจริญเท่าที่นี่ จะหารายได้จากช้างก็แสนยาก นะโมจึงตัดสินใจมาอยู่บ้านของแม่เพื่อเลี้ยงช้าง และพาช้างรับจ้างตามงานต่าง ๆ เพื่อเลี้ยงชีพ
“อย่างงี้พวกกูก็คิดถึงมึงแย่เลยดิวะ”
“อยู่ห่างกันแค่ไม่กี่กิโล ถ้าคิดถึงกูมาก มึงก็ขับรถมาหากูดิไอ้ก้าน”
“เออ! อยู่เป็นโสดให้พวกกูมาหาก่อนนะมึง อย่าเพิ่งหนีไปมีเมีย เดี๋ยวตั้งวงไม่ได้”
“อยู่ป่าดงพงไพรขนาดนี้จะมีผู้หญิงสวย ๆ ที่ไหนมาถูกใจกูได้วะไอ้ไม้” สิ้นเสียงบอกกล่าว เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาก็ส่ายหน้าเบา ๆ กับคำพูดของเพื่อน เพราะถ้าหากเป็นผู้หญิงในเมืองเขาจะไม่ว่าอะไรเลย
จากนั้นนะโมก็ตั้งใจขับรถต่อ เพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะถึงบ้านสวนของตา ที่ยกให้แม่ของตนแล้ว เนื่องจากตาของนะโมเพิ่งเสียไป ส่วนยายน้าชายก็รับไปเลี้ยงดูที่หมู่บ้านช้างใหญ่ จึงทำให้ที่นี่ไม่มีใครดูแล นะโมจึงขอแม่มาอยู่บ้านสวนแทน เพราะเห็นว่าห่างไกลจากบ้านเรือนของชาวบ้าน อีกทั้งยังมีพื้นที่กว้างขวาง ซึ่งสะดวกต่อการเลี้ยงช้างมาก
รถหกล้อคันใหญ่แล่นไม่นาน ก็เลี้ยวเข้าไปภายในบ้านไม้ชั้นลอยหลังเล็ก ที่หน้าบ้านมีระเบียงไว้นั่งเล่น ส่วนด้านในบ้านเป็นห้องสี่เหลี่ยม มีพื้นที่เล็ก ๆ ไว้หลับนอนเท่านั้น แม้จะไม่ได้ใหญ่แต่ก็เพียงพอ สำหรับชายหนึ่งคนที่อยู่อาศัยคนเดียว
หลังจากลงจากรถก้านกับไม้ก็เดินอ้อมไปข้างหลังรถหกล้อ จากนั้นก็ช่วยกันยกเข่งสับปะรดและหญ้าเนเปียร์ ซึ่งเป็นอาหารของช้างลงจากรถ
ส่วนนะโมเมื่อหยิบตะขอช้างหรือคชกุศ ที่ผ่านการปลุกเสกมาเรียบร้อย ก็กระโดดขึ้นไปยังท้ายรถ แล้วบังคับพลายชัยชนะลูกชายของพลายมีชัย ซึ่งเป็นช้างเชือกแรกของครอบครัวตนลงจากรถ
“มาอยู่บ้านหลังใหม่ด้วยกันนะไอ้ชัยลูกพ่อ” สิ้นเสียงทุ้มช้างตัวสูงใหญ่ก็ยกงวงขึ้นสูง พร้อมกับคำรามเสียงดัง นะโมจึงเอื้อมมือไปจับโซ่ที่คล้องรอบคอพลายชัยชนะ แล้วพาเดินลงจากรถ เข้าไปใต้เพิงหลังคาที่ต่อเติมกับเพื่อน เมื่อผูกพลายชัยชนะไว้กับเสาเรียบร้อย นะโมก็ไปช่วยก้านกับไม้ยกเข่งสับปะรด เข้าไปเก็บไว้ใต้เพิงหลังคา
จากนั้นก็เอาสัมภาระไปเก็บในบ้าน แล้วทำความสะอาดบ้านและห้องน้ำต่อ เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสรรพ ทั้งสามก็ไปนั่งพักที่กระท่อมไม้ไผ่หน้าบ้าน
“เฮ้อ~ เสร็จสักที”
“เหนื่อยฉิบหาย” สิ้นเสียงเหนื่อยล้า ก้านก็ทิ้งตัวนอนลงยังกระท่อม ด้านข้างไม้อย่างหมดสภาพ ก่อนจะหันไปมองไม้ที่สะกิดแขนของตนยิก ๆ พร้อมกับขมุบขมิบปากพูดไม่ออกเสียง
แต่เพราะเป็นเพื่อนกัน ก้านจึงเดาออกว่าไม้กำลังจะสื่อบอกอะไร จึงพยักหน้ากลับไป แล้วหันไปทางนะโม ที่กำลังนั่งมองพฤติกรรมของพลายชัย ว่าเป็นอย่างไร หลังจากย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังใหม่
“ไอ้โมหาของแก้เหนื่อยมาให้พวกกูหน่อยดิ๊”
“พวกมึงจะกินกันตอนนี้เลยเหรอวะ?” เพราะนะโมเห็นว่าตอนนี้เพิ่งบ่าย จึงถามเพื่อนทั้งสองให้แน่ใจ ซึ่งตัวเขายังไงก็ได้ ก่อนจะได้ยินคำตอบรับจากก้านและไม้ดังขึ้นพร้อมกัน
“ใช่ / เออ”
“งั้นไอ้ก้านมึงไปซื้อเหล้ากับกู ส่วนไอ้ไม้อยู่เฝ้าช้างให้กู”
“เออ ๆ” สิ้นเสียงไม้นะโมก็ดันตัวลุกขึ้นจากกระท่อม ในขณะที่ก้านนั้นยังนอนสงสัย เพราะไม่รู้ว่าจะไปซื้อเหล้ายังไง ในเมื่อทั้งบ้านของเพื่อน เขาเห็นจักรยานเก่า ๆ เพียงคันเดียว
ถ้าหากนะโมบอกจะเดินไป ก็ไม่รู้ว่าไกลหรือเปล่า เนื่องจากตอนที่นั่งรถเข้ามาในซอย ก้านก็ไม่เห็นบ้านเรือนของชาวบ้านหรือร้านค้าเลย มีเพียงแค่ทุ่งนากับไร่ของชาวบ้านเท่านั้น ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย
“มึงจะไปซื้อเหล้ายังไงวะไอ้โม?”
“ถามมาก ตามกูมาเถอะ” พูดจบนะโมก็เดินนำหน้าก้าน ไปยังหลังบ้านของตน ที่มีสวนมะม่วงขนาดใหญ่อยู่ ก้านเห็นเช่นนั้นจึงรีบวิ่งตามไป ส่วนไม้ก็ล้วงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงยีน ขึ้นมากดเล่นเพื่อรอเพื่อนทั้งสองคนกลับมา
หลังจากนะโมพาก้านเดินผ่านประตูรั้วเหล็ก ที่เจ้าของไม่ได้ล็อก ด้านข้างรอบข้างล้อมด้วยรั้วหนาม เพื่อกั้นเขตแดนเอาไว้ ก็ได้ยินเสียงก้านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงสัย
“มึงพากูเดินเข้ามาในสวนมะม่วงทำไมวะ?”
“เก็บเห็ดมั้งไอ้ห่า มึงนี่สงสัยเยอะ”
“แล้วมึงตอบดี ๆ ไม่ได้?”
“กูจะไปยืมรถของน้าไปซื้อเหล้า”
“เออ ตอบแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จบ” สิ้นเสียงไม่สบอารมณ์ของก้าน นะโมก็ยกไหล่ขึ้นด้วยท่าทีกวน ๆ จากนั้นทั้งสองก็เดินพูดคุยกันต่อกระทั่งได้ครึ่งทาง
“โอ้โฮ! มะม่วงดกฉิบหาย น่าขโมยไปแกล้มเหล้าว่ะ”
“ของน้ากู อยากกินมึงก็ขอดี ๆ จะขโมยทำห่าอะไรนิสัยเสีย”
“กูก็พูดไปงั้นแหละ ไม่ขโมยจริง ๆ หรอก ว่าแต่น้าแท้ ๆ ของมึงเหรอวะ?”
“ไม่ใช่ แค่คนรู้จักเฉย ๆ” เนื่องจากนะโมกลับมาเยี่ยมตากับยายของเขาอยู่บ่อยครั้ง จึงไม่แปลกที่จะรู้จักและสนิทกับคนในหมู่บ้าน แม้จะไม่ได้เกิดและโตที่นี่ก็ตาม
หลังจากเดินมาสักพักก้านก็มองเห็นบ้านไม้สองชั้นหลังใหญ่ ซึ่งมีพื้นที่ภายในบ้านกว้างขวาง อีกทั้งยังเต็มไปด้วยรถบรรทุกหลายคัน ที่จอดเรียงรายอยู่
“บ้านรวยเหรอวะ?”
“ก็พอมี” ขณะทั้งสองเดินพูดคุยกันอยู่ จู่ ๆ ก็มีสุนัขตัวใหญ่วิ่งมาดักข้างหน้า แล้วเห่าเสียงดังระงม ทำเอาชายหนุ่มสองคนตกใจไม่น้อย พอนะโมตั้งสติได้จึงรีบเรียกชื่อสุนัขตัวนั้นทันที ก่อนที่จะโดนมันกระโจนใส่
“ใจเย็น ๆ ไอ้รวย” สิ้นเสียงทุ้มรวยก็ยังเห่าไม่หยุด เนื่องจากมันไม่คุ้นชินกับนะโมเท่าไร เพราะอีกคนนั้นนานทีปีหนจะมาที่นี่
โฮ่ง ๆ ๆ
“เฮ้ย ๆ ไอ้โมมึงห้ามมันหน่อยดิ๊” ก้านพูดพร้อมกับดึงตัวนะโมมาบังสุนัขตัวใหญ่ เมื่อเห็นมันเห่าไม่หยุด แถมยังทำท่าเหมือนจะกระโจนใส่อีก
“มันฟังกูไหมล่ะ”
เสียงเห่าและเสียงห้ามปรามระหว่างคนกับสุนัข ดังโหวกเหวกไปถึงในบ้าน ทำเอาชายวัยกลางคนซึ่งเป็นเจ้าของบ้านได้ยิน จึงรีบเดินออกไปดู ก่อนจะเห็นชายหนุ่มรุ่นลูกที่รู้จัก เนื่องจากในช่วงเทศกาลอีกคนชอบมาสังสรรค์ที่บ้านของตน กับน้าชายอยู่บ่อยครั้ง กำลังถือไม้ห้ามสุนัขเลี้ยงของตน ไม่ให้เข้าไปกัด เพชร จึงรีบเอ่ยห้ามทองเอก
“บักรวย เซา” (ไอ้รวยหยุด) พอได้ยินเสียงเจ้าของมันตวาด รวยก็หยุดเห่า แล้ววิ่งหางจุกตูดกลับไปนอนใต้แคร่ไม้หน้าบ้านทันที
ทางด้านนะโมเมื่อรอดพ้นจากการโดนหมากัด ก็พ่นลมหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะโยนไม้เล็ก ๆ ที่ถืออยู่ทิ้งลงพื้น แล้วเสยผมที่ปกปิดใบหน้าเนียนละเอียดขึ้น จากนั้นก็หันไปทางเพชร แล้วยกมือขึ้นไหว้พร้อมกับส่งยิ้มให้
“หวัดดีครับน้าเพชร” พอก้านเห็นนะโมไหว้ชายด้านหน้าที่อายุห้าสิบกว่า แต่หน้าตายังหล่อเหลาอยู่ เขาก็รีบยกมือไหว้ตามเพื่อน เพชรเห็นเช่นนั้นก็พยักหน้ารับไหว้สองหนุ่มรุ่นลูก แล้วเอ่ยถามนะโมตามประสาคนรู้จัก
“มึงมาฮอดแต่เหิง?” (มึงมาถึงนานหรือยัง?)
“หัวแต่มาฮอดครับ” (เพิ่งมาถึงครับ)
“แล้วมึงย่างลัดสวนบักม่วงกูมาเฮ็ดหยัง?” (แล้วมึงเดินลัดสวนมะม่วงกูมาทำไม?)
“ผมว่าสิมายืมรถมอเตอร์ไซค์น้าเพชร ไปซื้อเหล้าแหน่ครับ” (ผมว่าจะมายืมรถมอเตอร์ไซค์น้าเพชร ไปซื้อเหล้าหน่อยครับ) สิ้นเสียงนะโม เพชรก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเช่นเดียวกับใบหน้า
“จอดอยู่ใต้ต้นไม้พู้นล่ะ มึงไปหาขับเอาโลด” (จอดอยู่ใต้ต้นไม้นู่นแหละ มึงไปขับเอาเลย)
“ขอบคุณครับผม”
“มึงขนของแล้ว แล้วบ่?” (มึงขนของเสร็จ แล้วเหรอ?)
“แล้ว แล้วครับ” (เสร็จแล้วครับ) ขณะเดินไปยังรถมอเตอร์ไซค์ นะโมก็กวาดสายตามองภายในบ้านที่คุ้นเคย ก่อนจะหันไปหาเพชรที่ยังยืนอยู่ที่เดิม แล้วถามถึงรุ่นน้องที่เคยนั่งกินเหล้าด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง
“พร้อมบ่อยู่เฮือนติน้า” (พร้อมไม่อยู่บ้านเหรอน้า)
“บ่ มันไปร้านซ่อมรถ” (ไม่ มันไปร้านซ่อมรถ) เมื่อได้ยินคำตอบนะโมก็พยักหน้ากลับไป แล้วถามถึงน้องสาวสุดแสบ ที่เจอหน้ากันทีไรเป็นต้องเถียงกันทุกที
“อีหล่าพลอยกะบ่อยู่ติครับ?” (น้องพลอยก็ไม่อยู่บ้านเหรอครับ?)
“แม่น ไปส่งเมียบักพร้อมอยู่ร้านซ่อมรถ” (ใช่ ไปส่งเมียไอ้พร้อมที่ร้านซ่อมรถ)
“อ๋อครับ”
ตามที่บอกว่านะโมกับพลอยชอบเถียงกัน เหตุเกิดมาจากตอนที่เขาเป็นหนุ่มรุ่น ๆ เจอกับพลอยครั้งแรกในงานแต่งของเสน้าชายแท้ ๆ ของตน นะโมเคยห้ามปรามพลอยไม่ให้ตักน้ำแข็งในถังแดงกินเล่น เพราะเขาจะเอาไว้กินเหล้ากับเพื่อน ทว่าเธอกลับไม่ฟัง แถมยังเถียงเขาฉอด ๆ อีกต่างหาก
ทำเอานะโมหมั่นไส้ไม่น้อย ที่พลอยอายุเพียงแค่เก้าขวบแต่ปากดีมาก เขาจึงชอบแกล้งเธอทุกครั้งที่เจอหน้ากัน กระทั่งปัจจุบันแม้ตัวเขาจะโตเป็นผู้ใหญ่ ส่วนอีกคนก็เป็นสาวเต็มวัย แต่ก็ยังพูดหยอกล้อและเถียงกันเป็นเด็ก ๆ เหมือนเคย...
หลังจากคร่อมรถมอเตอร์ไซค์เรียบร้อย นะโมก็หันไปมองก้านพร้อมกับพยักหน้า เพื่อส่งสัญญาณให้เพื่อนขึ้นรถ พอก้านนั่งซ้อนท้ายนะโมแล้ว เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาก็บิดคันเร่งรถอาซีเก่า ๆ ที่ใช้มาตั้งแต่รุ่นพ่อออกจากบ้านไม้ แล้วมุ่งไปยังร้านค้าทันที...