CHAPTER 6
“กูว่ามึงทำมากไปว่ะฟ้า น้อยไม่ใช่ขี้ข้ามึง!”
“อินิลหุบปาก”
“มึงสิควรทำ อยู่ช่วงสมัยก่อนเหรอถึงมองคนอื่นเป็นทาสตัวเอง สัส”
ความเจ็บปวดเข้ามาทำให้ฉันกลั้นมันเอาไว้เพราะตอนนี้ทั้งนิลและก็ฟ้าสาดประโยคตีกันใหญ่และมันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ฉันจึงตัดสินใจใช้อีกมือหนึ่งคว้าเหรียญสิบสองเหรียญมาไว้ในมือก่อนยืนขึ้น
“ไม่เป็นไรนิลเราไปซื้อน้ำให้ฟ้าก่อนนะ”
“เห้อน้อย... ห่างกับมันบ้างนะนิสัยเลวแบบนี้คบไม่ได้หรอก”
ประโยครั้งท้ายที่นิลสาดใส่ฟ้าเป็นประโยคที่ดังขึ้นแล้วพอฉันเคลื่อนตัวออกจากห้องมันก็ลดลงเรื่อยๆ ไม่กระทั่งกลายเป็นไม่ได้ยินอะไรเลย ฉันกุมตาข้างที่โดนเหรียญกระทบใส่มาสุดทางลงตึกกระทั่งมาถึงช่วงบันใดชั้นแรกที่ฝั่งซ้ายติดกับห้องสมุดนั้นมีรุ่นพี่นั่งเรียงกันทั้งสองข้างเมื่อเห็นแบบนั้นสองขาจึงหยุดลง
ความเจ็บลึกลงไปในเบ้าตาทำให้น้ำตาเอ่อล้นออกมาอย่างห้ามไม่ได้สุดท้ายฉันก็ใช้มือที่กำเหรียญสิบแน่นปาดมันออกโดยที่อีกข้างยังมือยังกุมปิดเอาไว้เช่นเดิม ฮึบสุดท้ายที่มาพร้อมกับการถอนหายใจแบบหน่วงๆ เกิดขึ้นโดยที่สองเท้ามุ่งหน้าเดินลงบันใดด้านหน้าทันที
ไม่มีอะไรหรอกพวกพี่เขาก็แค่นั่งเฉยๆ
ทว่าปัญหามันเกิดที่ฉันเอง...
เมื่อน้ำตาที่ปาดออกไปในครั้งก่อนก่อกลับเกิดขึ้นแล้วเอ่อล้นออกมาใหม่ทำให้ไม่เห็นเส้นทางที่เหลืออีกประมาณสามขั้นสุดท้ายสติตอนนั้นไม่อยู่กับตัวของฉันแล้วมันตกฮวบไปกับตัวเองที่โน้มไปด้านหน้าปลายเท้าลอยไปแนบกับพื้นแบบนี้คิดเหรอว่าฉันจะรอดจากเหตุการณ์นี้จริงๆ ในเมื่อมีเสียงของรุ่นพี่ดังขึ้นเรียบร้อย
ใจบอกว่าเจ็บตัวแน่รอเตรียมรับความเจ็บในตอนกระแทกพื้นจะดีกว่าเมื่อเป็นแบบนั้นฉันเลือกหลับตาปี๋กอบกำเหรียญในมือแน่ส่วนอีกมือนั้นก็บีบกำแน่นอีกเช่นกัน
ปึก!
ใบหน้าของฉันกระทบลงอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่พื้นแข็งๆ สิ่งที่ใบหน้ากระทบมันนุ่มกับพื้นแต่ไม่ใช่จะไม่เจ็บนะเจ็บอยู่นิดหนึ่งแต่แล้วกลิ่นหอมกับลอยเข้ามาให้สูดดม
กลิ่นนี้คุ้นๆ
เหมือนเคยได้กลิ่น...
“ใจ...”
“…”
เสียงนี้ก็คุ้นๆ
“เหี้ยน้องเขาเป็นลมไปแล้วเหรอวะ”
“ไม่น่าใช่นะแค่สติยังไม่มามั้ง”
เสียงประโยคของคนสองคนตอบโต้กันรวมไปถึงเสียงอื่นๆ ต่างเข้ามาให้ฉันได้ยินไม่หยุดยั้งก่อนที่จะมีฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งรั้งเอวฉันกระชับเข้าไปชิดตัวอีกไม่นานฝ่ามืออีกข้างก็เข้ามาสัมผัสที่ใบหน้านาทีนี้แหละฉันลืมตาขึ้นแต่มันชัดเจนแค่ข้างเดียวคือข้างที่ไม่โดนเหรียญกระทบแต่ก็สามารถเห็นใบหน้าของคนที่ช่วยรับตัวเองชัดเจนที่สุด
พี่กวาง...
ใบหน้าหล่อเป็นเอกลักษณ์ริมฝีปากเรียวแดงนิดหน่อยตามธรรมชาติรวมไปถึงสันจมูกที่โด่งชัดเจนแบบนี้มีแค่คนเดียวเท่านั้น ใบหน้าของฉันที่ยังวางอยู่กลางอกของพี่กวางโดยที่สายตาเงยขึ้นสบสายตาคมที่ก้มลงมองฉันนั้นทำให้รู้สึกตัวขึ้นแล้วฉันก็เอามือดันตัวเองให้ออกห่างจากตัวพี่กวาง
“ใจ... โอเคมั้ย”
“ใจไม่เป็นไรค่ะแต่... พี่กวางเจ็บมั้ยใจขอโทษนะ” ไม่ว่าเปล่าหรอกฉันเอียงตัวมองสำรวจร่างกายของพี่กวางทันทีแต่พี่กวางรวดเร็วกว่าหลายเท่าเขาใช้สายตาคมกริบมองตรงมาที่ดวงตาข้างซ้ายของฉันอย่างนิ่งๆ “เอ่อ... ใจขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยว”
“คะ?”
คราวนี้มือเรียวดึงรั้งตรงปกคอเสื้อของฉันทางด้านหลังไม่สัมผัสร่างกายท่ามกลางสายตาพวกพี่มอหกส่วนใหญ่ แค่เสี้ยวเดียวที่พี่กวางหันไปพูดอะไรบางอย่างกับพี่ดิวและพี่ข้ามฟ้าจากนั้นก็หันมามองฉัน สายตาคู่นั้นที่อยู่ตรงหน้านิ่งกว่าทุกครั้งเหมือนกำลังพยายามค้นหาอะไรบางอย่างอยู่
“จะรีบไปไหน”
“ไปร้านน้ำค่ะ”
“ซื้อน้ำ หิวน้ำเลยรีบจนตกบันใดเนี่ยเหรอน้อยใจ” น้อยใจ สรรพนามเรียกเต็มแบบนี้รู้หรอกว่ามันแปลกและไม่เหมือนเดิมสักนิดเดียว “พี่ถามก็ตอบ”
“อีน้อยไหนน้ำกู...” แต่แล้วเสียงของฟ้าที่กำลังเดินลงมาก็หยุดลงกระทั่งร่างเล็กเข้ามายืนข้างฉันด้วยรอยยิ้มหวานแห่งความดีใจแต่มีเสี้ยวหนึ่งของหางตาที่ฟ้าปลายมามองฉันด้วยความหงุดหงิดใจโดยที่ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรให้อีกฝ่ายสักนิดเดียว “น้อยทำอะไรพี่กวางอ่ะ อย่าบอกนะว่าซุ่มซ่ามอีกแล้วเหรอ”
“อ๋อแบบนี้นี่เอง” คำตอบที่พี่กวางไม่ได้จากฉันมันกระจ่างชัดตรงที่ฟ้านี่แหละ “น้ำ... นี่ไม่ใช่น้ำตัวเองสินะ”
“ฟ้าฝากน้อยซื้อเองค่ะพี่กวาง น้อยจะไปซื้อขนมพอดี”
“ใจไม่กินขนม” สี่พยางค์ย้ำชัดบอกออกไปหาฟ้าของพี่กวางทำเอาฉันเบิกสายตากว้าง ‘ใจ’ คำนี้พี่กวางย้ำเป็นพิเศษเหมือนต้องการให้คนอื่นๆ ได้ยินด้วย “ยิ่งพวกขนมกรุบกรอบยิ่งไม่แตะ”
“เอ่อ...”
“น้องรู้อะไรเพื่อนบ้างครับหรือไม่คิดรู้เลย”
“…”
“เป็นเพื่อนกันจริงเหรอ?”
“…”
“นี่ครับเงิน” แบงค์สีแดงถูกส่งให้ฟ้าโดยที่ไม่มีการสัมผัสกันจากนั้นมือใหญ่ก็คว้าข้อมือฉันหมับ “หิวน้ำก็ไปซื้อเองบ้างใช้ตัวเองให้เป็นหน่อยนะน้องอย่าใช้แต่คนอื่น”
“…”
“เพื่อนน้องเจ็บตาขนาดนี้คงไปซื้อให้ไม่ได้แล้วแหละ ฉะนั้นก็ไปซื้อเอง”
ฉันถูกพี่กวางลากมาถึงห้องพยาบาลที่เงียบกว่าจะเสียงดังได้พี่กวางลากมาเตียงในสุดก่อนใช้สายตานิ่งบ่งบอกให้ฉันขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างไร้คำพูดและแน่นอนฉันทำตามอย่างว่าง่ายเพียงแค่ไม่ถึงนาทีที่ฉันนอนก็มีผ้าห่มสีขาวห่มให้มาถึงอกก่อนที่อีกมือหนึ่งเอื้อมไปรูดปิดม่านให้ลับสายตาของเตียงถัดไปที่มีรุ่นพี่จ้องมองมา
“จะทนไปถึงไหน ตาบวมขนาดนี้อ่ะ”
“…”
“เจ็บก็บอกว่าเจ็บ จะร้องก็ร้องเดี๋ยวพี่หันหลังไม่มองหรอกใจแต่จะไม่ไปไหน จะอยู่เป็นเพื่อนครับ”
“…”
“รู้ใช่มั้ยว่าไม่ได้อยู่คนเดียว”
“…”
“ยังมีพี่ไง”
“…”
“มีพี่อยู่ด้วย ร้องได้ไม่ต้องกลัวอะไรหรอก”
แค่นี้สายน้ำตาต่างหลั่งไหลออกมาเลอะเปรอะใบหน้าของฉันเป็นนาทีเดียวกับที่พี่กวางหันหลังให้ฉันอย่างรวดเร็ว คนตัวสูงในตอนนี้ฉันเห็นผ่านม่านตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นักแต่สามารถยืนยันได้ว่าพี่เขาไม่ไปไหนแผ่นหลังกว้างนิ่งไร้การขยับใดๆ และไม่มีการเอ่ยพูดอะไรออกมาทว่าวินาทีนี้แขนยาวข้างหนึ่งถูกยื่นออกมาด้านหลังพร้อมผ้าเช็ดหน้าสีพื้นไร้ลวดลาย
ฉันส่งมือไปรับมันมา
ฉันใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเช็ดน้ำตา
และฉันก็ยังสะอึกสะอื้นอยู่เรื่อยๆ ไม่หยุด
“…”
การร้องไห้ในครั้งนี้มีหลายสาเหตุที่มันอั้นเอาไว้ไม่ไหวอย่างแรกเลยก็คือพี่กวาง การร้องไห้ของฉันมันไม่มีเสียงหรอกเพราะทุกครั้งจะอดกลั้นเอาไว้เสมอไม่ว่าจะร้องที่ไหนส่วนใหญ่จะอยู่คนเดียวทั้งนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินคำพูดพวกนั้น คำพูดที่... ไม่ซ้ำเติมและไม่ใจร้าย
มีแต่ปลอบและอยู่เป็นเพื่อน
ความรู้สึกที่ไม่ได้อยู่คนเดียวมันเป็นแบบนี้เองสินะ
พี่กวางเป็นคนแรกเลยที่ทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้น พี่กวางใจดีกับฉันที่สุด
“ร้องแล้วต้องเข้มแข็งนะอย่าอ่อนแอ”
“…”
“ใจรู้มั้ยว่าบนโลกนี้ไม่มีใครไม่เคยร้องไห้หรอก”
“แม้แต่พี่กวางเหรอ”
ประโยคแรกที่ฝ่าอาการสะอื้นออกไป
“ใช่แม้แต่พี่เองก็ตาม การร้องไห้ไม่ใช่สิ่งน่าเกลียดนะครับ เหตุผลขอการร้องไห้มีเยอะแยะแต่ส่วนมากที่เห็นก็คือร้องไห้เพราะความเสียใจแต่ไม่ได้แปลว่ามันจะร้องไปเรื่อยๆ เสียหน่อย มีร้องได้ก็มีหยุดได้นี่ต่างหากที่คือเรื่องปกติ”
“…”
“ไหนพี่หันไปได้หรือยังหรือว่าจะร้องอีกพี่รอได้นะ เอาที่ใจสบายใจที่สุด”
“อือ...”
“ครับ?”
อ่าพี่กวางไม่ชอบฉันอือสินะ
“หันมาได้แล้วค่ะ” พอใบหน้าหล่อหันตัวมานัยน์ตาคมก็จ้องมาที่ใบหน้าของฉันเป็นอันดับแรกก่อนที่จะคว้าผ้าเช็ดหน้าไปไว้ในมือแล้วก็เช็ดน้ำตาให้เบาๆ รอยยิ้มหวานของพี่กวางปรากฏขึ้นในขณะที่ยิ้มไปด้วยสิ่งนี้ทำให้ฉันยิ้มตามเขาไปเรื่อยๆ กระทั่งมือใหญ่อีกข้างแกะมือฉันเอาเหรียญสิบในมือออกไป “พี่มีอมยิ้มใจกินมั้ยครับ”
“...”
“ชอบมั้ยรสโคล่านะ อร่อยนะ”
“ขอหนึ่งอันได้มั้ยคะ”
“ได้ครับแต่ต้องตรวจตาก่อนโอเคหรือเปล่า” ฉันพยักหน้าไม่นานก็มีบุคคลเข้ามาใหม่ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำห้องพยาบาลมาดูตาให้ฉัน อาจารย์คนนั้นพูดอะไรกับพี่กวางก็ไม่รู้ซึ่งมันอยู่ไกลนิดหนึ่งทำให้ไม่ค่อยได้ยินนักสักพักพี่กวางก็เดินมาใกล้พร้อมกับยื่นยิ้มให้ฉัน “เย็นนี้กลับบ้านกับพี่เลยนะ”
“คะแต่...”
“เดี๋ยวพี่ไปเอากระเป๋าให้”
“นี่ใจไม่ต้องไปเรียนช่วงบ่ายเหรอคะ”
“ไม่ต้องครับพี่ให้เพื่อนบอกครูให้แล้วใจนอนพักไปนะ”
“พี่กวางไปเรียนก็ได้ค่ะใจอยู่คนเดียวได้ ใจเก่ง” เพราะเกรงใจต่างหากถึงพูดแบบนี้ออกไปให้อีกฝ่ายได้รู้อีกอย่างพี่กวางมีเรียนไม่ได้ว่าง “เชื่อใจนะ”
“ใจเก่งครับ เก่งที่สุดแต่พี่ว่างไม่ได้เรียน” พี่กวางหาเก้าอี้มานั่งข้างเตียงแล้วพิงกับผนังห้องแต่ยังอยู่ในสายตาของฉัน มือเรียวพิมพ์อะไรบางอย่างลงในโทรศัพท์ด้วยมือข้างเดียวส่วนอีกข้างกับยื่นมาดึงผ้าห่มคลุมตัวให้ฉัน “นอนหลับได้นะพี่เฝ้าไม่ต้องกลัว”
“ใจปวดตา”
“มากมั้ย” นิ้วเรียวที่พิมพ์ลงในโทรศัพท์ชะงักก่อนเงยใบหน้าขึ้นมาฉัน
“ตุบๆ ลืมไม่ค่อยขึ้น”
“แล้วพึ่งมาบอกล่ะใจ ดื้อนัก” พี่กวางลุกขึ้นเดินออกไปได้สักพักหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋านักเรียนของฉันอยู่ในมือพร้อม “ป่ะไปหาหมอกัน”
“นี่...”
“ไปหาหมอกันครับใจเด็กเด๋อ”