CHAPTER 9

1552 คำ
CHAPTER 9 ผมไม่ได้แค่พูดเพื่อให้คนฟังเกิดความคาดหวังและก็หยุดร้องไห้หรือว่ายิ้มให้ตัวเองแบบพล่อยๆ หรอกนะทว่าประโยคนั้นมันมีความจริงผสมอยู่ด้วยต่างหาก น้อยนักนะที่คนเราจะไม่อยากอยู่โลกของตัวเองว่าไหมแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีน้อยใจก็คือหนึ่งในนั้น โลกที่บางครั้งไม่ได้ดีกับตัวเขาเสมอไป ไม่แปลกถ้าอยากจะย้ายมาอยู่โลกคนอื่น ทุกอย่างมันแสดงออกทางสายตาหมดไม่ว่าคนตรงหน้าจะพยายามคิดอะไรเศร้าหรือว่าเศร้ายิ่งกว่าผมรับรู้หมด ไม่ยากที่จะรับรู้ได้เพราะแค่มองตามันก็บอกหมดทุกอย่างไม่ปิดบังถึงแม้คนๆ นั้นจะพยายามกักเก็บมันเอาไว้มากแค่ไหนก็ตามแต่มันก็ไม่สามารถเก็บอยู่ โลกของน้อยใจมืดมนไม่มีจุดสิ้นสุด โลกของน้อยใจถึงแม้จะได้รับแสงสว่างแต่ก็ไม่ทั่ว แบบนี้ย้ายออกจากโลกนั้นออกมามันไม่ดีกว่าทนอยู่สภาพนั้นเหรอ ส่วนโลกของผมมันต่างจากน้อยใจในทุกๆ อย่างเลยแหละ โลกที่มีหมดทั้งด้านมืดแบบมืดมิดและก็ด้านที่มีแสงสว่างว่าแบบถึงขีดสุดถึงแม้ในบางเรื่องมันจะไม่สมบูรณ์แบบเท่าคนอื่นแต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาส่งผลกระทบกับชีวิตของผมนักหรอกถ้าทำใจตัดมันออกไป การเกิดมามีพร้อมทุกอย่างประดับไว้รอบตัวมันดีและก็ดีมากแต่ก็ใช่ว่าสิ่งที่ผมอยากทำมันจะได้ง่ายๆ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ หนทางพวกนั้นที่ต้องการถ้าไม่ดิ้นรนมันก็สิ้นหวังแน่ๆ ถ้าสิ่งนั้นมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่ครอบครัวไม่เข้าใจเอามากๆ หนทางการพิสูจน์จึงเริ่มขึ้นด้วยเหตุผลการดิ้นรนหลายอย่างเพื่อให้หลายคนยอมรับในตัวเอง มันยากแต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ผมทำได้เมื่อสองปีก่อนนี่เองโดยมีข้อแม้จากแม่ ข้อแม้ที่ว่าถ้าไม่สำเร็จหรือว่าเอาตัวไปเสี่ยงทุกอย่างจะต้องตัดจบทว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นเพราะความตั้งใจของผมมันแรงกล้า ทุกอย่างที่ประสบความสำเร็จล้วนเป็นตัวบ่งบอกเล่าถึงทุกอย่างกระทั่งแม่ปล่อยไป ปล่อยที่ยังดูอยู่ห่างๆ ผมรู้แต่ถ้าแม่สบายใจก็โอเค “ใจดียังไงบ้างคะโลกของพี่กวาง?” “บอกไว้ก่อนนะว่าโลกของพี่มันมีแค่พี่ ทุกเรื่องจะมีพี่คอยให้กำลังใจ มีพี่คอยห่วงใย มีพี่คอยปลอบและก็มีพี่คอยทำให้หัวเราะทุกครั้งที่เราเศร้า” “มีพี่กวางคนเดียวหมดเลยใช่มั้ย” “โลกของพี่ก็มีแค่พี่สิยัยเด๋อ” “โอ้ย... ใจเจ็บนะ!” เสียงหลงของอีกฝ่ายเกิดขึ้นเพราะผมใช้นิ้วดีดไปกลางเหม่งเล็กที่โชว์โต้สายลมอยู่ไม่ได้แรงแต่ก็ไม่เบาคงเพราะเป็นแรงผู้ชายที่เคยเล่นกับผู้ชายแบบผมคงหนักมือไปหน่อยจริงๆ แหละ น้อยใจทำหน้ายู่ลูบหน้าผากเหม่งไปมาแบบนั้นเรื่อยๆ “แดง” “ก็เจ็บนิคะ” “มานี่” ผมกระตุกแขนเสื้อแขนยาวที่เล็กหลุบเข้าไปด้านในเนื่องด้วยเสื้อใหญ่กว่าตัวมากเอาเข้าจริงรู้สึกคุ้นเสื้อบนตัวน้อยใจมากเหมือนคุ้นๆ ว่าเคยเห็นที่ไหนทว่ายังไม่ทันได้สังเกตมากกว่านี้แค่ผมกระตุกออกแรงดึงแขนเสื้อเข้ามาหาตัวเองไม่ต้องบอกว่าคนร่างเล็กที่นั่งบนกระโปรงรถจะขยับมาไหมบอกเลยว่ามาเต็มๆ ลมอุ่นออกจากแรงเป่าตรงปากกระทบเข้ากับหน้าผากเหม่งเล็กอยู่สามครั้งก่อนผมเองที่ผละออกมามองดวงตาแป๋วที่กำลังอึ้งอยู่ “เป่าแล้วหายแล้ว” “ใจไม่ใช่เด็กนะ หลอกแบบนี้ไม่ได้” “ตัวแค่ครึ่งเอวทำซ่านะยัยเด๋อ” “ก็ใจเก่งไงคะ... ถึงตัวครึ่งเอวพี่กวางก็เถอะ” เถียงได้แบบนี้ในเวลานี้มันก็โคตรโอเคแล้วแหละสำหรับผม แค่อีกฝ่ายได้มีรอยยิ้มแล้วก็เสียงหัวเราะตามมาอย่างไม่มีสะดุดก็พอแล้ว “ครับเก่งแล้ว” “เห็นมั้ยว่าใจเก่ง เก่งที่สุด” “พี่เห็นแล้วครับ เก่งจริงๆ” เก่งมากๆ ด้วยซ้ำ เก่งจนยกนิ้วให้เลย ผมไม่อยากพูดออกไปเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายคงหลงลืมเรื่องก่อนหน้าไปได้แล้วถึงมันจะได้แค่ชั่วขณะหนึ่งก็ตามแต่มันก็ยังดีไม่ใช่เหรอ ความสบายใจบางครั้งอยู่ไม่ได้ตลอดเวลาหรอกข้อนี้มันมีจำกัดกับทุกๆ คนผมขอแค่ช่วงหนึ่งทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ ตรงหน้าได้ยิ้มบ้างก็แค่นั้น “พี่กวาง” “หื้ม?” “โลกของพี่กวางเป็นแบบเมื่อกี้ใช่มั้ย” “…” “แบบที่... ถ้าใจเจ็บไม่ว่าจากใครก็จะมีพี่กวางเป่าให้แบบนี้ใช่หรือเปล่า” “…” “ใจอยากให้เป็นแบบนั้นจังค่ะ” อ่าเด็กน้อย เด็กจริงๆ เลยน้อยใจ “ครับมันเป็นแบบนั้นเลย พี่จะเป่าให้ใจเองครับ” แล้วค่ำคืนนี้ก็จบลงตรงที่น้อยใจนอนบ้านของผมนอนห้องเดียวกันกับแม่ส่วนผมก็นอนห้องของตัวเองแต่ทว่ากับนอนไม่หลับเอาเสียเลยจึงลุกขึ้นมานั่งระเบียงบ้านท่ามกลางความมืดของเวลาตีสามกว่าเอาจริงก็เกือบจะเช้าแล้วแหละ อากาศจึงเย็นมากกว่าปกติมากถึงไม่ใช่ฤดูหนาว ไม่นานแรงดึงฮู้ดบนตัวผมถูกคว้าหมวกที่เชื่อมต่ออยู่ด้านหลังให้มาสวมศีรษะของตัวเองด้วยความเหมาะเจาะมากและผู้มาใหม่ที่กล้าทำแบบนี้ก็คือแม่เลี้ยงกวาแห่งไร่นาคนิลผู้ซึ่งเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของผมเอง ร่างผอมสูงอยู่ในชุดนอนที่มีชุดคลุมบนตัวอย่างมิดชิดเคลื่อนย้ายตัวมานั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกันกับผม มองยังไงแม่ก็สวย “นอนดึกอะไรขนาดนี้กันกวาง” “นอนไม่หลับครับแม่” “มีเรื่องให้คิดเหรอ?” นัยน์ตาสีเดียวกันกับผมมองตรงมาแต่มันให้ความรู้สึกคนละฟิวเลยของแม่มีความอบอุ่นและก็อ่อนโยนส่วนถ้าเป็นของผมมันแข็งกระด้างเหมือนไม่มีชีวิตชีวาเช่นเดียวกับของแม่ “บอกแม่ได้มั้ย” “ความจริงแล้วกวางก็นอนดึกอยู่แล้วนะครับเพียงแค่วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร” “เรื่องน้อยใจหรือเปล่า” ใช่เลยแหละไม่รู้มันวนเวียนเข้ามาในระบบความคิดของตัวเองยังไงรู้แค่เพียงว่าพยายามสลัดความคิดพวกนั้นออกแค่ไหนมันก็ไม่ออกไปสักครั้ง “…” “เงียบแบบนี้ใช่แน่ๆ” “เธอหลับไปแล้วใช่มั้ยแม่ เด็กนั่นน่าสงสาร” ผมพูดความจริงสอดคล้องกับสิ่งที่ได้เห็นมาเท่านั้น “จริงสิลูกพึ่งมาเห็นอะไรแบบนี้” “หมายความว่าไงครับ เป็นเรื่องปกติเหรอแม่” “ก็เกิดบ่อยลักษณะนี้แหละ” “เชื่อเลย” “แต่ละครอบครัวที่เติบโตมามันไม่เหมือนกันหรอกกวางไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรและคนนอกอย่างพวกเราก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้ทุกครั้ง ความละเอียดอ่อนเรื่องนี้มันมีตรงที่อีกคนเป็นเด็กแค่ 13- 14 ปี มันจึงดูไม่ง่ายนักแม่ก็อยากช่วยแต่ช่วยได้เท่าที่ทำได้ จำได้มั้ยที่พ่อของลูกสอนเอาไว้” “ทุกอย่างมีเส้นแบ่งเอาไว้ครับ” “ใช่ ถ้าล้ำเส้นไปแล้วมันจะเป็นในอีกรูปแบบหนึ่ง” “งั้นเด็กนั่นต้องทนแบบนี้เหรอแม่ ต้องทนทั้งที่โลกของตัวเองพังทลายไปแล้วกี่ครั้งแทบนับไม่ถ้วนงั้นเหรอครับ” “ลูกอยากช่วยน้อยใจงั้นสิ” “กวางช่วยไม่ได้หรอก” ช่วยได้แค่ในเส้นของตัวเองแต่ก้าวเข้าไปช่วยในเส้นของเขาไม่ได้เหมือนกับที่แม่ทำนั้นแหละ และทุกครั้งก็ช่วยได้บ้างไม่ได้บ้าง “อยู่โรงเรียนก็โดนรังแกอยู่บ้านก็โดน เชื่อเลย” “แอบช่วยน้องละสิ” “ไม่ครับ” ผมปฏิเสธแม่ออกไปแต่แม่กับยิ้มแย้มออกมาเหมือนรู้ว่าผมกำลังโกหกท่านอยู่ “แม่ยิ้มไรเนี่ย” “คนขี้จุ๊” (คนโกหก) “แม่รู้แล้วยังจะถามกวาง” “น้อยบอกแม่หมดแล้วแถมยังบอกด้วยว่าจะย้ายไปอยู่โลกพี่กวางแล้ว” อ่า... ยัยนั่นไม่ทันคนอื่นจริงๆ สินะ บอกคนอื่นหมดเลยแบบนี้ได้ไงวะ ถึงจะบอกแม่ก็เถอะ “...” “ยอมให้คนอื่นเข้าโลกตัวเองแบบนี้... ลูกแม่โตแล้วจริงๆ สินะ” “ไม่ได้หมายความแบบนั้นครับ” ผมรู้ว่าแม่คิดอะไรอยู่สายตาแวววาวขนาดนั้นทำไมแค่นั้นจะมองไม่ออกกันเชียววะอีกอย่างไม่คิดว่าแม่จะเป็นคนแบบนี้ด้วย “จริงๆ ครับ” “ปากตรงกับใจก็ดีนะกวาง” “ไม่ถึงขั้นนั้นครับ น้องยังเด็กกวางก็ยังเด็ก” “กวางแก่แดดต่างหากไม่เด็กหรอกทำไมแม่คลอดมาจะไม่รู้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงมีลูกสองแล้วมั้ง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม