บทที่ 10

1067 คำ
สายลมหวิวๆ พัดผ่านผิวเนื้อ แก้ววัลลาสั่นสะท้าน ไม่มีเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมาจากปากเธอในยามนี้นอกจากความเกร็งเครียดที่ร่างกายก่อตัวขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อกำลังอยู่ในห้วงเหวแห่งอันตราย            "เธอ..." เสียงทุ้มลึกที่ไม่คุ้นหูเป็นเพียงลมที่พัดผ่าน แก้ววัลลาไม่มีสติรับรู้อะไรทั้งสิ้นแล้ว เธอกลั้นหายใจและหลับตายอมรับชะตากรรม อีกไม่กี่วินาทีร่างนี้คงดิ่งสู่พื้นพสุธา และทุกอย่างก็จบ            มาได้เพียงไม่ถึงครึ่ง... ภารกิจที่ทุกคนรอคอย ความหวังอยากลบล้างปมในใจครั้งอดีต...มันจบแล้ว แต่ทุกอย่างกลับหยุดเพียงแค่นั้น และตัวเธอก็ค่อยๆ ถูกดึงกลับมาด้านใน สองเท้าเหยียบถึงพื้น            'ตายแล้วเหรอวะเนี่ย คุณพระคุ้มครองไม่เจ็บสักนิด' แก้ววัลลาครวญในใจแต่ยังไม่กล้าลืมตา กลัวจะรับกับสภาพศพของตัวเองไม่ได้ เธอมโนไปเองว่าวิญญาณคงออกจากร่างมาแล้วถึงไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดอะไรมากมาย แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อน้ำเสียงหนึ่งตามมาหลอนถึงดวงจิต            "เธอเป็นใคร"            "..." หญิงสาวลืมตาโพลง แลหันมองชายที่ยืนค้ำศีรษะเธออย่างงงๆ อีโหดหน้าเหี้ยมยังนิ่งเหมือนไม้ตายยืนต้น และเธอยังหายใจได้อยู่!            "ฉัน...ฉันยังไม่ตาย..."            "หรือว่าอยากตาย"            "..." หญิงสาวหุบปากฉับ ไม่กล้าต่อขานอะไรอีกแล้ว ขืนผีบ้าสิงขึ้นมาอีกคราวนี้เห็นทีจะออกยาก คราวซวยคงตกอยู่ที่เธอจริงๆ "ฉันถามว่าเธอเป็นใคร...มีจุดประสงค์อะไรถึงแทรกตัวเข้ามาในนี้..." น้ำเสียงของเขาทุ้มเนิบดูไม่อินังกับเหตุการณ์ที่เกือบจะฆ่าคนตายอยู่รอมร่อ ผิดกับใบหน้าและแววตาที่ฉายแววอำมหิตจนน่าขยาด            แก้ววัลลากลืนน้ำลายลงคอ...รีบรวบสาบเสื้อคลุมตัวโคร่งแต่เนื้อผ้าบางเบาปิดหน้าอก เพราะมันถูกดึงจนขาดวิ่นตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ หน้าโผล่หลังโผล่อวดผิวอวดให้เห็นไปถึงบราเซียสีดำด้านใน ซึ่งคนตรงหน้าเธอก็ยืนจ้องไม่กะพริบ แต่เหมือนเขากำลังมองอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่...                                                                                                          นม!                                                                                                "หนู...เอ่อ...ดิฉัน มา...ทำงานนี่แล้ว แล้ว...แล้ว เอ่อ..." กลายเป็นลิ้นแข็งไม่ยอมทำงานอย่างใจนึก เพราะความกลัวที่จะถูกจับโยนเมื่อครู่มันยังติดตาอยู่ไม่หาย ขณะนั้นเจ้เพียวก็วิ่งเข้ามาถึงตัวพอดี "เป็นยังไงบ้าง บอกแล้วอย่าดื้อนี่แหละผลของการไม่เชื่อเจ้"              "จะตอบคำถามได้หรือยัง หรือให้ต้องไปนอนเคลียร์ที่ใต้น้ำพุนั่น" เสียงครั้งที่สามก็เอ่ยถามซ้ำ            แก้ววัลลารู้สึกถึงความใจเย็นที่แฝงอยู่ในกับความมุทะลุดีเดือดในบางครั้ง อาจเพราะความรับผิดชอบที่เขามีทำให้ชายหนุ่มค่อนข้างควบคุมตัวเองได้ดี            "หนูมาสมัครงานค่ะเฮีย แล้วเขาให้พักสามวัน หนูเบื่อ ก็เลยเดินเล่นมาเรื่อยๆ จนหลงเข้ามาในบ่อนนี่แหละค่ะ หนูไม่ได้แอบเข้ามานะคะ เป็นความเข้าใจผิด" เธออธิบาย น้ำเสียงยังสั่นแต่เพราะได้เจ้เพียวช่วยปลอบทำให้ไม่ติดขัดหวาดกลัวมากเหมือนตอนแรก            "รอยสักนั่น...ได้มาจากไหน..."            แก้ววัลลาแหงนหน้ามองคนถาม งุนงงเล็กน้อยที่เขากล่าวถึงในเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในความคิดถึง            "อ๋อ...ก็ หนูชอบค่ะ ก็เลยไปสักมา มี...อะไร...เหรอคะ"            "ทำไมสักรูปนั้น"                                                                         ไม่ใช่แค่แก้ววัลลาแล้วสิที่แปลกใจ เจ้เพียวเองก็มองหน้าทั้งสองด้วยความคลางแคลงเช่นกัน ราเชนทร์ยิ่งเป็นประเภทผีเข้าง่ายออกง่ายเดาทางไม่ค่อยถูกอยู่ด้วย                                                                                 "ก็...ชอบค่ะ ชอบมาตั้งแต่เด็กแล้ว"            ดวงตาคมกล้ากระตุกขึ้นนิดหน่อยเมื่อได้ยินคำตอบ เขายิ้มขรึมและเดินเข้าไปหาร่างบาง ก่อนจะจับเธอหันหลังถลกถึงสาบเสื้อให้เปิดออกอวดลวดลายของรอยสักและผิวนวลเนียน เจ้เพียวได้แต่ยืนจ้องงงงวย ส่วนแก้ววัลลานั้นก็ตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย            จะถูกหักคอไหวหว่า! นิ้วเรียวแค่แข็งเกร็งไล้กรีดไปตามรอยรูปตาข่ายดักฝันที่ฝากฝังเอาไว้บนผิวเนื้อสาว สีสันเรียบๆ ไม่ฉูดฉาดขับกับผิวขาวผ่องได้ลงตัว ดูโดดเด่นและน่าพิสมัย มันดึงดูดให้เขามองเหมือนถูกต้องมนต์            ด้านบนเป็นส่วนวงกลมเป็นสีฟ้า ข้างในถักทอสานทับคล้ายใยแมงมุมประดับไว้ด้วยลูกปัดเล็กๆ สีฟ้า ตรงกลางเป็นทับทิมสีแดงสด ข้างๆ และด้านล่างมีวงกลมแบบเดียวกันแต่ขนาดเล็กกว่าห้อยระย้าขนปีกนกสีฟ้าอ่อนๆ ฟูฟ่องตัดกับสีเทาเข้มสองข้างเป็นพวงลงมาสองชั้น และมีตรงกลางที่ยาวเลื้อยมากที่สุดสามชั้น ลายเส้นพลิ้วไหวเหมือนยามต้องลม มีชีวิตชีวา...            เหมือนกับ...            "เจ้...เด็กเจ้คนนี้ผมขอนะ!..."            "เฮ๊ย! เดี๋ยวคุณ!" แก้ววัลลาตกใจตัวเกร็งพร้อมกรีดร้องเสียงหลงอีกครั้ง เมื่อถูกยกอุ้มพาดขึ้นพาดบ่าโดยไม่ทันตั้งตัว แล้วร่างที่แบกเธอก็เดินดุ่มๆ เข้าด้านในห้องโถงพร้อมทั้งบอกกล่าวเจ้เพียวเป็นการทิ้งท้าย        "ขุ่นพระ!! เอ๊ยไม่ใช่! คุณโฮป เฮ๊ย! เฮีย! เฮียจะ จะทำอะไรคะ อย่าให้เจ้ต้องเดือดร้อนเลยนะคะ เจ้ขอร้อง ปล่อยเด็กมันเถอะค่ะ ไม่อย่างนั้นพวกเสี่ยๆ ต้องฆ่าปาดคอแยกชิ้นส่วนเผาเจ้ทั้งเป็นแน่เลยค่ะเฮียขา"                                                                                              "เท่าที่เราทำงานกันมา...ผมรู้ว่าเจ้เป็นคนฉลาดนะ" ราเชนทร์เอ่ยทิ้งทวนไว้ง้วนๆ แค่นั้นแต่มันหยุดสองขาของเจ้เพียวได้ชะงักงัน เพราะเดาทางคำพูดนั้นของนายเหนือหัวได้ว่าหมายความว่าอย่างไร            'เจ้เลือกเอาละกันอยากตายเดี๋ยวนี้หรือจะไปตายเอาดาบหน้า' อะไรประมาณนั้น            เจ้เพียวคงได้แต่มองเด็กใหม่ว่าที่และอดีตลูกรักในเวลาเดียวกันที่ถูกหิ้วไปดื้อๆ ทั้งน้ำตา โดยไม่อาจยื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออะไรได้            "ข่ะ...เจ้จะตายเอาดาบหน้า หึ...เฮียนะเฮีย คนไม่ใช่คนจริงๆ เลย"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม