บทที่ 4 ปากเสีย

1374 คำ
“เดินทางปลอดภัยนะคะคุณลุง” ร่างเล็กในชุดนักศึกษาพอดีตัวตื่นแต่เช้ามาส่งอธิปไปยังสนามบินเพราะอีกฝ่ายต้องไปจัดการปัญหาที่สาขาต่างประเทศ “ถ้ามีอะไรก็โทรมาเข้าใจไหม” “เข้าใจค่ะ” เหมือนฝันโบกมือคนที่ขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนที่รถยนต์สีดำสนิทจะขับเคลื่อนออกไป และก็ถึงเวลาที่เธอต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยบ้างแล้ว ร่างเล็กหยิบกระเป๋าผ้าใบเก่งขึ้นมาสะพายไหล่ ก่อนจะพนมมือไหว้ป้าอุ่นแม่บ้านอาวุโสแล้วเดินไปขึ้นรถที่พี่เติมขับมาจอดรอกันอยู่ก่อนแล้ว เหมือนฝันตื่นเต้นมากที่ได้เข้าเรียนหาวิทยาลัย และนอกจากความตื่นเต้นเธอยังรู้สึกเกร็งไม่น้อย เพราะมหาวิทยาลัยที่จะเข้าเรียนในแตกต่างจากโรงเรียนที่เธอจบมาอย่างสิ้นเชิง อาคารขนาดใหญ่ ดีไซน์สวยแปลกตาและรถหรูหลายคันที่ถูกจอดไว้ตามจุดต่าง ๆ ทำให้เหมือนฝันรู้สึกว่าที่นี่ช่างไม่เหมาะกับตัวเอง “ถึงแล้วครับคุณฝัน” “พี่เติมล่ะก็ ฝันบอกไม่ต้องเรียกคุณไง” “ได้ไงล่ะครับ” “ชิ ถ้าฝันเรียนเสร็จแล้วจะโทรหานะคะ” “ครับผม” เหมือนฝันร่ำลากับเติมบุญเสร็จก่อนจะลงจากรถ เพราะวันนี้คือวันเปิดเทอมวันแรกจึงไม่ได้มีการเรียนการสอนมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นการแนะนำให้นักศึกษาได้รู้จักกันเสียมากกว่า แต่เหมือนฝันก็ไม่ได้ทำความรู้จักกับใครเป็นพิเศษ เหมือนฝันอยู่ตัวคนเดียวจนชิน เพราะสมัยเรียนมัธยมก็ไม่ได้มีเพื่อนเหมือนคนอื่นเขา “สวัสดี เราชื่อมีนนะ เธอชื่ออะไรอะ” หญิงสาวตัวเล็ก ผมสั้นท่าทางเปรี้ยวซ่าเขยิบเข้ามาใกล้ก่อนจะทักทายเธอ “เราชื่อฝัน ยินดีที่ได้รู้จักนะ” เหมือนฝันแนะนำตัวอย่างกระตือรือร้นเพราะนี่คือครั้งแรกที่มีคนเข้าหาเธอก่อน ปากอิ่มส่งยิ้มกว้างให้คนข้างตัวและแค่นั้นก็ทำมีนานิ่งงันไปชั่วครู่ “สวยมาก” “ฮะ” “เพื่อนงงหมดแล้วมีน” ชายหนุ่มที่นั่งถัดจากมีนาตีหัวเพื่อนเบา ๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้เหมือนฝัน “เรานายน์นะ” “อื้ม เราฝัน ยินดีที่ได้รู้จักพวกเธอสองคนนะ” “เป็นไงล่ะ ฉันบอกแล้วว่าขึ้นปีหนึ่งจะหาเพื่อนสวย ๆ แบบนี้” “เฮอะ” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอก่อนจะหยัดกายขึ้นเต็มความสูงเพราะคนอื่นเริ่มทยอยออกจากห้องแล้ว และเมื่ออีกฝ่ายยืนขึ้นเหมือนฝันจึงได้รู้ว่าอีกคนตัวสูงมาก กะจากระยะสายตาน่าจะไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร รูปร่างและโครงหน้าคมคายแบบนั้นเหมือนฝันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนเกือบทั้งห้องถึงมามองมาทางนี้ “หัวเราะอย่างกับโรม น่ารำคาญจริง ๆ เราสังเกตฝันมาสักพักแล้วเหมือนเราจะเรียนเซคเดียวกันเยอะอยู่นะ” มีนาบ่นนายน์ก่อนจะหันกลับมาคุยกับเหมือนฝัน “จริงเหรอ” “จริงสิ ดูนี่” มีนาไม่พูดมือมือเล็กเปิดตารางเรียนให้เหมือนฝันดูและเมื่อเทียบกันแล้วกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์เราทั้งสองเรียนตรงกัน “อ้อ แล้วยังมีหมอนี่อีกนะ เพราะฉันเป็นคงลงตารางให้เอง” “หื้ม มีนกับนายน์รู้จักกันอยู่แล้วเหรอ” “เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กแล้วน่ะ” “อย่างนี้นี่เอง” มิน่าทั้งสองถึงได้ดูสนิทสนมมากกว่าคนที่เพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียว เหมือนฝันและมีนาคุยเจื้อยแจ้วโดยมีนายน์นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ และคอยแขวะมีนาบ้างบางครั้งก่อนที่เราจะเข้าเรียนวิชาต่อไป โชคดีที่วันนี้เราทั้งสามเรียนเซคเดียวกันทั้งวันทำให้เหมือนฝันไม่เหงา และเธอยังได้รู้จักทั้งสองคนมากขึ้นไปอีก จวบจนกระทั่งถึงเวลาเลิกเรียน “ฝันกลับยังไงอะ” “เดี๋ยวเราให้พี่มารับ” “ให้เรารอพี่เป็นเพื่อนดีไหม” “ไม่เป็นไร มีนกับนายน์กลับก่อนได้เลยไม่ต้องห่วง” เหมือนฝันโบกมือเป็นพัลวันเพราะเกรงใจเพื่อนใหม่ อีกอย่างเธอก็ส่งข้อความไปบอกพี่เติมตั้งแต่ก่อนเลิกเรียนแล้ว อีกไม่นานก็คงมาถึง “เอางั้นเหรอ” “จ้ะ พวกเธอก็กลับกันดี ๆ ล่ะ” “รับทราบ” มีนาตะเบ๊ะมืออย่างหยอกล้อก่อนจะเดินนำร่างสูงของนายน์ไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ข้างตึก หมือนฝันก็ส่งยิ้มให้นายน์เล็กน้อยที่อีกฝ่ายส่ายหน้าให้กับท่าทางสุดกวนของมีนา โดยที่ไม่รู้เลยว่าท่าทางของเธอตกอยู่ในสายตาของใครบางคนทั้งหมด... เหมือนฝันนั่งรอเติมบุญอยู่จุดเดิมที่เธอลงจากรถและไม่นานรถยนต์คุ้นตาก็ขับมาจอดเทียบ “สวัสดีค่ะพี่เติม” “สวัสดีครับ คุณฝันรอนานไหม” “ไม่เลยค่ะ เรารีบกลับบ้านกันดีกว่า เดี๋ยวรถติด” เหมือนฝันบอกอย่างใจดีก่อนจะพิงศีรษะกับเบาะนุ่ม ดวงตาคู่สวยมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นว่ามีนักศึกษาหลายคนกำลังทยอยกลับบ้าน ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นรถยนต์สีแดงเพลิงคันหนึ่งและนั่นทำให้เหมือนฝันหันหน้าหนีทันควัน เธอไม่รู้หรอกว่ารถคันนั้นจะใช่รถยนต์ของอคินณ์ไหม แต่อะไรที่เกี่ยวข้องกับชายหนุ่ม เธอก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยทั้งนั้น ใช้เวลาไม่นานเหมือนฝันก็กลับมาถึงบ้าน ร่างเล็กเข้าไปช่วยแม่บ้านทำนั่นทำนี่ แต่ทุกคนกลับไล่ให้เธอขึ้นไปพักผ่อน และยังกำชับว่าอย่ามาแย่งหน้าที่เด็ดขาด ทำเอาเหมือนฝันได้แต่เดินคอตกกลับขึ้นไปบนห้องนอนและทบทวนบทเรียนจนถึงเวลาอาหารเย็น แต่จากที่คิดว่าตัวเองต้องนั่งทานข้าวเหงา ๆ คนเดียว ที่โต๊ะอาหารกลับปรากฏร่างสูงใหญ่ของคนที่เธอไม่ต้องการเจอหน้ามากที่สุด !!! “มาแล้วก็นั่งสิ หรือต้องให้ฉันเลื่อนเก้าอี้ให้ด้วย” ไม่ทันที่เหมือนฝันจะได้พูดอะไร คนที่นั่งอยู่ก่อนก็กระแนะกระแหนเธอทันที ร่างเล็กหมุนตัวกลับเพราะไม่อยากร่วมโต๊ะกับคนนิสัยไม่ดี แต่ไม่ทันที่เธอจะได้เดินออกไปแขนเรียวก็ถูกรั้งไว้เสียก่อน “อะ !” “คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าเดินหนีฉัน” “ปล่อยนะ” “คุณหนู ปล่อยคุณฝันก่อนดีกว่าไหมคะ” ป้าอุ่นเป็นคนเดียวที่กล้าเข้ามาเผชิญอารมณ์ร้ายของอคินณ์ เพราะยังเกรงใจหญิงชราอยู่บ้างมือร้อนราวกับคีมเหล็กจึงยอมปล่อย เมื่อเป็นอิสระเหมือนฝันก็ถดเท้าหนีคนตัวใหญ่อย่างหวาดระแวง และท่าทางหวาดกลัวของคนตรงหน้ามันเป็นที่พอใจของอคินณ์ไม่น้อย นี่แหละที่เขาต้องการ เขาต้องการให้เธออยู่ที่นี่ด้วยความหวาดกลัว หวาดระแวงและไร้ซึ่งความสุขเหมือนที่เขาเคยเจอ “มากินข้าว” “ฉันไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะกับคุณ” “งั้นเหรอ” เพล้ง ! จานกระเบื้องที่มีข้าวสวยอยู่ด้านในถูกมือหนาปัดตกอย่างแรงจนสาวใช้และเหมือนฝันสะดุ้งตกใจ “คุณคินณ์ !” “ไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะกับฉันก็ลงไปกินที่พื้น” อคินณ์ไม่ยี่หระต่อการกระทำของตัวเอง ก้านนิ้วยาวชี้ไปยังบริเวณที่มีเศษกระเบื้องและข้าวสวยหกเลอะเทอะเป็นการบอกว่าเหมือนฝันควรนั่งทานข้าวที่ตรงไหน “คุณหนูทำไมทำอย่างนี้ล่ะคะ” ป้าอุ่นที่หายจากอาการตกใจเป็นคนแรกถามอคินณ์เสียงเบาและสิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงสายตาดุดันของชายหนุ่มเท่านั้น “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับป้านะครับ และถ้าคิดจะช่วยยัยเด็กนี่ก็ต้องโดนมากกว่านี้” “คุณคินณ์...” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฝันเองก็ไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะกับเขาอยู่แล้ว” “ปากดี” “อย่างน้อยก็มีดีแล้วกัน ไม่เหมือนคุณหรอกปากเสียแถมยังจิตใจแย่อีกต่างหาก โอ๊ย !”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม