"เจ"
ใบหน้าแดงเรื่อทำให้เจติยาต้องยื่นมือไปประคองก่อนจะถามออกไปด้วยรอยยิ้มขำ
"ใครคะ คนที่ทำให้พายเป็นแบบนี้"
ถึงจะอายเพื่อนแต่นี่คือเพื่อนรักที่สนิทตั้งแต่เด็ก ระหว่างเราจึงไม่เคยมีความลับต่อกัน พิชญากรข่มอายก่อนจะเอ่ยออกไป
"พี่หมอ พี่หมอเขาบอกจีบเราน่ะเจ"
น้ำเสียงที่บอกฟังก็รู้ว่าเพื่อนทั้งอายทั้งประหม่า แถมตอนนี้ยังฟุบหน้าแดง ๆลงกับบ่าเธออีก เจติยาหลุดยิ้มกับสิ่งที่ได้ฟังไม่แปลกใจสักเท่าไหร แต่ไม่คิดว่าคุณหมอจะเดินเครื่องเร็วขนาดนี้ แค่เพียงสองวันที่พิชญากรไปถ่ายละครที่โรงพยาบาล แสดงว่าสองคนนี้ต้องมีเวลาได้อยู่ด้วยกันมากพอสมควร
"แล้วพายตอบพี่เขาว่าไง แต่คงไม่ได้ปฏิเสธหรอกนะ เขินมาขนาดนี้น่ะ"
"หื้อ ก็เราตกใจ จู่ ๆ ก็มาสารภาพว่าจีบกันอยู่ เจจะให้เราตอบยังไงล่ะ"
เจติยาหัวเราะ พี่เขาก็ช่างตรงเป็นไม้บรรทัดเลย แต่นั่นก็ดีเพราะถ้าไม่ชัดเจนเพื่อนเธออาจไม่รู้ตัวเลยก็ได้
"ดีใจจังเพื่อนเจอคนที่ทำให้หัวใจเต้นแรงแล้ว แหม จะว่าไปพี่หมอเกมส์นี่ก็โรแมนติกนะเข้าใจสารภาพตอนใกล้วันแห่งความรักซะด้วย แบบนี้วาเลนไทน์ปีนี้เพื่อนก็ไม่โสดแล้วสิเนี่ย"
น้ำเสียงหวานเอ่ยเย้าขึ้นมา คราวนี้แหละเธอจะได้เอาคืนเพื่อนบ้าง เรื่องนี้ต้องขยาย
"เจน่ะ ห้ามแซวเลย"
หึ ๆ
"อะไร ทีเรานะแกล้งเอา ๆ พอเป็นเรื่องตัวเองบ้างเป็นไงล่ะ หืม รู้สึกยังไงตอนรู้ว่าพี่เขาจีบ"
"ก็ งง ๆ น่ะ แต่ก่อนนั้นพี่เขาก็พูดอะไรเสี่ยว ๆ ใส่เราหลายคำแหละ ใครจะไปคิดล่ะว่านั่นคือการจีบ เมื่อตอนเย็นคุยกันไปมาเลยได้ฟังเรื่องอดีตของพี่เขาด้วย จู่ ๆ ก็โพร่งขึ้นมาถามว่า เราไม่รู้ตัวเลยเหรอว่ากำลังถูกจีบอยู่ ใครจะไปรู้ล่ะ ก็ไม่เคยมีผู้หญิงมาพูดจีบแบบนี้นี่"
"อ๋อ ก็เลยมาถามเราว่า อาการหัวใจเต้นแรงกับอาการเขินจนหน้าแดงแบบนี้เนี่ย หมายความว่าไงใช่มั้ย"
พิชญากรพยักหน้าอายเพื่อนก็อายนะ แต่ไม่เคยเป็นแบบนี้แค่อยากมั่นใจ
"แล้วเวลาที่ได้อยู่ได้พูดคุยกับพี่เขาแล้วรู้สึกยังไง"
พิชญากรทำหน้าครุ่นคิด
"ก็รู้สึกดีนะ พี่เขาดูอบอุ่นเป็นผู้ใหญ่ก็เทคแคร์ดีน่ะ จริง ๆ เราเพิ่งรู้ว่าพี่เขาชอบผู้หญิงไม่นานนี่เอง แล้วช่อดอกไม้งานแต่งตอนนั้นก็เป็นงานญาติพี่หมอด้วย เป็นคุณหมอแผนกสูติแถมยังแต่งกับผู้หญิงด้วยกันอีกต่างหาก ที่ทำให้เราอายก็เพราะวันที่พี่พีทออกจากโรงพยาบาลเรานึกเสียดายดอกไม้มันยังสดอยู่เลย
ก็เลยฝากพี่พยาบาลให้เอาแจกันดอกกุหลาบนั่นไปไว้ห้องทำงานพี่หมอ เราก็ว่าทำไมพี่พยาบาลแกยิ้ม ๆ แล้วก็พูดว่า คุณหมอคงยิ้มทั้งวันที่มีสาวฝากดอกไม้ให้ แล้วพี่หมอน่ะมาบอกว่าที่จริงสนใจเราตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว"
เจติยามองเพื่อนพลางยิ้มออกมากับอาการพูดไปเขินไป นี่คงจะนึกอายที่ตัวเองยกดอกไม้ให้พี่เขาสิท่ายัยพายเอ้ย
"เห็นหรือยังว่า อาถรรพ์ดอกไม้งานแต่งมันมีจริง"
พิชญากรหันมายู่จมูกใส่เพื่อน
"ก็ไม่ได้ลบหลู่สักหน่อยนี่"
เจติยายิ้มขำยื่นมือไปบีบแก้มเพื่อนอย่างมันเขี้ยว
"สรุปพายก็รู้สึกดีกับพี่เขานั่นแหละ ไม่งั้นคงไม่เขินหรอก ถ่ายละครมาเยอะแยะเคยเขินแบบนี้มั้ยล่ะ กับพี่แนนก็สนิทกับพี่เขาเหมือนกันพายเขินมั้ย เออ แล้วฉากจูบกับพี่แนนในละครล่ะพี่หมอรู้มั้ย"
"อืม รู้ เพิ่งคุยเมื่อวาน แถมพี่เขายังถามแบบซีเรียสด้วยว่า ต้องจูบจริงเหรอ เราก็บอกยังไม่แน่ใจต้องคุยกับผู้จัดอีกที"
"พี่เขาหวงพายแน่เลยแบบนี้ หึ ๆ พี่หมอเกมส์นี่น่ารักจัง ขนาดยังไม่ได้เป็นแฟนยังแอบหวงเลยนะเนี่ย"
พิชญากรฟังแล้วก็ใบหน้าขึ้นสีอีกระลอก เธอเพิ่งฉุกใจหลังพี่เขาสารภาพความรู้สึกนี่แหละ ริมฝีปากแดงเรื่อถูกขบเม้มเข้าหากันอย่างขัดเขิน เจติยามองยิ้ม ๆ ก่อนจะยื่นใบหน้าไปหอมแก้มอีกฝ่ายบ้าง
"เก็บไว้ให้พี่เขาก็ดีนะจูบแรกน่ะ ไปอาบน้ำพักผ่อนได้แล้วจ๊ะ ฝันดีนะ เอ แต่คงฝันดีแหละเน๊าะ เพราะมีคนพิเศษคอยส่งเข้านอนแล้วต่อไปนี้ คิก ๆ"
เจติยาเอ่ยล้อออกมาก่อนจะเดินยิ้มออกไปจากห้อง ปล่อยให้คนที่ตกอยู่ในอาการทั้งอายทั้งเขินกับคำแซวนั้นได้แต่นั่งหน้าแดงด้วยไม่มีคำที่จะตอบโต้ ถึงเวลาถูกเอาคืนแล้วหรือยังไง ก็ยอมรับแหละว่าเธอก็ชอบล้อแซวเพื่อนทั้งเจติยาและจิณตภัทร แย่แน่เลยเธอต้องโดนเพื่อนรุมไหนจะกิรากรอีก งือ อ่วมแน่ยัยพายงานนี้
ปรางวรัญมองคนรักเมื่อเสียงประตูห้องนอนถูกเปิดเข้ามา ก่อนเอ่ยถามออกไป
"มีอะไรดี ๆ หรือเปล่าคะยิ้มเหมือนถูกใจอะไรมา"
เจติยาก้าวขึ้นไปหาคนบนเตียงนั่งพับเพียบลงข้าง ๆ
"เป็นเรื่องดีสิคะ ตอนนี้คุณหมอเล่นสารภาพว่าจีบยัยพายแล้วค่ะ นางเลยทั้งเขินทั้งสับสนกับอาการตัวเอง ก็เลยมาถามความรู้สึกกับเจน่ะ"
"หืม นี่พี่หมอเกมส์รุกเร็วนะเนี่ย ไปสปาร์คกันยังไงคะเนี่ย น้องพายเพิ่งไปถ่ายละครสองวันเองไม่ใช่เหรอคะ"
เจติยาอมยิ้มก่อนจะเล่าสิ่งที่เพิ่งรู้จากเพื่อนให้คนรักได้ฟัง
"แหม พี่เกมส์นี่ก็นะ ปิ๊งสาวตั้งแต่แรกเจอแต่ไม่ยอมทำอะไรเลยเป็นปี นี่ถ้ามีคนอื่นเข้ามาจีบน้องพายก่อนพี่เขาก็คงหยุดแค่นั้นสินะ"
"เขาอาจจะเป็นคู่กันก็ได้นะคะ อาจจะถึงเวลาที่โชคชะตาดึงทั้งสองให้มาบรรจบกันแล้ว คิดดูสิคะ โรงพยาบาลตั้งเยอะแยะ พี่หวานก็ดันไปเลือกที่นั่นทั้งที่ไกลบ้านแกคนละฟากเลย"
"เหมือนเราละมั้งคะ ใครจะคิดจู่ ๆ ฟ้าก็เหวี่ยงให้เรากลับมาเจอกันแบบนั้น"
ทั้งคู่ยิ้มหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงเรื่องราวความรักที่ผ่านมา หลายคนอาจจะต้องเจ็บปวดกับเรื่องราวความรักก่อนที่จะพบความสุข แต่บางคนก็โชคดีที่ได้เจอคู่รักที่ดีตั้งแต่แรกเจอ
เช้าวันถัดมาเมื่อเจติยาเปิดประตูห้องนอนออกมาก็ให้นึกแปลกใจว่าเพื่อนรักตื่นมาก่อนเธอซะอีก ร่างระหงในชุดเสื้อยืดสีเทาเนื้อนิ่มกับกางขายาวสีเดียวกัน กำลังก้มหน้าก้มตาทำอะไรบางอย่างที่ครัวเล็ก
"อะแฮ่ม ตื่นแต่เช้าเลยนะจ๊ะคุณเพื่อน"
เสียงกระแอมพร้อมคำทักทายให้คนที่กำลังขมักเขม้นกับการทำอาหารเช้าต้องเงยขึ้นมามองแล้วยิ้มให้
"อ้าว ตื่นแล้วเหรอ นี่เราทำมื้อเช้าไว้เผื่อด้วย แต่ทำแค่แซนวิชแฮมกับทูน่านะ"
"ไม่ทานด้วยกันเหรอ ที่กองถ่ายเขาถ่ายกันกี่โมงนี่เพิ่งเจ็ดโมงเอง"
เมื่อเห็นเพื่อนรักแบ่งชิ้นแซนวิชหลายชิ้นลงกล่องสำหรับใส่อาหารก็เอ่ยถามขึ้นมา แต่แป๊บเดียวก็ต้องอมยิ้มเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
"ไปสายเดี๋ยวรถติดไง"
"อืม นั่นสินะ ที่สำคัญเดี๋ยวพี่หมอคงจะรอทานมื้อเช้าด้วย"
"เจน่ะ ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ"
ใบหน้าสวยแดงเรื่อหันมาโวยเพื่อนด้วยความขัดเขิน
คิก ๆ
"เป็นไงล่ะ โดนซะบ้าง แกล้งเราไว้เยอะนี่ เดี๋ยวเถอะ ถ้ายัยจิณกับกระต๊อบรู้เรื่องพายเตรียมใจไว้เลย"
นั่นไงเธอคิดผิดซะที่ไหน เฮ้อ กรรมตามสนองเธอล่ะสิคราวนี้
"นี่เพื่อนนะ ไม่ต้องแซวมากก็ได้มั้ยแค่นี้ก็อายจะแย่แล้ว"
ใบหน้าหวานกับน้ำเสียงอ้อนขอตาละห้อย ทำให้เจติยาถึงกับระเบิดหัวเราะออกมาด้วยความขำ
"โอ๋ ๆ ไม่แกล้งมากก็ได้ค่ะ ดูซิแดงไปทั้งตัวแล้วเนี่ย เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำเถอะเดี๋ยวเราทำมื้อเช้าให้ปรางก่อน"
ถ้าเป็นเมื่อก่อนพิชญากรคงจะเอ่ยล้อเพื่อนไปแล้ว ว่าแม่ศรีเรือนที่ดี แต่ตอนนี้ทุกอย่างถ้าพูดไปมันคงจะสะท้อนกลับมาหาเธอ ให้ได้อายไม่หยุดหย่อนแน่
เจติยามองตามหลังคนที่เดินกลับเข้าห้องไปก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ นึกอยากจะเห็นเวลาที่เพื่อนรักอยู่ต่อหน้าพี่หมอจริง ๆ แค่เธอแซวยังออกอาการขนาดนี้
พิชญากรมาถึงโรงพยาบาลในตอนแปดโมง ฝั่งตรงข้ามรถคันคุ้นตาจอดประจำที่อยู่แล้ว เรียวปากสวยหลุดยิ้มเล็ก ๆ เมื่อหยิบมือถือขึ้นมาเห็นข้อความ
Kanittha: พี่มาถึงแล้วค่ะ พร้อมของที่สั่ง
รูปภาพหมูสับก้อนกลมจากร้านขายโจ๊กเมื่อวานที่เธอเป็นคนขอให้พี่เขาซื้อมาให้เฉพาะ ก็ตั้งใจจะเอามาใส่กับแซนวิชนี่แหละเพราะเธอว่ามันอร่อยดี เมื่อขึ้นมาถึงชั้นทำงานเธอแวะเข้าไปหาพี่ ๆ ทีมงานพร้อมกล่องที่บรรจุแซนวิชร่วมสิบชิ้น ก่อนจะออกมาเจอคนที่รอในห้องแพนทรี่
กนิษฐาส่งยิ้มให้คนที่ก้าวเข้ามา
"นี่ค่ะอาหารเช้าวันนี้"
พิชญากรหยิบเอากล่องใสใบเล็กออกมาเปิดมีแซนวิชในนั้นอยู่ห้าชิ้น
"น่าทานจังค่ะ"
"มีไส้ทูน่ากับไส้แฮมนะคะอย่างล่ะสองชิ้น แต่เดี๋ยวพายจะลองใส่หมูสับนี่"
พิชญากรลุกไปหยิบจานมาสองใบแยกออกไว้ให้พี่หมอ แล้วอีกใบตัวเองก็แยกขนมปังที่ประกบกันออกตักเอาชิ้นหมูสับนุ่มเด้งวางเรียงกันสี่อันทับไปกับชิ้นแฮม จากนั้นก็เอาซอสพริกที่เตรียมมาด้วยราดจนทั่วเอาแตงกวาแผ่นวางทับพร้อมกับใบผักสลัดวางซ้อนอีกชั้นหนึ่ง สุดท้ายประกบด้วยขนมปังเป็นแซนวิชแฮมหมูสับเด้ง และเมื่อลองชิมแล้วรสชาติมันอร่อยเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ หมูสับที่ผสมพริกไทยอยู่แล้วทั้งนุ่มอร่อย นี่เป็นเมนูที่ไม่เลวเลย
"อร่อยมากค่ะพี่หมอ หมูสับกับแฮมรสชาติเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ นี่พายแค่อยากลองดูเฉย ๆ นะ แต่คิดว่ามันจะกลายเป็นเมนูที่น่าทำกินบ่อย ๆ แล้วละค่ะ"
"ไหนพี่ชิมบ้างค่ะ"
"เดี๋ยวพายทำให้ใหม่"
"ก็พี่อยากทานอันนี้ ไม่ได้เหรอคะ"
อันนี้ของพี่ก็ที่น้องกัดไปครึ่งหนึ่งแล้วนั่นล่ะ มือที่ยื่นรอตรงหน้าทำเอาน้องทำหน้าไม่ถูกสุดท้ายก็ต้องยอมยื่นแซนวิชให้พี่เขาไป กนิษฐารับไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ทำให้น้องเขินได้แต่เช้า ก่อนจะกัดขนมปังครึ่งที่เหลือเข้าปาก และรสชาติมันก็อร่อยอย่างที่น้องบอกจริง ๆ
"เป็นไงคะ?"
ถามพี่ออกไปทั้งที่อายจะแย่อยู่แล้ว
"ไม่เคยกินแซนวิชรสชาติอร่อยขนาดนี้เลยค่ะ พายเอาสองชิ้นที่เป็นแฮมนี่ใส่หมูสับให้หมดเลยพี่ชอบ"
เมื่อได้ฟังก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ พี่เขาคงไม่ได้พูดเอาใจกันหรอกมั้ง
"เอาโกโก้ร้อนมั้ยคะพี่ชงให้ ไว้ตอนบ่ายค่อยปั่น"
เมื่อน้องพยักหน้ากนิษฐาก็ลุกขึ้นไปจัดการทำเครื่องดื่มที่น่าจะเข้ากับอาหารเช้าง่าย ๆ ที่น้องกำลังทำอยู่ ไม่นานแก้วโกโก้ร้อนหอมกรุ่นก็ถูกนำมาวางลงตรงหน้า
"ขอบคุณค่ะ โกโก้สูตรพี่หมอใส่อะไรบ้างเนี่ย"
"ใส่ใจค่ะ"
คุ๊ก ๆ อุ๊ก ๆ
"เดี๋ยว ถึงขนาดสำลักอาหารเลยเหรอคะ"
กนิษฐารีบลุกขึ้นมาลูบหลังให้น้องที่สำลักจนหน้าแดง ยกแก้วน้ำเปล่ามาให้อีกคนดื่ม ทั้งขำทั้งเป็นห่วง
"พี่หมอน่ะ จะฆ่าพายทางอ้อมแล้วรู้มั้ย"
"โอ๋ พี่ขอโทษค่ะ สัญญาต่อไปจะไม่พูดแบบนี้เวลาทานอาหารแล้วค่ะ ไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ย"
เมื่อน้องพยักหน้าอีกครั้งคุณหมอจึงกลับไปนั่งที่ ไม่วายที่จะได้รับสายตาค้อนส่งมาให้ และมื้ออาหารเช้าก็ผ่านไปด้วยบรรยากาศที่พี่แกล้งเย้าหยอกน้องไปด้วยนั่นแหละ
"ปกติเช้า ๆ แบบนี้คุณปู่ทำอะไรคะที่บ้าน"
"หลังทานอาหารเช้าเสร็จส่วนมากก็จะอยู่สวนหลังบ้านเดินดูต้นไม้บ้าง ตัดแต่งกิ่ง หรือบางทีก็อ่านหนังสือค่ะ"
"เหรอคะ งั้นถ้าพี่โทรหาท่านตอนนี้คงไม่รบกวนหรอกนะ"
พิชญากรเลิกคิ้วมองพี่ก่อนจะส่ายหน้า
"ถ้าพี่หมอมีธุระก็โทรสิคะ"
"ค่ะ ธุระสำคัญด้วย จะโทรไปรายงานความประพฤติ"
"ความประพฤติใครคะ อย่าบอกว่าพี่หมอจะรายงานความประพฤติของพายให้คุณปู่ฟังนะ"
กนิษฐาหัวเราะขำ
"เปล่า รายงานความประพฤติพี่ต่างหากล่ะ"
คุณหมอหยิบมือถือออกมากดเบอร์ผู้ใหญ่ใจดี ปล่อยให้คนเป็นน้องนั่งงงตาปริบ ๆ รอสายไม่นานนักเสียงทุ้มของปลายสายก็ดังขึ้น
"สวัสดีค่ะคุณปู่ นี่เกมส์เองค่ะ โทรมารบกวนเวลาหรือเปล่าคะ"
"หมอเองรึ ปู่นึกว่าเบอร์เซลล์ขายปุ๋ย ฮ่า ๆ คุยได้ลูก เป็นยังไงน้องไปซนอะไรที่โรงพยาบาลหรือเปล่า"
คำว่าซนของคุณปู่ทำให้คุณหมอหลุดยิ้มออกมา สายตาก็มองคนตรงหน้าไปด้วย
"ไม่เลยค่ะ หลานสาวคุณปู่น่ารักจนหนูหลงเสน่ห์ไปแล้วด้วย"
"หืม ฮ่ะ ๆ ขนาดนั้นเชียว ไปถ่ายละครหรือไปหว่านเสน่ห์ละนั่น"
กนิษฐาหัวเราะเบา ๆ แต่คนที่นั่งอยู่ด้วยไม่ต้องพูดถึง ใบหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกไปแล้ว
"ไม่รู้ว่าหว่านหรือเปล่าค่ะ แต่โดนหนูไปเต็ม ๆ เลย ที่โทรมาเกมส์จะโทรมาขออนุญาตคุณปู่ด้วยค่ะ ช่วยเป็นพยานรับรู้ว่าตอนนี้เกมส์จีบหลานสาวคุณปู่อยู่ ถ้าเกิดว่ามีข่าวหรือเรื่องอะไรเกิดขึ้นเกมส์พร้อมจะปกป้องน้อง ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าเกมส์จะทำอะไรไม่ดีนะคะ แค่อยากให้รับรู้ว่าเกมส์จริงจัง"
"อ่าว ทำไมมันเร็วขนาดนี้ล่ะหึ นี่สรุปปู่ส่งหลานสาวตัวเองไปให้หมอใช่มั้ย"
แม้จะแปลกใจเกินคาดหมาย แต่พิรัชต์กลับไม่ได้ตกใจอย่างที่คิด น้ำเสียงคล้ายหยอกเอินยังพอทำให้คุณหมอยิ้มได้
"ไม่เร็วหรอกค่ะ หลานสาวคุณปู่ส่งดอกไม้ให้เกมส์ตั้งปีกว่าแล้ว"
"พี่หมอ! ดอกไม้นั่นพี่หมอเป็นคนรับมาเหอะ คุณปู่อย่าไปฟังพี่หมอนะคะ"
กนิษฐาหัวเราะขำเมื่อคนน้องส่งเสียงโวยวายใบหน้าแดงเถือก
"หลานปู่ก็อยู่ด้วยเรอะ ไม่อายม้วนเป็นกิ้งกือแล้วเหรอตอนนี้ สรุปชอบน้องจะจีบกันเลยโทรมาให้ปู่เป็นพยานรักให้ว่างั้น"
โอ้ย คุณปู่น่ะ พยานรักอะไรเล่าพูดอะไรไม่เกรงใจหลานสาวเลย พิชญากรที่ได้ยินเสียงดังลอดออกมาด้วย ก็แทบอยากจะเอาหน้ามุดพื้นหนีอายกันทีเดียว
"ใช่ค่ะ ส่วนคุณพ่อคุณแม่ของน้อง ก็รอให้พายพร้อมเมื่อไหร่ค่อยให้น้องเป็นคนบอกเองค่ะ แต่ฝั่งของเกมส์รับรู้แล้วนะคะ"
พิรัชต์ได้ฟังก็ยิ้มพอใจ เล่นบอกกล่าวครอบครัวตัวเองขนาดนี้คงไม่คิดเล่น ๆ หรอกมั้ง
"เอาเถอะ ปู่น่ะไม่ว่าหรอก คิดว่าหมอก็คงเป็นผู้ใหญ่มีวุฒิภาวะพอที่จะรับผิดชอบอะไรแล้ว แต่พ่อเขาหวงลูกสาวมากอยู่นะ ฮ่ะ ๆ แต่ไม่เป็นไรปู่เอาอยู่ อย่าทำหลานปู่ร้องไห้เสียใจล่ะ ยิ่งไม่เคยมีแฟนมาก่อน อาจจะงอแงเป็นเด็กไปบ้างก็ทน ๆ เอานะ ลูกคนเล็กโอ๋กันทั้งบ้านมาแต่เด็ก"
กนิษฐาฟังแล้วก็ยิ้มไปด้วย เรื่องพ่อหวงลูกสาวมากเธอก็รู้มาจากคำบอกเล่าเหมือนกัน ที่สำคัญพี่ชายก็หวงด้วยนี่สิด่านหินของเธอ
"ขอบคุณนะคะคุณปู่ เกมส์จะไม่ทำแบบนั้นแน่ ๆ ค่ะ ขอบคุณสำหรับหนังสือที่ฝากมาให้ด้วยนะคะ ไว้เกมส์จะเอาไปคืนหลังกลับมาจากหมอกเมฆา"
"อืม ก็ดูแลกันไปนะ ปู่ขอคุยกับน้องหน่อยซิ"
กนิษฐายื่นโทรศัพท์ให้คนตรงหน้ารับไปงง ๆ
"ค่ะ คุณปู่น่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้ พายอายนะ"
"ฮ่ะ ๆ อายทำไมลูก ก็หนูยกดอกไม้ให้พี่เขาจริง ๆ นี่"
"หื้อ อย่าพูดค่ะ ก็ตอนนั้นหนูไม่ได้คิดอะไรนี่ แค่เสียดายดอกไม้เฉย ๆ"
"แล้วตอนนี้คิดอะไรกับพี่เขาหรือเปล่าล่ะ หึ ดูเหมือนพี่เขาจะจริงจังมากนะนั่น"
คำถามจี้ใจก็ทำเอาหลานสาวต้องเหลือบตามองคนเป็นพี่ที่มองเธออยู่เหมือนกัน ถึงจะไม่ได้เปิดลำโพงแต่เสียงมันก็ดังลอดออกมาให้ได้ยินเพราะความเงียบ
"ก็ ๆ พี่เขาจีบน่ะ พายจะทำอะไรได้คะ"
ฮ่ะ ๆ เสียงหัวเราะดังจากปลายสายยิ่งทำให้พิชญากรปั้นหน้าไม่ถูกไปกันใหญ่ ไหนจะรอยยิ้มของคุณหมออีก
"พี่เขาจีบ หนูชอบหรือเปล่าล่ะ แต่ไม่ปฏิเสธแบบนี้ก็คงชอบพี่เขาอยู่หรอกมั้งใช่มั้ย"
"คุณปู่น่ะ ไม่รู้ ไม่คุยแล้วค่ะพากันแกล้งพายอยู่ได้เดี๋ยวพายก็งอนหรอก"
เสียงหัวเราะขำของปู่ กับรอยยิ้มขำของพี่หมอ มันน่าหมั่นไส้พอกันเลย
"ดูแลตัวเองนะลูก ไว้ถ้าหมอว่างก็ชวนพี่เขามาเที่ยวบ้านเราบ้างจะได้รู้จักกันมากขึ้นนะ"
"ค่ะ คิดถึงคุณปู่คุณย่าค่ะ ไว้เจอกันที่บ้านนะคะ"