"นี่ปล่อยนะ...ฉัน...ฉัน..."
"เก็บกวาดให้เรียบร้อยแล้วอย่าให้เห็นเป็นครั้งที่สอง ว่ามีใครแอบเข้ามาอีก"
"ครับเฮีย!"
"กรี๊ด!! กรี๊ด! ไม่เอานะ ฉันยังไม่อยากตาย ปล่อยฉันเถอะ ฉันขอโทษ ฮือๆ" แก้ววัลลาทั้งเต้นทั้งกระโดดดีดดิ้นเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกจับไปสำเร็จโทษ
ชะตากรรมของเธอคงไม่แคล้วคล้ายๆ กับเถ้าแก่เหมาเท่าไหร่ ดีไม่ดีอาจจะถูกตัดคอ ฆ่าหั่นศพ เป็นชิ้นๆ แล้วแยกทิ้ง หรือเผาทั้งเป็น หรืออาจเอาไปโยนบ่อฉลาม บ่อจระเข้ จับโยนเข้ากรงเสือให้เป็นอาหาร หรือ...
"ฮือ...ฉันยังไม่แต่งงานเลยนะ" เสียงครางบ่นไม่เป็นศัพท์น้ำหูน้ำตาไหลพรากด้วยความสะเทือนใจและหวาดกลัวเมื่อการ์ดของคนเข้ามาล็อกตัว เธอไม่สามารถรอดพ้นเงื้อมมือบุรุษที่ทั้งสูงและใหญ่โต ทำได้เพียงกระโดดเหยงๆ ตัวลอย หวังเอาตัวรอดจนนาทีสุดท้าย
ราเชนทร์ไม่ได้สนใจ ส่ายศีรษะด้วยความรำคาญ เขาอยู่ที่นี่เจอเหตุการณ์มาทุกประเภท แค่ผู้หญิงสติไม่ดีคนหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจนักหรอก ชายหนุ่มส่งมีดที่เช็ดคราบเลือดเสร็จแล้วให้กับการ์ด และหันหลังเดินออกไป "หนูอาย! ว่าแล้ว ต้องมาอยู่ที่นี่ เจ้หาหนูแทบจะทำพิธีพลิกแผ่นดินอยู่แล้ว" ในขณะที่ทุกคนกำลังปั่นป่วนกันอยู่นั้นก็มีตัวแปรเพิ่มเข้ามาอีกด้วยท่าทีลนลาน ตกใจและดีใจในขณะเดียวกัน
"เจ้เพียว! ช่วยหนูด้วยเจ้..."
"เอ่อ...เอ่อ... เดี๋ยวนะ เดี๋ยวเจ้ขอไปคุยกับเฮียเขาก่อน"
หญิงสาววัยกลางคนที่ปรี่ตรงเข้ามาใกล้ตัวแก้ววัลลา ต้องรีบถอยเท้าครูดเมื่อการ์ดสองคนทำท่าขัดขวาง เธอกลืนน้ำลายลงคอ และเหลือบหันไปมองชายร่างใหญ่เจ้าของกาสิโนแห่งนี้ที่เดินห่างออกไปอย่างมีความหวัง
"เฮียคะ...เฮีย เอ่อ...รอเจ้ก่อนค่ะ..." เธอยืนหอบต่อหน้าเจ้านาย เหลือบมองเขาและหอบหายใจเหมือนจะไม่ทั่วท้อง
"มีอะไร..." ชายหนุ่มถามตามวิสัย สีหน้าเขาดูไม่ใคร่จะพอใจนักแต่ก็ยังรักษาระดับน้ำเสียงนิ่งสงบเอาไว้ เขาเป็นผู้บริหาร...ไม่ใช่หัวหน้าโจรที่อะไรๆ ก็รังแต่จะใช้อารมณ์ข่มเหงคนอื่น
"หนูคนนั้น เอ่อ...หนูอายเป็นเด็กใหม่ของเจ้ค่ะเฮีย เจ้ขอคืนเถอะ เด็กกำลังติดชาร์ต บรรดาเสี่ยๆ จองล่วงหน้ากันคิวยาวข้ามเดือนเลยนะคะ"
เพราะในขณะที่ให้บรรดาเด็กใหม่พักผ่อนนั้น บรรดาการตลาดเนื้อสดเริ่มทำงานส่งรูปดาวดวงใหม่ขึ้นบอร์ดให้บรรดาขาหื่นกระเป๋าหนักทั้งหลายจับจองคิวเพื่อหาความสำราญ และหากมีประวัติสดซิงด้วยแล้ว กลิ่นคาวยิ่งฉาวโฉ่ ล่อให้หมู่แมลงชิงกันดอมดมมากมาย ถือเป็นวิธีการเรียกเงินทองได้มากโขทีเดียว "แล้วทำไมปล่อยให้มาเพ่นพ่านในนี้ล่ะครับ เจ้ก็รู้ว่าห้ามเด็ดขาดมันเป็น 'กฎ'" ราเชนทร์ไม่ได้มองหน้าเจ้เพียวในขณะที่เขาพูด น้ำเสียงทุ้มลึกไม่ได้แสดงออกว่าโกรธหรือกำลังรู้สึกอะไรอยู่ แต่ทว่าคนฟังถึงกับขนลุกขนพอง กะพริบตาถี่หันซ้ายหันขวาหาทางออกให้ตัวเอง
ใครๆ ในนี้ก็รู้ว่าหากง 'กฎ' ไม่เป็น 'กฎ' ขึ้นมาอะไรจะเกิดขึ้น
"ก็ห้ามก็บอกหมดล่ะค่ะ อะไรที่ควรบอก แต่เด็กมันคงหลงแสงสีอยากรู้อยากเห็นตามประสาบ้านนอกเข้ากรุงน่ะเฮีย เจ้เสียดาย องค์ประกอบครบทั้งรูปร่างหน้าตา ทั้ง เอ่อ...เด็กมันซิงค่ะ อย่างที่บอก พวกเสี่ยๆ ทุ่มกันไม่อั้น แค่เอารูปกับคุณสมบัติขึ้นบอร์ดถึงกับแข่งเสนอราคากันเลย"
ชายหนุ่มเหลือบตาไปมองสินค้าขึ้นแท่นของเจ้เพียว แล้วก็ส่ายศีรษะเบาๆ แบบคิดไม่ตก
เพราะที่เขาเห็นคือ... ยัยซิ้มเชยๆ คนหนึ่งรุงรังรุ่มร่ามทั้งเสื้อผ้าหน้าผม แถมน้ำมูกน้ำตาไหลจนแลไม่จืด เสียงหรือก็แหลมปรี๊ดเหมือนปรอทแตก ร้องเหมือนควายออกลูกได้สักฝูง แบบนี้จะทำราคา หรือจะทำความวิบัติกันแน่ก็ไม่รู้
"เจ้หาคนใหม่ละกัน ส่วนพวกที่จองคิวไว้เดี๋ยวผมให้แอนดี้ตามเคลียร์ให้ ขอตัวก่อนนะครับ"
"แต่เฮียคะ..."
"แค่เจ้ปล่อยให้เด็กเข้ามาเพ่นพ่านก่อนเวลาอันสมควรเนี่ย...ผมยังไม่พูดอะไรสักคำเลยนะ"
"ค่ะ..." ได้ยินแค่นั้นเจ้เพียวก็จำต้องศิโรราบ เพราะตัวเองก็มีชะงักปักกลางหลังอยู่เหมือนกัน ขืนร่ายยาวคนที่ซวยเห็นจะไม่ใช่แค่สินค้าหน้าใหม่ของเธอเสียแล้ว
"พาตัวไปได้แล้ว" การ์ดคนสนิทของราเชนทร์เป็นคนออกคำสั่ง ลูกน้องสองคนที่กักตัวแก้ววัลลาก็รับบัญชาและลากตัวหญิงสาวออกไปทันที คนในนั้นเป็นร้อยเป็นพัน ไม่มีใครสนใจอยากช่วยเธอแม้แต่น้อย ต่างก็มุ่งแต่จะตักตวงผลประโยชน์ใส่ตัวเองกันทั้งนั้น
"ไม่ไปนะ...ปล่อย!! ถึงกับจะฆ่าแกงกันเลยเหรอ แค่แอบเข้ามาแค่นี้เอง ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย พวกแกนี่มันโหดเหี้ยมผิดมนุษย์เกินไปไหม!!!"
"นี่คุณ! ใครบอกว่าเราจะฆ่าคุณ รีบออกไปจากที่นี่เถอะ ก่อนที่เฮียโฮปจะโกรธ" บอดี้การ์ดที่คุมตัวเธอกล่าว แต่หญิงสาวหูอื้อตาลายไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้น เธอใช้วิธีหญิงไทยในละครหลังข่าวอย่างเคย
"กรี๊ด!!! กรี๊ด!!" ไม่เพียงแค่เสียงแหลมๆ เท่านั้น แก้ววัลลายังกระโดดดีดตัว ทั้งเตะทั้งถีบการ์ดสองคนจนถูกจับตัวยกสูงให้ลอยขึ้นเหนือพื้นเพื่อจัดการกับฤทธิ์เดชมันเกินตัวของเธอ
"อะไรนักหนาวะ!" ทุกคนรอบราเชนทร์หยุดชะงัก แม้แต่เจ้เพียวเอง เขาเดินดุ่มเข้าไปหาตัวปัญหาที่ยังดิ้นไม่ยอมหยุดและการ์ดลูกน้องสองคนก็ปลุกปล้ำจะกำราบโดยพยายามไม่ใช้กำลัง เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง แต่ฝั่งคนที่ปรี่ตรงเข้ามานี่สิ...รับรู้ได้ถึงรัศมีอำมหิตที่แผ่ขยายคุกคามเข้ามาเรื่อยๆ ตามความเร็วของฝีเท้านั้น
"ไม่อยากหายใจแล้วใช่ไหมแม่ตัวดี!!"
"ว้าย!" แก้ววัลลาร้องเสียงหลง ใจหายวูบพร้อมกับความรู้สึกเจ็บ! เมื่อร่างที่ลอยอยู่กลางอากาศของเธอร่วงลงพื้นอย่างกะทันหันและรวดเร็ว
เธอนอนหายหลัง เจ็บระบมทันทีจากผลพวงเมื่อครู่ และความรู้สึกต่อมาคือมีใครบางคนจิกผมของเธอและกระชากดึงจนหน้าเงยเห็นหน้าผู้กระทำ
แก้ววัลลาคว้าจับเอาไว้โดยสัญชาตญาณแต่แรงคนตัวใหญ่กว่ามากมายนัก เขาดึงหิ้วจนหญิงสาวลอยตามมือ กดให้นั่งคุกเข่าตรงหน้า
"ทำไมผู้หญิง...ถึงชอบหาเรื่องใส่ตัวก็ไม่รู้สินะ รู้หรือเปล่าว่ามันน่าเบื่อ!!"
"ว้าย! กรี๊ด!!" ไม่ทันจะลำดับคำที่ชายหนุ่มพูด ร่างเล็กก็ถูกดึงลากไปกับพื้นอย่างไร้ความปรานี เธอพยายามใช้เท้าถีบผืนพรมตรงทางเดินเพื่อหยุดการกระทำอันป่าเถื่อน แต่ก็เหมือนแมวดิ้นในหม้อน้ำร้อน ทำยังไงก็หมดหนทางรอดพ้น
"เฮียคะเฮีย...โธ่! นังเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม อยู่ดีไม่ว่าดีรนหาที่ตายแท้ๆ" เจ้เพียวเองก็ไม่กล้าเข้าไปห้ามปรามมากมายได้แต่วิ่งตามห่างๆ ส่วนบอดี้การ์ดนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย ต่างยืนประจำที่หน้านิ่งเฉย ไม่หันไปมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ
จะมีก็แต่เหล่าลูกค้าที่หันมาให้ความสนใจ แต่ก็ไม่หนาตาและจดจ่อเหมือนครั้งก่อนหน้าที่เถ้าแก่เหมาถูกสำเร็จโทษ ร่างของแก้ววัลลาถูกลากครูดไปกับพื้นจนกระทั่งสุดทางเดินห้องโถงออกไปทางนอกระเบียง
ราเชนทร์ดึงกระชากปอยผมตัวปัญหาจนตัวเธอพาดกดอยู่กับราวระเบียงสเตนเลสดัดจนเกือบครึ่งตัวหนึ่งแถออกไปด้านนอกตัวอาคาร
ราตรียามนี้ไม่โสภาแม้แต่น้อย ความรู้สึกในตอนแรกที่เข้าใจว่าคือความกลัวแท้จริงแล้วมันไม่ได้เศษเสี้ยวของตอนนี้เลย หัวใจเธอเต้นระทึก เสียวแปลบปลาบกับภาพเบื้องหน้าที่เวิ้งว้างว่างเปล่า ด้านล่างมีน้ำพุขนาดใหญ่ประดับด้วยไฟระยิบสวยงาม มันกลับแลดูเหมือนแสงจากนรกโลกันตร์ที่รอคอยเธอ