CHAPTER 3

2062 คำ
CHAPTER 3 เป็นเวลาเกือบสี่โมงเย็นที่ฉันกลับมาจากบ้านใหญ่มาถึงห้องพักสำหรับคนงานในไร่ที่อยู่เยื้องออกไปอีกฟากหนึ่งซึ่งจะว่าไกลก็เหมือนใกล้แต่จะว่าใกล้ก็เหมือนไกลเอาการเอาเป็นว่ามันไม่พอดีหรอกแต่ห้องพักนั้นอยู่ในระดับที่ดีกว่าไร่อื่นๆ มากฉะนั้นจึงไม่แปลกถ้าจะมีคนมาสนใจทำงานของไร่นาคนิลมากกว่าไร่อื่นๆ ฉันรีบเอาปากกาที่ได้มาวางไว้บนโต๊ะไม้เล็กๆ ข้างฟูกในห้องของตัวเองก่อนจะออกมาล้างผักคะน้าที่ถูกแช่เอาไว้ในอีกฟากหนึ่งที่แม่แบ่งเป็นห้องครัวเล็กๆ การจัดการกับผักนั้นเรียบร้อยในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมาพร้อมกับเตรียมทุกอย่างที่ใช้ในส่วนผสมของการทำอาหารให้พร้อมเพื่อแม่เลิกงานมาจะได้ทำเลย บ้างครั้งเท่านั้นที่ฉันจะทำแต่วันนี้ก่อนออกไปทำงานแม่แค่สั่งให้เตรียมเดี๋ยวจะทำเอง วันนี้จึงลอยตัวนิดหนึ่ง พอเสร็จฉันจึงมานั่งพักใต้ต้นไม้หน้าบ้านพักที่มีชิงช้าอยู่ที่ตรงนี้เป็นที่ประจำของฉันเลยก็ว่าได้ยิ่งเนื่องจากตอนเย็นๆ แสงจากพระอาทิตย์อ่อนลงที่ตรงนี้จะยิ่งสวยเพราะสามารถมองออกไปเป็นไร่ชาสีเขียวกว้างสะท้อนเข้ากับสีฟ้าสดของท้องฟ้าอีกทั้งยังมีแสงสีทองของดวงอาทิตย์เพิ่มอีกบอกเลยว่าโคตรสวย ยิ่งในยามที่สายลมพัดผ่านปะทะเข้ากับใบหน้าความสดชื่น ฉันชอบธรรมชาติแบบนี้ กระทั่ง... สายตาเบี่ยงเบนไปในทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังที่เป็นทางเดินประจำของคนงานสายตาของฉันดันไปเห็นชายสูงวัยกลางคนคนหนึ่งที่คุ้นเคยร่างกายของตัวเองจึงหลบหลีกหาที่ซ่อนทันที ที่หลบซ่อนของฉันคือกอดอกมะลิใหญ่ใกล้กันกับบ้านพัก กอดอกมะลิทำหน้าที่พลางร่างเล็กของฉันให้ปลอดภัยรวมกับความเงียบของตัวเองทุกอย่างจึงอยู่ในความปลอดภัยขึ้นมาได้ ฉันไม่อยากเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้น ฉันไม่อยากอยู่ตามลำพังกับเขา และฉันพยายามหลีกเลี่ยง วัลหรือว่าวัลพนาผู้ชายคนที่ฉันพยายามหลบและหลีกเลี่ยงมาเกือบปีที่ผ่านมารวมไปถึงตอนนี้เขาอยู่ในฐานนะผู้เลี้ยงของฉัน เขาเป็นสามีใหม่ของแม่ที่เข้ามาทำงานได้ไม่ถึงหกเดือน การที่ฉันไม่อยากเจอไม่ใช่ว่าเขาจะทำอะไรไม่ดีกับตัวเองนะแต่เป็นการแสดงออกทางสายตามากกว่าที่ทำให้รู้สึกว่าไม่ค่อยปลอดภัยการเซฟตัวเองจึงเป็นสิ่งที่ฉันทำมาตลอดทุกครั้งและในวันนี้ดูเหมือนฉันเลือกถูกเพราะพอผู้ชายคนนั้นมาถึงบ้านพักเขาตรงเข้าไปในห้องฉันเลย ไม่แวะห้องตัวเองกับแม่ที่อยู่อีกทิศทางหนึ่ง นี่ไงความไม่ไว้ใจของฉัน เมื่อครั้งได้สติฉันจึงรีบออกจากกอดอกมะลิวิ่งแยกไปในทางไปบ้านใหญ่ของที่พึ่งกลับมาได้ไม่ถึงชั่วโมงแต่ฉันรับรู้ได้ว่าที่นั่นปลอดภัยมากกว่าบ้านพักของตัวเองฉะนั้นจึงไม่แปลกถ้าจะวิ่งไปพอมาถึงบ้านใหญ่ของป้ากวาฝีเท้าของตัวเองหยุดลงเหลือแค่อาการหอบและเหนื่อยมากกว่าปกติเท่านั้น “หนีอะไรมาใจ?” “คะ?” เพราะประโยคคำถามนั้นเรียกให้ฉันเงยใบหน้าขึ้นไปชั้นบนซึ่งตรงกับประตูหน้าต่างที่มีร่างใหญ่ของพี่กวางที่โน้มแขนทั้งสองข้างเท้ากับบานหน้าต่างเอาไว้ ใบหน้าหล่อผูกคิ้วขมวดเหมือนปมกิริยานี้ฉันรู้ว่าอีกฝ่ายรอคำตอบจากตัวเองอยู่ “เอ่อ... ใจ” “เป็นอะไรหื้ม?” “...” ฉันจะบอกพี่กวางยังไงดี ถ้าบอกไปไม่มีใครเชื่อจะทำยังไง “ขึ้นมานั่งบนบ้านก่อนเดี๋ยวพี่เอาน้ำให้ หน้าซีดหมดรู้ตัวมั้ย” “ค่ะ” ฉันเข้ามาบนบ้านมานั่งเก้าอี้ตัวเดิมกับเมื่อเช้าเพื่อรอพี่กวางที่เข้าไปในทางห้องครัว พึ่งรู้ว่าห้องนั้นเป็นห้องนอนของพี่กวางและถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ พี่กวางไม่เห็นตั้งแต่ฉันวิ่งจากบ้านพักมาแล้วหรือไงกัน บ้านใหญ่อยู่บนเนินสามารถมองรอบไร่ได้แบบนี้มันยิ่งกว่าเห็นอีกนะแต่ความคิดก็หยุดลงเมื่อพี่กวางเดินมาพร้อมน้ำหนึ่งแก้วมาวางตรงหน้าฉันก่อนจะทรุดร่างนั่งลงตรงข้าม “ขอบคุณค่ะ” “ดื่มก่อน” “หายเหนื่อยหรือยัง วิ่งมาไกลขนาดนั้น” ไม่รู้ว่าควรทำหน้าแบบไหนได้แค่ยิ้มออกไปมันก็ยังดีแล้วหลังจากที่แยกกับพี่กวางจากการไปห้างเสร็จฉันก็เดินกลับบ้านแล้วยังวิ่งกลับมาที่เดิมทั้งที่ยังไม่ถึงชั่วโมงของวันด้วยซ้ำแบบนี้จะให้ตอบอะไรกัน “ไหนบอกมาสิว่าวิ่งหนีอะไรมา” “ใจ...” Rr… แต่เสียงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงพี่กวางดันดังขัดขึ้นประโยคที่กำลังจะหลุดจากปากฉัน สายตาของพี่กวางจ้องมองฉันนิ่งอยู่แบบนั้นไม่สนใจเสียงของโทรศัพท์เลยด้วยซ้ำแล้วก็เป็นฉันเองที่เลือกหลบสายตาพี่กวาง “รับโทรศัพท์ก่อนก็ได้ค่ะพี่กวาง” “โอเคครับ” พี่กวางรับโทรศัพท์โดยที่ไม่ลุกออกไปไหนนั่งพูดกับปลายสายต่อหน้าฉันถ้าจับใจความเรื่องที่พูดมันเป็นเรื่องราวของรถอะไรประมาณนั้นจะได้ยินออกมาแบบนั้นเสียมากกว่าจากนั้นคำที่พ่นออกจากปากพี่กวางราวกับคำสั่งก็เป็นภาษาอังกฤษหมดลงท้ายก่อนวางว่าเอาที่กูสั่ง “พี่พูดธุระของพี่แล้วคราวนี้ถึงทีใจตอบคำถามพี่ได้แล้ว” “ค่ะ ใจรอแม่ค่ะแต่คุณวัลเอ่อ... พ่อมาก่อนใจจึงมารอที่นี่จนกว่าแม่เลิกงานแล้วค่อยไปที่บ้านพักค่ะ” “วัล ชื่อพ่อเหรอ?” “ค่ะ... พ่อเลี้ยง” พี่กวางพยักหน้าเข้าใจในทันที “ใจขอรอที่นี่ก่อนนะคะ พี่กวางจะให้ใจทำอะไรมั้ย” “ให้นั่งเฉยๆ แล้วช่วยกินขนมจานนี้ให้หมดที” “เอ่อ...” “ขนมที่ใจจ้องตอนที่เดินผ่านในห้างไง ช่วยกินให้หมดหน่อยได้มั้ยครับ” “พี่กวางจะไปไหนคะ” ฉันเอ่ยถามอย่างงงๆ เมื่อสวมรองเท้าแล้วเหลือบไปเห็นร่างสูงเดินตามมาพร้อมกับสวมรองเท้าแตะ ฉันกำลังจะกลับบ้านพักเพราะถึงเวลาที่แม่น่าจะเลิกงานจากไร่มาแล้วโดยที่ไม่ลืมล้างจานขนมที่พึ่งทานก่อนหน้าจนหมดเรียบร้อยพี่กวางทานแค่สองชิ้นเองจากนั้นที่เหลือทั้งหมดจึงตกมาเป็นหน้าที่ฉัน “ไปส่งใจไง” “เฮ้ย... ใจไปเองได้ไม่รบกวนพี่กวางดีกว่า” ฉันเลือกปฏิเสธออกมาทันทีแอบเกรงใจมากกว่าอีกอย่างทางเดินไปบ้านพักก็ชินแล้ว “พี่ใส่รองเท้าแล้วพร้อมเดิมขี้เกียจถอด” แบบนี้ก็ได้เหรอแล้วรู้ไหมว่าพูดจบพี่กวางก็เดินนำออกไปเลยจนฉันที่ยังอยู่ที่เดิมต้องวิ่งตามกระทั่งอยู่ในระนาบเดียวกันจึงค่อยๆ ลดความเร็วลง ใบหน้าหล่อของพี่กวางมองซ้ายขวาซอกแซกไปมาสายตาก็สังเกตสิ่งรอบตัวเสมอในระหว่างนี้ก็มีแต่ความเงียบที่พอสะสมเข้าจะกลายเป็นความอึดอัดและฉันไม่ชอบจึงเผยประโยคชวนอีกฝ่ายคุย “พี่กวางพึ่งมาไร่ครั้งแรกเหรอ ทำไมใจอยู่มานานไม่เคยเห็นเลย” “พึ่งมา... พี่หมายถึงพึ่งมาอยู่ยาวแต่ถ้าถามว่าครั้งแรกมั้ยก็ไม่” “แสดงว่ามาหลายครั้ง” “ก็หลายครั้งนะแต่ไม่ออกมาให้ใครเห็น” ไม่อยากเปิดเผยความหล่อเหลาใช่ไหมนะ “ครั้งนี้ครั้งแรกที่ออกมาเดิน” “สวยมั้ย ใจชอบบรรยากาศตอนนี้มากเลยยิ่งใกล้ถึงเวลาที่พระอาทิตย์ตกดินยิ่งชอบ” ไม่ใช่แค่พระอาทิตย์ตกดินนะในเวลานี้จะได้เห็นฝูงนกที่พากันบินกลับรัง ได้กลิ่นดอกไม้หอมส่งกลิ่นล่องลอย ได้เห็นวิถีชีวิตของคนที่หาเช้ากินค่ำพากันกลับบ้านทุกอย่างล้วนหาเห็นได้อยากถ้าอยู่ในเมืองแต่นี่คือต่างจังหวัดฉะนั้นฉันจึงเห็นทุกวันแต่ก็ไม่เคยเบื่อสักนิด “ชอบมากขนาดนั้นเลยเหรอ” “ค่ะ” “แล้วถ้าวันหนึ่งเปลี่ยนเป็นนั่งริมทะเลมองพระอาทิตย์ตกเช่นกันล่ะใจจะชอบมั้ย” “เอาตามตรงเลยนะใจยังไม่เคยเห็นทะเลเลย เห็นแต่ภูเขาและก็ทะเลหมอกที่สวยสุด” พี่กวางหยุดเดินแล้วหันมามองฉันนิ่ง สองมือเรียวซุกเข้าในกระเป๋ากางเกงสายตาคมเบิกกว้างนิดหน่อยกับคำตอบที่ได้ยิน “ทัศนศึกษาใจไม่ได้ไปค่ะ เอาเงินส่วนนี้ไปใช้ในเรื่องอื่นๆ คงดีกว่าเยอะอีกอย่างพอใจโตวันหนึ่งคงได้ไปเองแต่ช้าหน่อย” “เสียใจหรือเปล่า ถ้าพี่ถามแบบนี้คำตอบคงเป็นการพยักหน้าสินะ” “เสียใจค่ะแต่พอเพื่อนเล่าให้ฟังก็ยิ้มได้แล้ว” ฉันส่งรอยยิ้มไปให้พี่กวางที่ยังมองมาตัวเองนิ่งๆ พี่กวางไม่ค่อยถือตัวหรอกแต่ไม่ชอบให้ใครโดนตัวมากกว่า พวกเราเดินมาจนถึงบ้านพักคนงานที่ถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วน ทุกห้องเปิดประตูออกมาไว้บ้างห้องทำอาหารตรงหน้าระเบียงแต่บางห้องก็นั่งคุยกันแล้วมองมาทางฉัน สายตาพวกนั้นแน่นอนว่ามีความสงสัย สายตาพวกนั้นแน่นอนว่าคิดอะไรหลายๆ อย่างไปแล้ว และฉันก็สามารถเดาได้ กระทั่งทั้งฉันแล้วก็พี่กวางเดินมาถึงหน้าห้องพักซึ่งเยื้องออกไปหน่อยมีต้นไม้และมีม้าหินอ่อนทุกเย็นก็จะมีการตั้งวงเหล้ากันหนึ่งในนั้นคือวัลพ่อเลี้ยงของฉันเอง “ไอ้วัลลูกมึงมาแล้ว” เสียงของใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในวงเหล้าเอ่ยขึ้น “มาพร้อมผู้ชายด้วย หล่อนะเนี่ยอีน้อยตาถึง” สมทบด้วยอีกคนหนึ่งระหว่างนั้นแม่ก็เดินออกจากห้องพักมาพอดี “สายใจลูกมึงเป็นสาวแล้วพาแฟนมากด้วย” “สายใจมาก็ดีพาน้อยเข้าบ้าน” วัลเอ่ยสั่งแม่ที่มองมายังฉันแล้วก็พี่กวางนิ่งๆ สายตาของแม่ฉันรับรู้ว่ากำลังคิดไปในทางที่หลากหลายยิ่งได้ยินในสิ่งที่คนในวงเหล้าเอ่ยมาใบหน้าของแม่ก็ยิ่งเรียบ ในที่นี้ไม่มีใครรู้เลยว่าพี่กวางเป็นถึงลูกเจ้าของไร่ที่ทำงานอยู่และในอนาคตพี่กวางอาจมาเป็นเจ้านาย “ได้ยินมั้ยสายใจ” พ่อเลี้ยงฉันย้ำแม่อีกครั้งซ้ำๆ “จ๊ะพี่” แม่รับปากแล้วเดินเข้ามาใกล้หน่อย “น้อยเข้าไปช่วยแม่ทำกับข้าว” “เอ่อ...” ใช่ฉันกำลังลังเลใจมากกว่าปกติหลายเท่าตัวปนไปกับการทำอะไรถูกในวินาทีนี้ด้วยความที่ว่าทุกคนต่างจังจ้องไปยังพี่กวางรวมถึงปลายสายตามายังฉันยิ่งกว่าการจับผิด สายตาของคนอื่นๆ ยังไม่เท่ากับสายตาของแม่เลยด้วยซ้ำแม่ถ้าตอนนี้ถามว่าเข้าข้างใครกับเลยว่าเอียงไปทางพ่อเลี้ยงมากกว่าฉันที่เป็นลูกสาวด้วยซ้ำ ในทุกๆ ครั้งไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรแม่จะให้ความสำคัญกับพ่อเลี้ยงมากกว่าฉันเป็นปกติ แม่จะถามความเห็นจากเขาทั้งที่บางครั้งมันไม่เกี่ยวอะไรเลยแต่ยังชักพ่อเลี้ยงให้เข้ามาร่วมด้วย บางครั้งฉันก็อยากไปอยู่ที่อื่น และบางครั้งฉันก็น้อยใจคนเป็นแม่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านี้หรือว่าทำไปแล้วมันก็เท่านั้น “แม่บอกให้เข้าไปช่วยทำอาหารได้ยินมั้ยน้อยใจ” แม่ย้ำประโยคเดิมอีกครั้งแต่เพิ่มน้ำเสียงราบเรียบทว่านาทีนี้สิ่งที่ฉันตกใจมากกว่าคือพี่กวางยกมือไหว้แม่ “สวัสดีครับ” “แม่นี่...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม