“เดินทางปลอดภัยนะคะคุณลุง”
ร่างเล็กในชุดนักศึกษาพอดีตัวตื่นแต่เช้ามาส่งอธิปไปยังสนามบินเพราะอีกฝ่ายต้องไปจัดการปัญหาที่สาขาต่างประเทศ
“ถ้ามีอะไรก็โทรมาเข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ” เหมือนฝันโบกมือคนที่ขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนที่รถยนต์สีดำสนิทจะขับเคลื่อนออกไป
และก็ถึงเวลาที่เธอต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยบ้างแล้ว ร่างเล็กหยิบกระเป๋าผ้าใบเก่งขึ้นมาสะพายไหล่ ก่อนจะพนมมือไหว้ป้าอุ่นแม่บ้านอาวุโสแล้วเดินไปขึ้นรถที่พี่เติมขับมาจอดรอกันอยู่ก่อนแล้ว
เหมือนฝันตื่นเต้นมากที่ได้เข้าเรียนหาวิทยาลัย และนอกจากความตื่นเต้นเธอยังรู้สึกเกร็งไม่น้อย เพราะมหาวิทยาลัยที่จะเข้าเรียนในแตกต่างจากโรงเรียนที่เธอจบมาอย่างสิ้นเชิง
อาคารขนาดใหญ่ ดีไซน์สวยแปลกตาและรถหรูหลายคันที่ถูกจอดไว้ตามจุดต่าง ๆ ทำให้เหมือนฝันรู้สึกว่าที่นี่ช่างไม่เหมาะกับตัวเอง
“ถึงแล้วครับคุณฝัน”
“พี่เติมล่ะก็ ฝันบอกไม่ต้องเรียกคุณไง”
“ได้ไงล่ะครับ”
“ชิ ถ้าฝันเรียนเสร็จแล้วจะโทรหานะคะ”
“ครับผม”
เหมือนฝันร่ำลากับเติมบุญเสร็จก่อนจะลงจากรถ เพราะวันนี้คือวันเปิดเทอมวันแรกจึงไม่ได้มีการเรียนการสอนมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นการแนะนำให้นักศึกษาได้รู้จักกันเสียมากกว่า แต่เหมือนฝันก็ไม่ได้ทำความรู้จักกับใครเป็นพิเศษ
เหมือนฝันอยู่ตัวคนเดียวจนชิน เพราะสมัยเรียนมัธยมก็ไม่ได้มีเพื่อนเหมือนคนอื่นเขา
“สวัสดี เราชื่อมีนนะ เธอชื่ออะไรอะ” หญิงสาวตัวเล็ก ผมสั้นท่าทางเปรี้ยวซ่าเขยิบเข้ามาใกล้ก่อนจะทักทายเธอ
“เราชื่อฝัน ยินดีที่ได้รู้จักนะ” เหมือนฝันแนะนำตัวอย่างกระตือรือร้นเพราะนี่คือครั้งแรกที่มีคนเข้าหาเธอก่อน ปากอิ่มส่งยิ้มกว้างให้คนข้างตัวและแค่นั้นก็ทำมีนานิ่งงันไปชั่วครู่
“สวยมาก”
“ฮะ”
“เพื่อนงงหมดแล้วมีน” ชายหนุ่มที่นั่งถัดจากมีนาตีหัวเพื่อนเบา ๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้เหมือนฝัน “เรานายน์นะ”
“อื้ม เราฝัน ยินดีที่ได้รู้จักพวกเธอสองคนนะ”
“เป็นไงล่ะ ฉันบอกแล้วว่าขึ้นปีหนึ่งจะหาเพื่อนสวย ๆ แบบนี้”
“เฮอะ”
ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอก่อนจะหยัดกายขึ้นเต็มความสูงเพราะคนอื่นเริ่มทยอยออกจากห้องแล้ว และเมื่ออีกฝ่ายยืนขึ้นเหมือนฝันจึงได้รู้ว่าอีกคนตัวสูงมาก กะจากระยะสายตาน่าจะไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร รูปร่างและโครงหน้าคมคายแบบนั้นเหมือนฝันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนเกือบทั้งห้องถึงมามองมาทางนี้
“หัวเราะอย่างกับโรม น่ารำคาญจริง ๆ เราสังเกตฝันมาสักพักแล้วเหมือนเราจะเรียนเซคเดียวกันเยอะอยู่นะ” มีนาบ่นนายน์ก่อนจะหันกลับมาคุยกับเหมือนฝัน
“จริงเหรอ”
“จริงสิ ดูนี่” มีนาไม่พูดมือมือเล็กเปิดตารางเรียนให้เหมือนฝันดูและเมื่อเทียบกันแล้วกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์เราทั้งสองเรียนตรงกัน
“อ้อ แล้วยังมีหมอนี่อีกนะ เพราะฉันเป็นคงลงตารางให้เอง”
“หื้ม มีนกับนายน์รู้จักกันอยู่แล้วเหรอ”
“เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กแล้วน่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง” มิน่าทั้งสองถึงได้ดูสนิทสนมมากกว่าคนที่เพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียว เหมือนฝันและมีนาคุยเจื้อยแจ้วโดยมีนายน์นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ และคอยแขวะมีนาบ้างบางครั้งก่อนที่เราจะเข้าเรียนวิชาต่อไป
โชคดีที่วันนี้เราทั้งสามเรียนเซคเดียวกันทั้งวันทำให้เหมือนฝันไม่เหงา และเธอยังได้รู้จักทั้งสองคนมากขึ้นไปอีก จวบจนกระทั่งถึงเวลาเลิกเรียน
“ฝันกลับยังไงอะ”
“เดี๋ยวเราให้พี่มารับ”
“ให้เรารอพี่เป็นเพื่อนดีไหม”
“ไม่เป็นไร มีนกับนายน์กลับก่อนได้เลยไม่ต้องห่วง” เหมือนฝันโบกมือเป็นพัลวันเพราะเกรงใจเพื่อนใหม่ อีกอย่างเธอก็ส่งข้อความไปบอกพี่เติมตั้งแต่ก่อนเลิกเรียนแล้ว อีกไม่นานก็คงมาถึง
“เอางั้นเหรอ”
“จ้ะ พวกเธอก็กลับกันดี ๆ ล่ะ”
“รับทราบ” มีนาตะเบ๊ะมืออย่างหยอกล้อก่อนจะเดินนำร่างสูงของนายน์ไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ข้างตึก หมือนฝันก็ส่งยิ้มให้นายน์เล็กน้อยที่อีกฝ่ายส่ายหน้าให้กับท่าทางสุดกวนของมีนา
โดยที่ไม่รู้เลยว่าท่าทางของเธอตกอยู่ในสายตาของใครบางคนทั้งหมด...
เหมือนฝันนั่งรอเติมบุญอยู่จุดเดิมที่เธอลงจากรถและไม่นานรถยนต์คุ้นตาก็ขับมาจอดเทียบ
“สวัสดีค่ะพี่เติม”
“สวัสดีครับ คุณฝันรอนานไหม”
“ไม่เลยค่ะ เรารีบกลับบ้านกันดีกว่า เดี๋ยวรถติด” เหมือนฝันบอกอย่างใจดีก่อนจะพิงศีรษะกับเบาะนุ่ม ดวงตาคู่สวยมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นว่ามีนักศึกษาหลายคนกำลังทยอยกลับบ้าน ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นรถยนต์สีแดงเพลิงคันหนึ่งและนั่นทำให้เหมือนฝันหันหน้าหนีทันควัน
เธอไม่รู้หรอกว่ารถคันนั้นจะใช่รถยนต์ของอคินณ์ไหม แต่อะไรที่เกี่ยวข้องกับชายหนุ่ม เธอก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยทั้งนั้น
ใช้เวลาไม่นานเหมือนฝันก็กลับมาถึงบ้าน ร่างเล็กเข้าไปช่วยแม่บ้านทำนั่นทำนี่ แต่ทุกคนกลับไล่ให้เธอขึ้นไปพักผ่อน และยังกำชับว่าอย่ามาแย่งหน้าที่เด็ดขาด ทำเอาเหมือนฝันได้แต่เดินคอตกกลับขึ้นไปบนห้องนอนและทบทวนบทเรียนจนถึงเวลาอาหารเย็น
แต่จากที่คิดว่าตัวเองต้องนั่งทานข้าวเหงา ๆ คนเดียว ที่โต๊ะอาหารกลับปรากฏร่างสูงใหญ่ของคนที่เธอไม่ต้องการเจอหน้ามากที่สุด !!!
“มาแล้วก็นั่งสิ หรือต้องให้ฉันเลื่อนเก้าอี้ให้ด้วย” ไม่ทันที่เหมือนฝันจะได้พูดอะไร คนที่นั่งอยู่ก่อนก็กระแนะกระแหนเธอทันที ร่างเล็กหมุนตัวกลับเพราะไม่อยากร่วมโต๊ะกับคนนิสัยไม่ดี แต่ไม่ทันที่เธอจะได้เดินออกไปแขนเรียวก็ถูกรั้งไว้เสียก่อน
“อะ !”
“คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าเดินหนีฉัน”
“ปล่อยนะ”
“คุณหนู ปล่อยคุณฝันก่อนดีกว่าไหมคะ” ป้าอุ่นเป็นคนเดียวที่กล้าเข้ามาเผชิญอารมณ์ร้ายของอคินณ์ เพราะยังเกรงใจหญิงชราอยู่บ้างมือร้อนราวกับคีมเหล็กจึงยอมปล่อย เมื่อเป็นอิสระเหมือนฝันก็ถดเท้าหนีคนตัวใหญ่อย่างหวาดระแวง และท่าทางหวาดกลัวของคนตรงหน้ามันเป็นที่พอใจของอคินณ์ไม่น้อย
นี่แหละที่เขาต้องการ เขาต้องการให้เธออยู่ที่นี่ด้วยความหวาดกลัว หวาดระแวงและไร้ซึ่งความสุขเหมือนที่เขาเคยเจอ
“มากินข้าว”
“ฉันไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะกับคุณ”
“งั้นเหรอ”
เพล้ง !
จานกระเบื้องที่มีข้าวสวยอยู่ด้านในถูกมือหนาปัดตกอย่างแรงจนสาวใช้และเหมือนฝันสะดุ้งตกใจ
“คุณคินณ์ !”
“ไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะกับฉันก็ลงไปกินที่พื้น” อคินณ์ไม่ยี่หระต่อการกระทำของตัวเอง ก้านนิ้วยาวชี้ไปยังบริเวณที่มีเศษกระเบื้องและข้าวสวยหกเลอะเทอะเป็นการบอกว่าเหมือนฝันควรนั่งทานข้าวที่ตรงไหน
“คุณหนูทำไมทำอย่างนี้ล่ะคะ” ป้าอุ่นที่หายจากอาการตกใจเป็นคนแรกถามอคินณ์เสียงเบาและสิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงสายตาดุดันของชายหนุ่มเท่านั้น
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับป้านะครับ และถ้าคิดจะช่วยยัยเด็กนี่ก็ต้องโดนมากกว่านี้”
“คุณคินณ์...”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฝันเองก็ไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะกับเขาอยู่แล้ว”
“ปากดี”
“อย่างน้อยก็มีดีแล้วกัน ไม่เหมือนคุณหรอกปากเสียแถมยังจิตใจแย่อีกต่างหาก โอ๊ย !”