ตอนที่ 5
“ฉันก้าวเข้ามาทำงานที่นี่มีจุดประสงค์เดียว คือนำพาหายนะมาสู่อัศวเรืองยศ เย็นนี้ฉันจะเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับเงินยี่สิบล้านและค่าจ้างจากการขายความลับที่ได้มา ถ้าคุณคิดออกว่าจะทำยังไงกับฉันดีก็เร็วหน่อยนะคะก่อนที่ฉันจะไม่อยู่เมืองไทย” ดาราวดีบอกเรียบๆ แต่แฝงด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน ก่อนจะหมุนตัวออกไปจากตรงนั้น
“คุณไม่สนใจอะไร ทั้งที่ผมรักคุณจนหมดใจงั้นเหรอดาราวดี”
เสียงกร้าวกระด้างดังมาพร้อมกับเรียวแขนกลมกลึงถูกกระชากจนร่างสาวปลิวถลาเข้าปะทะกับความแข็งกระด้างของแผ่นอก มือเล็กยกขึ้นดันตัวเองออกห่างฉับพลัน แต่ติดที่ไหล่ทั้งสองถูกมือหนาตะปบจับแล้วเขย่าอย่างรุนแรงเสียจนผมยาวสลวยกระจาย
ภาคิไนยกำลังคลั่ง เขายอมรับว่าไม่เสียดายเงินที่เสียไป แต่เสียใจมากมายกับความเย็นชาหมางเมินที่หญิงสาวแสดงออก สองปีที่เขาเฝ้ารักเฝ้าทะนุถนอมมันกลับไม่มีค่า เธอพูดเองว่าทำทุกอย่างเพื่อซื้อเวลาที่จะทำลายเขาเท่านั้น มันเพราะอะไร เธอตีสองหน้าขณะที่เขารักเธอจนหมดหัวใจ รักจนยอมเอาเงินตัวเองใส่เข้าไปแทนที่เงินจำนวนมหาศาลที่ถูกยักยอกไป รักจนสามารถอภัยให้ได้แม้ว่าเธอจะทำลายเขาเสียจนย่อยยับแทบสิ้นเนื้อประดาตัว
“ปล่อยฉันนะ!!”
“เอาสิดิ้นรนเข้าไปสิดาราวดี ฉันแปลกใจตัวเองเหลือเกินว่าผู้หญิงสับปลับปลิ้นปล้อนอย่างเธอมีอะไรดีนักถึงทำให้ฉันหลงรักหัวปักหัวปำได้ขนาดนี้”
“คุณมันบ้า” ดาราวดีออกจะตกใจและหวาดกลัวเขาไม่น้อย ด้วยว่าไม่เคยเห็นความโกรธของเขาเลยสักครั้ง
ใบหน้าคมคายบึ้งตึง ตาคมลุกเป็นไฟร้อนจัดจ้าจนแทบจะเผาไหม้ร่างทั้งร่างของเธอให้เป็นเถ้าถ่าน หญิงสาวดิ้นรนสะบัดตัวออกห่าง
“ใช่!! ฉันมันบ้า บ้ามากๆ ที่รักและทะนุถนอมเธอมาจนถึงทุกวันนี้ บ้ามากที่คิดจะยกย่องให้เกียรติเธอมาเป็นแม่ของลูก หึ...ในเมื่อทุกสิ่งที่ฉันทำมันไม่เคยมีค่าในสายตาของเธออยู่แล้ว แล้วทำไมฉันจะต้องทนให้เธอเชิดเงินหนีไปง่ายๆ เล่าดาราวดี”
ใช่เพียงแต่ใบหน้าและดวงตาของเขาที่เปลี่ยนไป ทว่า...น้ำเสียงและคำพูดของเขาก็เปลี่ยนไปด้วย จากความคุ้นเคยสนิทชิดเชื้อกลายเป็นเหินห่างในฉับพลันทำให้ดาราวดีปวดแปลบในหัวใจอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะตกใจเป็นล้นพ้นเมื่อใบหน้าบึ้งตึงขึ้งเครียดนั้นก้มลงมาหาอย่างฉับไว
“คุณคิดจะทำบ้าอะไร”
หญิงสาวเบนกายห่างเบี่ยงหน้าหนี จมูกและปากพร้อมทั้งลมหายใจแรงร้อนจึงทาบลงซุกไซ้รุกรานที่ซอกคอแทน เมื่อเขาพยายามจูบเธอก็ส่ายหน้าหนีทำให้ปากร้อนผ่าวและจุมพิตจาบจ้วงระดมลงสู่ต้นคอสาวทั้งสองข้างแทน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!”
“หยุดทำไม เธอถามเองนะว่าจะจัดการยังไงกับเธอตอนนี้ฉันคิดออกแล้ว” ความรักแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บช้ำและมันมากมายเสียจนทำให้คนสุขุมอย่างภาคิไนยกลายเป็นพระเพลิงอันเร่าร้อน
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาสบตากับดวงตาหวาดหวั่น แขนแข็งแรงพันธนาการเธอเอาไว้มั่น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นลากร่างระหงตรงไปที่ประตูห้อง
“คุณกิ่งยกเลิกนัดวันนี้ทั้งหมด ผมมีธุระด่วน อ้อ...งดโทรด้วยผมไม่รับโทรศัพท์”
เสียงห้วนกระด้างที่แทบจะเป็นตะคอกทำเอาเลขาสาววัยสามสิบสะดุ้งสุดตัว เธอตอบรับแทบไม่ทัน เจ้านายหนุ่มลากตัวคู่หมั้นสาวหายเข้าไปในลิฟต์เสียแล้ว
“อะไรของเขา ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นระเบิดลงแบบนี้” กิ่งกนกได้แต่พึมพำตามหลัง เธอทำงานกับภาคิไนยมาเกือบห้าปี วันนี้ถือเป็นวันแรกที่เจ้านายหนุ่มสั่งแทบเป็นตะคอก หนำซ้ำยังลากคู่หมั้นคนสวยที่คบกันมาสองปีจนหัวซุนไปแบบนั้น นี่มันเกิดอะไรขึ้น หรือว่าพระอาทิตย์ขึ้นผิดทิศรึเปล่าหนอ...
ภายในลิฟต์ส่วนตัวผู้บริหาร ดาราวดีถูกจับมือบิดไพล่หลังโดยที่มือหนารวบเอาไว้ ภาคิไนยเหมือนคนบ้า เขาไม่ฟัง ไม่สนใจว่าเธอจะดิ้นรนสุดฤทธิ์
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“ปล่อยแน่ แต่รอก่อนไม่นานหรอกคนสวย” ความหยาบคายและหยาบกระด้างถูกแทนที่ความอ่อนโยนเสียจนหมดสิ้น ทำเอาหญิงสาวเข่าแทบอ่อน ทรุดลงไปตรงนั้น เธอดิ้นจนเจ็บแขนไปหมด เธอยอมให้เขาใช้กฎหมายจัดการกับเธอยังจะดีกว่าแบบนี้
ร่างระหงถูกยัดเข้าไปในรถสปอร์ตคันหรูพร้อมกับการกดล็อกด้วยเครื่องส่งสัญญาณอันเล็กในมือของชายหนุ่ม ปิดหนทางการหนีของดาราวดีจนหมดสิ้น หญิงสาวเบียดตัวเข้าหาประตูด้วยความหวั่นกลัวเป็นครั้งแรกในชีวิต
“ทำไมไม่เก่งให้ตลอดล่ะ”
ภาคิไนยปรายตามอง ยิ้มเยาะหยักลงบนปากเข้ม รถถูกกระชากออกอย่างรวดเร็วจนหญิงสาวหน้าคะมำดีที่ว่าเขารัดเข็มขัดเอาไว้ให้ ศีรษะเล็กจึงรอดพ้นจากการโขกลงกับคอนโซลหน้ารถอย่างหวุดหวิด
“คุณมันบ้าที่สุด คนบ้าคนเลว”
“ยังมีเรื่องที่บ้ามากกว่านี้อีก” ชายหนุ่มตอบเสียงลอดไรฟัน
ดาราวดีหวั่นกลัวเสียจนหน้าซีดเผือด เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดโทรมกาย เธอไม่ได้เตรียมตัวมาพบกับเรื่องอะไรแบบนี้ เธอคิดเอาเองว่าภาคิไนยรักเธอมากพอที่จะไม่ทำอะไรเธอ แม้ว่าสิ่งที่เธอทำมันเกินจะอภัยให้ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่หญิงสาวลืมไปถนัด นั่นคือ เมื่อรักมากก็ย่อมแค้นมาก
เรือนกายอรชรเพรียวระหงถูกเหวี่ยงเข้าไปเค้เก้อยู่บนพื้นหน้าเตียงเล็กๆ หลังจากที่เขาหักรถเลี้ยวหายเข้ามายังโรงแรมแรกที่เขามองเห็น ความเจ็บกายไม่เท่าความหวั่นกลัวในหัวใจ หญิงสาวถอยกรูดหน้าตาตื่น เสียงประตูห้องถูกกดล็อก ร่างหนาผึ่งผายเดินมาหยุดตรงหน้า ตาคมไม่ได้ละจากเธอแม้แต่นิดเดียว ขณะที่มือของเขาไล่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาเองอย่างช้าๆ