20 หนูไม่มีที่ไป

1067 คำ
แม่พิศอมยิ้มน้อยๆ ในสีหน้า เมื่อหญิงแปลกหน้ารับคำน้ำเสียงสุภาพ ทั้งเรียกหล่อนว่าคุณหญิงดังคนได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี รู้สึกเอ็นดูและถูกชะตากับหญิงแปลกหน้าขึ้นมาดื้อๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ช่างรังเกียจ มาถึงตอนนี้แม่พิศอยากให้หล่อนคนนี้จดจำเรื่องราวต่างๆ ได้ครบถ้วน เพื่อยืนยันว่าไม่ได้วิปลาส เพราะเมื่อถึงวันนั้นหล่อนจะยอมรับกับความรู้สึกของลูกชาย “พูดมาสิ ฉันรอฟังอยู่” “ค่ะ” นิราวดีบอกเล่าเรื่องราวของหล่อนให้คุณหญิงพิศฟัง แม้ว่าอาจจะดูเหลือเชื่อและเป็นไปไม่ได้ในยุคสมัยนี้แต่หล่อนก็ต้องเล่าตามความเป็นจริง เพราะหล่อนไม่เห็นทางว่าควรจะโกหกอย่างไร แม้ว่าสีหน้าของคุณหญิงพิศจะเปลี่ยนจากเมตตาเป็นบึ้งตึงก็ตาม แต่หล่อนก็ต้องเล่าทั้งหมด “นี่หล่อนจะบอกฉันว่า หล่อนมาจากสยามในอีกหนึ่งร้อยปีข้างหน้ารึ” “ใช่ค่ะ หนูหมายความตามนั้นจริงๆ ถ้าตอนนี้คือรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่หก” นั่นคือสิ่งที่หล่อนถามจากป้าอ้อยเมื่อครู่ว่าตอนนี้อยู่ในยุคพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใด และเรื่องราวในช่วงรัชสมัยรัชกาลที่ 6 ที่หล่อนพอจะจดจำได้เพราะออกข้อสอบให้หล่อนต้องท่องจำก็คือ เรื่องราวเกี่ยวกับ ‘กบฏ ร.ศ.130’ ซึ่งเกิดขึ้นในปีพุทธศักราช 2455 และก็เรื่องแฟชั่นเครื่องแต่งกายของสตรียุคนี้ที่ว่ากันว่าเปรี้ยวและเสรีกว่ายุคไหนๆ ถ้าไม่นับยุคของหล่อน แต่เรื่องอื่นๆ นั้นก็ห่างไกลความเข้าใจของหล่อนเหลือเกิน “เอาล่ะ หล่อนขึ้นไปพักเถอะ ประเดี๋ยวได้เวลารับประทานอาหารกลางวัน ฉันจะให้เด็กไปเรียกก็แล้วกัน” คุณหญิงพิศโบกมือตัดบทว่าไม่อยากสนทนากับหล่อนอีก นั่นทำให้นิราวดีต้องยิ่งอธิบายให้คุณหญิงเข้าใจ “คุณหญิงคะ อย่าเพิ่งไล่หนู” “เอ๊ะ! นี่หล่อน ฉันไล่หล่อนตรงไหน” “ก็ตรงนี้ล่ะค่ะ คุณหญิงไล่หนู เพราะคุณหญิงไม่เชื่อเรื่องที่หนูเล่า” “นี่หล่อนอย่ามาเถียง พ่อแม่ไม่เคยสอนรึว่าไม่ให้เถียงผู้ใหญ่” นิราวดียิ้มแหย หากเป็นคนอื่นคงโกรธที่ถูกต่อว่าไปถึงพ่อแม่ว่าไม่สั่งสอนหล่อนให้ดี แต่เพราะน้ำเสียงของคุณหญิงพิศไม่ใช่การต่อว่าดังปากพูดแต่เป็นความเอือมระอาเสียมากกว่า ไม่ต่างจากที่อาม่ามักค่อนขอดหล่อนอยู่บ่อยๆ ยามที่หล่อนเถียง อาม่าก็จะบอกว่าแม่ไม่ได้เรื่องที่ไม่รู้จักสั่งสอนหล่อนให้ดี หล่อนถึงได้เถียงคำไม่ตกฟากแบบนี้ “สอนอยู่ค่ะ แม่สอนหนูเยอะเลย แต่หนูสอนแล้วไม่จำค่ะ อาม่ายังบอกหนูบ่อยๆ ว่าหนูอ่ะเถียงคำไม่ตกฟาก” แม่พิศหน้าเหวอเมื่อได้ยินคำยอกย้อนนั้นแต่ก็อดไม่ได้ที่จะขันน้อยๆ เพราะคำพูดพาซื่อของหญิงแปลกหน้าชวนให้หล่อนเชื่อว่านั่นคือความจริง แต่เรื่องมาจากอีก 100 ปีข้างหน้านั้นเห็นทีหล่อนจะเชื่อได้ยาก “เอาล่ะ หล่อนอยากจะพูดอะไรอีกก็พูดมา ฉันจะทนฟังหล่อนสักประโยคสองประโยค อีกประเดี๋ยวฉันต้องขึ้นเรือนมีงานต้องทำ” “หนูขอบพระคุณค่ะ” นิราวดีพนมมือไหว้อ่อนช้อย เห็นแววพอใจในสายตาของคุณหญิงพิศ ตามประสาคนอยู่เป็นช่างประจบประแจงเพราะหล่อนมักทำแบบนี้กับอาม่าบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นปกติของผู้ใหญ่ที่มักชอบคนพูดจาอ่อนหวานและดูพินอบพิเทาออกจะหัวอ่อนว่านอนสอนง่ายมากกว่าจะต่อต้าน ดังนั้นอ่อนเข้าหาผู้ใหญ่ คุณหญิงพิศก็น่าจะเอ็นดูและเชื่อที่หล่อนพูดในสักวัน “พูดมาสิ ฉันรอฟังอยู่” นั่นล่ะ น้ำเสียงปรานีขึ้นอีก นิราวดีอดไม่ได้ที่จะยิ้มน้อยๆ ก่อนจะพูดในสิ่งที่ต้องการอธิบาย “หนูอยากยืนยันว่าสิ่งที่หนูพูดเป็นความจริงทุกอย่าง หนูไม่ใช่คนที่นี่” “อันนั้นฉันแน่ใจอยู่แล้วว่าหล่อนไม่ใช่คนที่นี่” แม่พิศยังอดไม่ได้ที่จะประชดประชัน แกมหมั่นไส้ นิราวดียิ้มกว้างเพราะคำประชดประชันแบบนี้การสนทนาย่อมยาวนานเป็นแน่ “หนูไม่ใช่คนแถวนี้ ไม่ใช่คนที่นี่ และไม่ใช่คนในยุคนี้ด้วยค่ะ คุณหญิงก็เห็นแล้วว่าเสื้อผ้าที่หนูสวมใส่ไม่ใช่ของคนในยุคสมัยนี้นะคะ แต่หากคุณหญิงไม่แน่ใจ ถ้าคุณหลวงกลับมา คุณหญิงลองสอบถามดูอีกทีก็ได้ค่ะ คุณหลวงจะต้องรู้ว่าเสื้อผ้าของหนูไม่ได้มีขายในยุคนี้เด็ดขาด” “ไยหล่อนจึงแน่ใจเยี่ยงนั้น” “หนูไม่ได้แน่ใจหรอกค่ะ แต่หนูมั่นใจว่าคุณหลวงจะเข้าใจในสิ่งที่หนูอธิบาย และคุณหลวงก็น่าจะหาคำตอบได้แน่ๆ” “ถ้าเช่นนั้นก็ต้องรอให้พ่อพร้อมกลับมาเสียก่อน เพราะคำพูดของหล่อนฉันคงเชื่อได้ยากเต็มทน ใครกันจะตกท่อน้ำแล้วมาโผล่บนเตียงนอนของลูกชายฉันได้ อมพระทั้งโบสถ์มาพูดฉันยังเชื่อได้ยากเลย แต่นี่หล่อนพูดปากเปล่า ไม่มีใครยืนยันได้ หากฉันเชื่อ ฉันก็คงเป็นคนไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง” “หนูขอเพียงคุณหญิงพร้อมจะรับฟัง แค่นี้หนูก็ถือว่าเป็นบุญคุณแล้วค่ะ เพราะหนูมาที่นี่ หนูไม่รู้อะไรเลย นี่ไม่ใช่บ้านของหนู ไม่ใช่ยุคของหนู หนู... หนูเรียนตามตรง หนูไม่มีทางไป หนูไม่มีใครที่จะพึ่งพาพึ่งพิงได้ หนูต้องขอความกรุณาคุณหญิง ขอให้หนูอยู่อาศัยที่นี่ไปก่อนจนกว่าหนูจะหาทางกลับบ้านได้น่ะค่ะ” น้ำเสียงสั่นเครือ แม้จะพยายามกลั้นอย่างสุดฤทธิ์ รวมทั้งปลายจมูกที่แดงจัดกับวาวน้ำตาที่เอ่อคลอจะหล่นแหล่ไม่หล่นแหล่ทำให้แม่พิศชะงัก ใจหนึ่งก็อยากเชื่อ แต่ใจหนึ่งก็เหลือเชื่อเหลือเกิน ความเป็นไปได้ไม่มีเลย แต่หล่อนก็จะถือว่าดูแลเลี้ยงดูกันเอาบุญอย่างที่รับปากพ่อพร้อมเอาไว้ หากหญิงแปลกหน้าวิปลาสจริง หล่อนก็จะเลี้ยงดูต่อ จะไม่ทิ้งขว้างให้ต้องตกระกำลำบาก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม