ตอนที่ 4
ภาคิไนยทรุดลงนั่งกับเก้าอี้หนาตัวใหญ่ เอกสารในมือร่วงลงกระจายบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เขาไม่อยากเชื่อ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน หากรายงานในมือเขานั้นไม่เคยผิดพลาด ผู้ตรวจสอบของเขาไว้ใจได้เสมอ แม้ครั้งนี้ชายหนุ่มเฝ้าภาวนาในใจเหลือเกินว่าให้มันเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมาทีเถิด
ดาราวดีเป็นคนรักของเขา เธอจะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน นี่สวรรค์กำลังเล่นตลกอะไรอยู่ ชายหนุ่มหวนนึกถึงวันแรกที่หญิงสาวเหยียบย่างเข้ามาทำงานที่บริษัทของเขา ความสวยน่ารักและความมีน้ำใจของเธอเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดให้ใครๆ ต่างก็ให้ความสนใจ สุดท้ายเธอกลับยอมเปิดใจให้เขา ภาคิไนยนึกถึงท่าทีเหนียมอาย แก้มสาวที่ระเรื่อแดงในวันที่เขาจูบเธอครั้งแรก เธองดงาม อ่อนหวาน ไม่มีเรื่องเสื่อมเสียใดให้ด่างพร้อย เธอเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาที่แสนจะน่ารักน่าปรารถนาเท่านั้น แล้วที่อยู่ในมือของเขานี่มันเรื่องบ้าหรือว่าตลกฝืดห่าเหวอะไร
รูปถ่ายหลายสิบใบ ถ่ายทุกมุมของคู่พบปะในร้านอาหารแห่งหนึ่งนอกเมือง ใบหน้าของทั้งสองนั้นชัดเจนหราอยู่ในภาพ ฝ่ายชายคือเจ้าหน้าที่บริษัทของฝ่ายตรงข้ามขณะที่ฝ่ายหญิงคือเธอ ดาราวดีคนรักของเขาเอง ดวงหน้ายามที่เจ้าตัวยิ้มแบบนี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อน มันมีทั้งความมั่นใจและความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พอๆ กับที่บอกได้ว่าด้วยใบหน้าแบบนี้เธอสามารถผลักใครลงนรกได้โดยไม่มีคำว่ารีรอเลยทีเดียว
ความผิดหวังวิ่งเข้าจู่โจมหัวใจแกร่งให้อ่อนแอได้อย่างไม่น่าเชื่อ เธอทำกับเขาอย่างเลือดเย็นทั้งที่อีกไม่กี่วันงานแต่งงานระหว่างเขาและเธอกำลังจะเกิดขึ้น
เสียงเคาะประตูเบาๆ ทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากเอกสารบนโต๊ะ พร้อมกับส่งเสียงอนุญาตเบาๆ ตาคมมองนิ่งที่ประตูอย่างรอคอย
ดาราวดีพาตัวเองเข้ามา หญิงสาวส่งยิ้มหวานมาก่อนเป็นอันดับแรก ทั้งที่หัวใจเธอกำลังแห้งผาก เธอรู้ดีแก่ใจทีเดียวว่าเขาตามตัวเธอด่วนเพราะเรื่องอะไร และมันถึงเวลาแล้วที่เรื่องทั้งหมดจะจบสิ้นกันสักที
“นั่งสิ”
“ขอบคุณค่ะ”
ภาคิไนยไม่ได้ละสายตาจากดวงหน้างดงามเลยแม้แต่น้อย ตาคมสบกับดวงตาคู่หวานภายใต้ท่าทีนิ่งสงบและรอคอยอย่างประเมินสถานการณ์ มือคร้ามสะอาดเลื่อนเอกสารที่วางเกลื่อนบนโต๊ะเข้าไปตรงหน้าหญิงสาว
ดาราวดีเพียงปรายตามองผ่านๆ ไม่ต้องอ่าน ไม่ต้องหยิบจับขึ้นมาดูให้เสียเวลาเพราะเธอรู้ดีอยู่แล้วว่ามันคืออะไร ดวงตางดงามช้อนขึ้นสบตาคมที่ยังจ้องนิ่งอยู่ ใบหน้าที่เคยอ่อนโยนเป็นนิจบัดนี้ขึ้งเครียดเสียจนน่าใจหาย หากเธอไม่สามารถหยุดเรื่องราวทุกอย่างเอาไว้ได้อีกแล้ว ถ้าเธอไม่ทำคงไม่มีวันไหนที่เธอจะได้นอนหลับอย่างเป็นสุขจากความฝันอันแสนเศร้าและทรมาน ตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา เธอทรมานมาพอแล้ว
“คุณไม่คิดจะแก้ตัวหรือว่ามีคำอธิบายอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยเหรอดาว” เสียงห้าวทุ้มถามเรียบๆ
ดาราวดียิ้มเย็น ดวงตางดงามทอประกายเย็นชาเป็นครั้งแรกนับแต่เข้ามาทำงานกับเขาร่วมสองปี
“ไม่ค่ะ”
“แล้วทำไมดาว คุณกำลังทำบ้าอะไรอยู่”
“คุณเองก็รู้แล้วนี่คะคุณไนย แล้วยังไงล่ะ คิดจะทำยังไงกับฉันต่อไปดีล่ะทีนี้” น้ำเสียงหวานยังคงเชือดเฉือนใจ
ภาคิไนยโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้คนรัก เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตาได้เห็น ไม่มีร่องรอยความเศร้าเสียใจในดวงตาของดาราวดีแม้สักนิด เธอมองเขาอย่างไม่เกรงกลัวครั่นคร้าม แม้ว่าความผิดของเธอนั้นทำให้เธอไปนอนในคุกได้อย่างสบาย
“ผมควรจะทำยังไงกับคุณดีล่ะดาวไหนบอกผมมาซิ คุณรู้มั้ยว่าการกระทำของคุณกำลังจะส่งผลต่ออนาคตของพนักงานกี่ร้อยคนหากว่าพรุ่งนี้บริษัทต้องถูกฟ้องล้มละลาย คุณรู้มั้ยการยักยอกเงินของบริษัทเพียงแค่ไม่กี่พันบาทก็สามารถทำให้คนคนนั้นเข้าไปนอนในคุกได้ แล้วเงินยี่สิบล้านนี่แค่นอนในมุ้งสายบัวกินข้าวแดงสักสิบปีมันคุ้มกันรึเปล่าสำหรับผม ผมจะทำไงดีล่ะดาวกับคนรักที่กำลังจะแต่งงานกันในอีกสองเดือนข้างหน้า ไหนคุณลองบอกให้ผมตาสว่างสักหน่อยสิ”
ดวงตาคมเต็มไปด้วยวี่แววของการตัดพ้อต่อว่าจนดาราวดีไม่อาจจะสบตากับเขาได้อีกต่อไปจึงเมินหลบ หัวใจอ่อนแอของเธอกำลังหวั่นไหวกับสายตาคู่นั้น แต่เธอจะไม่ยอมอ่อนข้อและอ่อนแอให้เขาได้เห็นเพราะเขาคืออัศวเรืองยศ
“ฉันไม่แก้ตัวในเรื่องที่ฉันทำลงไป ถ้าคุณอยากรู้ฉันบอกให้ก็ได้ ใช่ค่ะฉันตั้งใจทำทุกอย่าง และที่มาวันนี้ฉันเองก็รู้ดีว่าเรื่องนี้คงถึงมือคุณแล้ว คุณไม่เคยพลาดเรื่องสำคัญอยู่แล้วยกเว้นเรื่องเดียว”
“แล้วทำไมล่ะดาว ทำไมคุณถึงตอบแทนความรักของผมแบบนี้”
“เพราะฉันไม่เคยรักคุณ”
หญิงสาวย้ำเสียงหนักแน่น แหวนเพชรน้ำงามถูกถอดออกวางลงบนโต๊ะตรงหน้าเขา ไม่มีการลังเล ไม่มีความสะท้านสะท้านใดๆ บนดวงหน้าสวยแม้ภาคิไนยจะภาวนาให้เขาได้เห็นมันนัก หัวสมองของนักธุรกิจร้อยล้านกำลังมึนตื้อไปหมด เป็นครั้งแรกที่เขาคิดอะไรไม่ได้
“ฉันก้าวเข้ามาทำงานที่นี่มีจุดประสงค์เดียว คือนำพาหายนะมาสู่อัศวเรืองยศ เย็นนี้ฉันจะเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับเงินยี่สิบล้านและค่าจ้างจากการขายความลับที่ได้มา ถ้าคุณคิดออกว่าจะทำยังไงกับฉันดีก็เร็วหน่อยนะคะก่อนที่ฉันจะไม่อยู่เมืองไทย” ดาราวดีบอกเรียบๆ แต่แฝงด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน ก่อนจะหมุนตัวออกไปจากตรงนั้น
“คุณไม่สนใจอะไร ทั้งที่ผมรักคุณจนหมดใจงั้นเหรอดาราวดี”