CHAPTER 7
กวาง เปรมินทร์ นาคนิล : TALK
น้อยใจ เด็กหญิงคนหนึ่งในวัย 13 ปีกว่า
เด็กหญิงที่มีรอยยิ้มทุกครั้งไม่ว่าจะอารมณ์ไหน
เป็นเด็กที่ไม่เหมือนคนอื่นผมกล้าการันตีด้วยสายตาของตัวเอง
“ดูเด็กอีกแล้วไอ้สัส”
“สาระแนนัก”
ไอ้เพื่อนคนนี้มันไม่สนใจคำด่าของผมหรอกแต่กลับยักไหล่บ่งบอกว่าไม่แคร์อีกต่างหากเสร็จท่าทางกวนส้นตีนมันก็นั่งลงข้างผมในทันทีชื่อมันคือ ‘ข้ามฟ้า’ ผมเรียกไอ้สัสข้ามและก็เรียกตามอารมณ์ในทุกครั้ง
“แล้วไม่ใช่คนที่พาไปคลินิกด้วยนะประเด็น” ผมแสรยะยิ้มออกมาและคว่ำโทรศัพท์ลงบนโต๊ะก่อนทอดสายตาไปมองรถสองคันที่ผลัดเวียนเปลี่ยนกันแซงเพื่อกระหายคำว่าชนะ การดริฟท์ขึ้นสุดเข้าตีโค้งในแต่ละโค้งสร้างความฮือฮาต่อผู้ชมในสนามเป็นอย่างมากก็ว่าแหละถ้าคันที่ใส่เยอะขึ้นนำใครจะไม่ดีใจกัน “จะไม่แก้ตัวหน่อยเหรอวะ”
“ไม่ ไม่มีอะไรแก้ตัว”
การแก้ตัวไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องทำด้วยซ้ำไปเพราะไม่ได้ทำอะไรผิดแต่ถึงผิดก็ไม่แก้อยู่ดีจะบอกตรงๆ ไปเลยให้มันจบๆ จะเสียเวลาแก้ตัวทำไม การกระทำของผมทุกคนไม่ต้องมาเข้าใจหรอกเพราะตัวที่ผมยึดมั่นคือตัวเองไม่ใช่คนอื่นแล้วทำไมผมต้องแคร์ใครด้วย
ใช่ไหมล่ะ?
เอาตัวเองเป็นหลักก่อนสิ
“กวางล่าเหยื่อ กวางฟันเหยื่อฉายานี้มาที่นี่ก็ไม่ทิ้งสินะ”
“ก็...” สายตาแวววาวของผมมองไอ้ข้ามละทำท่ายักไหล่ไม่แคร์บ้าง ของมันรู้ๆ กันอยู่แค่เอาแต่เลือกเท่านั้นเองแต่ส่วนใหญ่มันนานๆ ครั้งมาเชียงรายก็ไม่มีหรอก “ถ้ามีของเด็ดๆ มาหยุดค่อยว่ากัน”
“มีแล้วแหละมึงอ่ะแค่เลี้ยงให้โตก่อน”
“ไม่มีคำตอบ”
นี่แหละคำตอบของผมเอง
“อ้อ... คนที่มึงดูอ่ะเด็กไอ้ปืนห้อง 4 นะ”
“…”
“ไม่อยากให้ทับไลน์”
“ถ้าเจอมันก็บอกให้คุมเด็กหน่อย”
“อีกแล้วครับ คุณเป็นแบบนี้อีกแล้วนะครับคุณกวางฟันเหยื่อ” ไอ้สัสข้ามใช้สายตาแพรวพราวมองมายังผมไม่เลิก การล้อเลียนของมันเกิดขึ้นซ้ำๆ
“กูเตือนแล้วนะ”
“…”
“ก่อนจะเล่นใครกูฝากไปเตือนทุกครั้ง” คราวนี้ผมละสายตาจากการมองไอ้สัสข้ามมามองบนสนามแข่งที่ทีมตัวเองเข้าเส้นชัยไปอย่างสวยๆ ก่อนยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบอย่างสบายใจ “ไอ้คนนั้นอีกทีมมันแพ้แล้วถ้าพาลเปิดโกดังแดงแล้วใช้ส้นตีนกระแทกปากมันซะ”
“…”
“ส่วนไอ้ผู้จัดการก็เช่นกัน จัดการพร้อมกันเลย”
“ใช้ส้นตีน?”
“ไม้เบสบอล...ผสมส้นตีน” ไอ้ผู้จัดการคนนั้นต้องใช้ส้นตีนใช้ไม้เบสบอลผสมส้นตีนไปเลย การใช้อาวุธผมมักเลือกจากความผิดและถ้าผิดหลายส่วนก็จะผสมปนกันไป “ผลโกงเงิน หักหัวคิวลูกน้องแล้วก็ทำตัวกดหัวคนอื่น ผสมกันมันก็ถูกแล้วนิ”
“เข้าใจละไม่เข้าสนามแค่อาทิตย์เดียวรู้ทุกเรื่องเลยนะสัส”
“มึงจะปล่อยเหรอสัสข้าม”
“ไม่มีทาง ถ้ามึงไม่จัดกูจัดเอง”
แบบนี้สิถึงเข้ากันได้
ผมเคลื่อนตัวมาโกดังแดงแหล่งจัดการคนก็พบว่าลูกน้องกลุ่มหนึ่งมารุมไอ้พวกขี้แพ้แล้ววอนตีนอยู่ก่อนแล้วการเลือกเข้าไปแล้วนั่งมองคนพวกนั้นกระทืบคนซ้ำๆ อย่างไร้คำว่า ‘ห้าม’ มันคือสิ่งที่ผมเลือก ‘ทำ’ ถึงแม้จะอยู่ในช่วงเวลาดึกดื่นก็ตาม ร่างกายคนพวกนั้นสามคนถูกกระทำซ้ำๆ ต่อมาไม่นานความช้ำและเลือดสีแดงก็ออกมาจากแผลที่ปริแตกกระทั่งผมทำมือส่งสัญญาณห้ามแล้วเดินไปมองไอ้พวกนั้นที่นอนจมกองเลือด
มันยังมีสติอยู่
มันยังรู้ตัว
“แพ้แล้ววอนกูเลยเอาส้นตีนสอนให้” ส้นตีนของตัวเองเหยียบลงบนอกของไอ้คนหนึ่งที่เหมือนจะเป็นหัวโจ่ มันก็นะเมื่อเข้ามาในวงการนี้มาอยู่ใต้ส้นตีนของผมทุกคนรับรู้แข่งก็คือแข่ง จบก็คือจบแต่ถ้าเลือกแพ้แล้วพาลผมก็สอนได้เช่นกัน “ถ้าไม่จบมันก็เป็นแบบนี้แล้วกูจะขยี้ให้เป็นยังไงก็ได้ทีนี้มึงรู้ยังไอ้ห่าราก”
มันรับรู้แต่ไม่ตอบหรอกเพราะตอบไม่ได้ปากพวกมันมีแต่เลือดสีแดงสดออกมาแต่สายตามันแสดงให้ผมรู้ดี กากแล้วปากแกว่งหาเสี้ยนก็เป็นแบบนี้และ
“เอาไปทิ้งหน้าที่ซุกหัวนอนของกลุ่มมัน” แล้วก็ถึงเวลาสะสางกับคนมาใหม่อีกรายหนึ่งที่สองแขนถูกหิ้วมาด้วยลูกน้อยของตัวเอง ผมหันไปมองมันจากนั้นก็คว้าไม้เบสบอลเดินลากไปหยุดตรงหน้าครั้งแรกที่สาดใส่แรงไปตามการเคลื่อนไหวกระทบข้อมือของมันเกิดเสียงกระทบกับไม้เบสบอลแล้วกระดูกข้อมือซึ่งไม่กี่วินาทีเสียงร้องก็ดังลั่นออกมาไปตามความเจ็บปวดที่มันได้รับ “กูไม่เก็บไอ้พวกทรยศตัวเอง”
“ผมขอโทษ”
“หึ... เสี้ยนหาเรื่องเองคำขอโทษก็ไม่มีประโยชน์หรือเปล่า”
“ขะ ขอ...”
ผมมันเป็นประเภทไม่ฟังคำตอแหลจากคนที่ทำความผิดอีกจะแถยังไงมันก็ฟังไม่ขึ้นในเมื่อหลักฐานความผิดมันชัดเจนยิ่งกว่าคำแก้ตัวที่พูดจากปากหลังการกระทำก็ยิ่งแล้วใหญ่ การไม่พูดมากโดยการต่อความยาวสาวความยืดมันคือสัญญาลักษณ์ของตัวเองและแน่นอนแรงกดส่งจากมือลงไปตามไม้เบสบอลที่ทับหลังข้อมือของไอ้นั่นเอาไว้มันส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
การพยายามดิ้นผลักไม้เบสบอลโดยใช้มือเดียวของมันไม่เป็นผลหรอกยิ่งมันร้องแสดงความเจ็บปวดออกมาไม่ว่าจะเป็นทั้งหน้าตาท่าทางทุกอย่างสะท้อนมาในสายตาผมหมดและสายตาของอีกหลายคนที่ต่างมองมาเป็นจุดเดียว การใช้แรงกดลงไปเพิ่มความทุกข์ความทรมานไม่จบสิ้นสิ่งที่ผมทำได้ก็แค่มองด้วยสายตาราบเรียบไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งที่เป็นฝ่ายกระทำ
ผมไม่ได้สงสาร
ผมไม่ได้กลัวมันเจ็บ
แต่ผมกำลังรู้สึกว่างเปล่าต่างหาก
การแสดงอาการแบบนี้ต่อหน้าใครหลายคนที่ผมปกครองอยู่มันไม่ได้หมายถึงผมจะอยู่เหนือคนอื่นนะแต่ผมอยากให้รับรู้ว่าใครมาไม่ดีผมไม่เลี้ยงและนี่คือผลที่ต้องยอมรับเท่านั้น การหนีก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเช่นเดียวกันในเมื่อผมไม่ปล่อยใครก็ไม่สามารถหนีไปได้ไม่ว่ากรณีไหนทั้งสิ้น
หลายคนบอกผมโหด หลายคนบอกผมเถื่อน หลายคนบอกผมไม่ดีและหลายคนก็บอกผมมันเลือดเย็นรักใครไม่เป็นมันก็ใช่นั่นแหละแต่มันก็แล้วแต่กรณีไป ถ้าทำงานกับผมแล้วไม่หักหลังไม่ว่าเรื่องไหนซึ่งเป็นสิ่งที่ผมเกลียดและรับมันไม่ได้ที่สุดผมก็เต็มที่กับลูกน้องเช่นเดียวกัน
การไม่เลือกปฏิบัติหรือว่าเลือกเข้าข้างใครเป็นสิ่งที่ต้องมี
และผมก็ทำอยู่ไม่ใช่ละเลย
“อ้าก...”
เสียงร้องดังขึ้นต่อเนื่องเรื่อยๆ ไม่หยุดเพราะผมไม่หยุดส่งแรงไปหาข้อมือของไอ้ผู้จัดการขยะปลายแถวนั่น มือข้างที่มันเคยใช้ทำเรื่องผิดๆ กับงานและก็เคยกดคนอื่นให้ด้อยกว่ารองรับมือรองรับตีนมันรับรองคืนนี้มันจะได้รับการรักษาเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้ไปทำอะไรควายกับใครคนอื่นได้อีก
ผมไม่ทำลอยๆ
ผมไม่ได้เห็นแล้วก็ทำ
ส่วนมากมันเคยได้รับโอกาสมาทั้งหมดแต่เลือกที่จะไม่สนใจแล้วก็ปล่อยแม่งไปซะแค่นั้นความโลภมากจึงเข้ามาครอบสมองอันน้อยๆ ทีละนิดจนกระทั่งครอบงำแบบเต็มเหนี่ยวคำว่าผิดชอบชั่วดีเลยไม่มีเลยสักนิด พื้นฐานของคนเหล่านี้มองแค่นิดเดียวก็ทะลุออกไปสู่ไหนต่อไหนได้
ปล่อยไปก็แค่นั้น
ปล่อยไปก็ได้ใจ
จัดการเลยดีกว่า
“มึงจะร้องจนเสียงหลุดใครก็ช่วยอะไรมึงไม่ได้ ไอ้พวกที่อยู่รอบตัวมึงมันก็ช่วยไม่ได้” เสียงกระดูกที่อยู่ใต้ไม้เบสบอลเกิดขึ้นให้ผมได้ยินยกยิ้มมุมปากพร้อมกับจัดการกดเคลื่อนไหวให้มันผิดรูปร่างจากเดิมอีกครั้งต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็วโดยที่ผมกดเคลื่อนไม้เบสบอลในมือและก็ไม่ได้มีแค่นั้นนะเพราะตอนนี้ในมือของผมขว้างไม้เบสบอลในมือไปทางอื่น “มึงควรได้รับมากกว่านี้”
ฝ่าตีนข้างหนึ่งเหยียดกดลงไปยังฝ่ามือนั่น
ทุ่มสุดตัวและคราวนี้ไอ้นั่นมันก็ใช้มืออีกข้างกระเสือกกระสนหาทางหลุดพ้นจากความเจ็บปวดซึ่งแน่นอนว่ามันไม่มีทางหลุดได้ง่ายถึงแม้มันจะใช้มือข้างเดียวของมันพยายามงัดตีนผมออกก็ตาม
ไม่ได้ก็คือไม่ได้
“ยอมแล้ว ผิดแล้ว ไม่ทำแล้ว”
“…”
ปากก็พูดพล่อยๆ เอาตัวรอดแต่ถ้าพ้นก็ทำอีกแบบนี้มีให้เห็นเยอะแยะ
“เหรอ?”
“พูดจริง ผมพูดจริง”
“ไปแก้ตัวต่อในคุกซะไอ้สัส” อย่ามาแก้ตัวต่อหน้าผมเลยมันไร้ประโยชน์ว่าแล้วเท้าอีกข้างก็ตวัดแตะเข้าไปที่มือของไอ้นั่นเพื่อให้หลุดออกจากการจับกุมเท้าส่วนอีกข้างก็ถอนออก “กูดูหน้าใจดีกับมึงเหรอ”
“…”
“ไม่เลยกูสารเลวมากกว่าที่มึงคิดซะอีก”
ผมให้ลูกน้องลากร่างไอ้นั่นออกไปจากบริเวณนี้เหลือก็แต่ลูกน้องบางคนที่จับกลุ่มกันรอบตัวแม้ตอนนี้จะดึกมากก็ตามไม่มีใครสนใจเวลาหรอกกระทั่งไอ้เบนมันเข้ามายืนนิ่งตรงหน้าผมที่กอดอกมองสถานการณ์ไปเรื่อยเปื่อย
“ผมขอโทษครับเฮียกวาง”
“แล้ว?” ใช่มันเป็นความผิดของมันส่วนหนึ่งที่ไม่ยอมตรวจทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนที่จะส่งงานให้ผมได้รับรู้ มันบกพร่องในส่วนตรงนี้ซึ่งผมไม่อยากให้มี “มึงจะเงียบทำห่าอะไร”
“ไอ้เหี้ยกวาง ไอ้เบนสั่นหมดแล้วนะ” ไอ้สัสข้ามเอ่ยขัด
“มึงรู้ใช่มั้ยว่ากูไว้ใจให้มึงทำงาน ตรวจสอบงานทุกอย่างในส่วนของตัวเองให้ดีถ้าพลาดแล้วไปถึงกูแม้แต่มึงก็ได้รับโทษ กูไม่ไว้นะไอ้เบน”
“รู้ครับ เฮีย...”
“ไปวิ่งรอบสนาม 10 รอบ”
“โถ่เฮียกวางผมตายแน่นั่นสนามแข่งรถนะ” ไอ้เบนร้องขึ้น
“ก็ใช่ไงหรือมึงจะ... ให้กูซัด” เลือกได้ผมใจดีที่สุดอยู่แล้ว “เลือกมากูให้สิทธิมึงไอ้เบน”
“ยืนให้ซัดหรือโดนซัดแล้วคิดจะซัดสู้เฮียกวางกลับอย่างไหนผมก็ตายห่าศพไม่สวยอยู่ดีอ่ะเลือกวิ่งก็ได้ครับ”
“กูนั่งดูรอมึงเลย ลูกน้องเบน”
“ถ้าผมหายใจไม่ทันฝากเฮียกวางเรียกรถพยาบาลให้ด้วยนะ”
“…”
“ขอร้องเลยครับ”