EP.5 มรสุมชีวิต
“นั่งก่อนนะคะคุณแม่ เดี๋ยวดาวไปเอาน้ำเย็นๆ มาให้”
นับดาวประคองมารดาให้นั่งลงบนโซฟาสีน้ำตาลอ่อนในห้องนั่งเล่น เปิดประตูหน้าต่างรอบๆ บ้านออกเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ภายในบ้านไม้หลังเล็กชั้นเดียวซึ่งตั้งอยู่ชานเมือง บริเวณบ้านแค่เพียงหกสิบห้าตารางวา พอเหลือที่ว่างให้ปลูกต้นไม้ใหญ่ได้เพียงสองต้น ดังนั้นรอบๆ บ้านจึงเต็มไปด้วยไม้ดอกที่ปลูกใส่กระถางเท่านั้น หญิงสาวเดินเข้าไปในครัว หยิบแก้วจากชั้นวางของแล้วเดินไปเปิดตู้เย็น
“ดาว”
เสียงทุ้มคุ้นหูทำให้หญิงสาวหันกลับไปหาเจ้าของเสียงอย่างรวดเร็ว
“คุณพ่อ”
เพล้ง!
เสียงแก้วแตกกระจายลงเกลื่อนพื้น เมื่อหญิงสาวปล่อยแก้วในมือแล้วโผเข้ากอดบิดาด้วยความดีใจ
“คุณพ่อกลับมาแล้วหรือคะ”
“ดาว อย่าส่งเสียงดัง”
เขาพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะหลบออกไปยังด้านหลังของครัว เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา ล้อมเดือนเดินเข้ามาในครัวมองเศษแก้วตกแตกกระจายเกลื่อนพื้น
“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก เสียงดังเชียว แม่ตกใจแทบแย่”
ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนยังคงซีดเผือดแม้อาการจะดีขึ้นมากแล้ว ทว่าสภาพจิตใจยังบอบช้ำ หนทางเยียวยาเพียงหนึ่งเดียวก็คือบิดา นับดาวหันไปมองยังด้านหลังห้องครัว บิดายืนแอบอยู่ข้างประตูที่ปิดทับด้วยประตูเหล็กดัดกันขโมย ส่ายหน้าช้าๆ ราวกับไม่ต้องการให้ภรรยารู้ว่าเขากลับมา
“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะคุณแม่ ดาวใจลอยไปหน่อย คุณแม่กลับไปนั่งเถอะค่ะ เดี๋ยวดาวเก็บกวาดเสร็จแล้วจะตามออกไป”
หญิงสาวเดินเข้าไปกอดมารดา ก่อนจะหอมแก้มของท่านฟอดใหญ่ สะท้านในอกเมื่อรับรู้ได้ว่ามารดาของเธอผอมลงไปมาก อ้อมกอดเย็นชืดไม่เหมือนเคย
“ระวังนะดาว ค่อยๆ เก็บไม่อย่างนั้นแก้วจะบาดมือเอาได้”
“ค่ะคุณแม่ ดาวจะระวัง”
หญิงสาวเดินไปหยิบไม้กวาดและที่โกยขยะ ก้มลงเก็บเศษแก้วบนพื้น ล้อมเดือนยืนมองหญิงสาวอยู่หลายอึดใจก่อนจะเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน นับดาวซึ่งรอจังหวะอยู่แล้วรีบทิ้งไม้กวาดและที่โกยขยะแล้วเดินไปยังด้านหลังครัวทันที บิดายืนอยู่ข้างเครื่องซักผ้าตรงบริเวณซักล้าง ใบหน้าของท่านหม่นเศร้า หนวดเคราเขียวครึ้มขึ้นรกรุงรังอย่างไม่ใส่ใจ เสื้อผ้าที่ท่านใส่คือชุดสุดท้ายที่ท่านใส่ออกไปทำงานตอนเช้าก่อนที่จะหายตัวไป
“ไม่จริงใช่มั้ยคุณพ่อ คุณพ่อไม่ได้ยักยอกเงินของคุณชญานนท์ไปใช่มั้ยคะ”
ไผทไม่ตอบ เขาทอดมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของบุตรสาวด้วยความรู้สึกเจ็บปวดจนแทบขาดใจ
“ดาวพ่อขอโทษ พ่อจะหนีไปเขมรสักพัก ฝากดูแลแม่ด้วย”
นับดาวรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าแรงๆ ร่างบางโงนเงนแทบไม่มีเรี่ยวแรงที่จะหยัดยืน ครอบครัวที่แสนอบอุ่นของเธอไม่มีอีกแล้ว ทุกอย่างพังทลายลงไปภายในพริบตาเดียว
“คุณพ่อทำแบบนี้ทำไมคะ ทำแบบนี้ทำไม”
เธอตัดพ้อเสียงเครือ ยกมือขึ้นปิดหน้าร่ำไห้แทบจะขาดใจ บิดาที่ใจดีและมักหัวเราะร่วนอย่างมีอารมณ์ขันเสมอๆ กลับทำเรื่องที่เธอไม่คาดคิดว่าท่านจะกล้าทำ
“พ่อขอโทษ พ่อต้องไปแล้วตำรวจกำลังตามตัวพ่ออยู่”
ไผทผละจากบุตรสาว ทว่านับดาวกลับดึงมือเขาไว้แล้วโผเข้ากอดเอาไว้แน่น
“ดาวรักคุณพ่อ กลับมาหาดาวกับคุณแม่เร็วๆ นะคะ ไม่ต้องห่วงดาวจะดูแลคุณแม่ให้ดีที่สุด แต่คุณพ่อต้องสัญญากับดาว สัญญาว่าจะกลับมานะคะ เราจะกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม”
น้ำตาของลูกผู้ชายไหลริน ไผทกอดตอบบุตรสาวเอาไว้แน่น
“พ่อสัญญา”
คำสัญญายังดังก้องอยู่ในหัวใจของหญิงสาวแม้ว่าบิดาจะเดินจากไปนานแล้วก็ตาม เธอรีบล้างหน้าเพื่อขจัดคราบน้ำตาออกให้หมดจด แล้วเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง ถึงกระนั้นน้ำตาก็ยังคงรินไหลออกมาไม่ขาดสาย ไม่ว่าเธอจะพยายามเช็ดมันอีกสักกี่ครั้ง แต่มันกลับยิ่งไหลรินออกมามากกว่าเดิม มือบางเอื้อมมือไปเก็บเศษแก้ว
“โอ๊ย!”
เธอชักมือกลับเมื่อปลายนิ้วชี้ถูกคมแก้วบาด เลือดสีแดงชาดไหลซึมออกมา เธอกำมือเข้าหากันแน่นกัดฟันกรอด ปล่อยให้เลือดไหลเปรอะเปื้อนมือบาง ร่างบางสะท้านจากแรงกลั้นสะอื้น
โครม! เสียงดังโครมใหญ่ดังออกมาจากห้องนั่งเล่น นับดาวตื่นจากภวังค์
“คุณแม่!”
หญิงสาวรีบวิ่งออกไปหน้าบ้านทันที ตำรวจหลายนายที่ยืนอยู่นอกรั้วกำลังเปิดประตูรั้วเข้ามา เมื่อหญิงวัยกลางคนผู้เป็นเจ้าของบ้านเป็นลมล้มพับลงไปต่อหน้าต่อตา นับดาววิ่งไปประคองมารดาเอาไว้
“คุณแม่! คุณแม่อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะคะ”
หญิงสาวกอดมารดาไว้แน่น เธอสับสนจนไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรก่อนหลัง นายตำรวจคนหนึ่งตรงเข้าดึงร่างของหญิงสาวออก ก่อนที่นายตำรวจอีกคนจะรีบอุ้มล้อมเดือนขึ้นรถตำรวจเพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาล นับดาวรีบตามขึ้นไปนั่งท้ายรถกระบะของตำรวจ จับมือมารดาที่สลบไม่ได้สติเอาไว้แน่น หญิงสาวเอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมพูดจากับใครเฝ้าพร่ำภาวนาแต่ว่ามารดาต้องไม่เป็นไร
นับดาวเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน นายตำรวจคนเดิมที่อุ้มมารดาของเธอขึ้นรถ เดินเข้ามาหาหญิงสาว สีหน้าของนายตำรวจบอกความยุ่งยากใจไม่น้อย
“ผมต้องขอโทษด้วย ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น”