สาวใช้ทั้งสองเห็นแม่ชีเดินจากไปจึงตัดสินใจเดินตรงเข้ามายืนด้านข้างเพื่อคอยปรนนิบัติตามหน้าที่ ทั้งจิวลู่และอาม่านไม่เห็นนายสาวเอ่ยอะไรเห็นเพียงนางทอดสายตามองไปด้านนอก ทั้งสองหันมาสบสายตากันแทนคำถาม แต่จิวลู่ดูคล้ายจะไม่เข้าใจจึงเอ่ยปากถามเบาๆ
'คุณหนูเป็นอะไร ปกติจะนางไม่ใช่คนแบบนี้'
'ข้าจะรู้ได้อย่างไร หากเจ้ากล้าก็ถามคุณหนูเองสิ' ทั้งสองส่งสายตาให้กันเพื่อโยนให้อีกฝ่ายเป็นผู้ถาม และไม่ทันรู้ตัวว่านายสาวหันมาเมื่อไหร่จนได้ยินเสียงเอ่ยขึ้นจนทำให้นางใจหายแวบ
"อยากรู้นักหรือว่าข้าเป็นอะไร ข้ากำลังมองแมลงปอ ทีนี้พวกเจ้ารู้แล้วสินะ ไม่ต้องมีใครถามข้าตอบให้พวกเจ้ารู้แล้ว" นางตอบจบก็เบนหน้าไปทางหน้าต่างเหมือนเดิม ปิดปากเงียบจนอาม่านร้อนใจเปิดปากขึ้น
"คุณหนูออกมานานแล้วนะเจ้าคะ เกรงว่า..."
อาม่านเอ่ยปากเตือนเพราะยังไงนางก็เพิ่งจะหายป่วย เกรงว่าฮูหยิน
สกุลเจิ้งทราบข่าวการออกมาต้องเรียกพวกนางไปตำหนิ
"รู้แล้ว กลับก็กลับ แต่เอ๊ะ...ข้าถามอะไรพวกเจ้าหน่อยสิ" ทั้งสองสบตากันอีกครั้ง และหันมาเผชิญหน้ากับนายสาว
"เจ้าคิดว่าข้างดงามไหม?" สาวใช้ทั้งสองพยักหน้า "แล้วพวกเจ้าว่าคนงามจะมีโอกาสอัปลักษณ์ได้หรือไม่"
"ได้สิเจ้าคะ เหมือนคนในหมู่บ้านของบ่าว มีสตรีหน้าตาดีคนหนึ่งเขาไปในป่าเพื่อเก็บของป่า บังเอิญนางเดินไปโดนกิ่งไม้บาดลึก ตอนนี้ยังเป็นแผลเป็นน่าเกลียดมากเลยเจ้าค่ะ" จิวลู่รีบเอ่ยตอบขึ้นมาทันทีหวังจะเอาใจนายสาว แต่โดนอาม่านใช้ศอกสะกิดให้นางรู้สึกตัว เถียนซูหลินไม่เอ่ยกล่าวอะไร เพียงยกน้ำชาที่วางอยู่ขึ้นดื่ม ยิ่งดื่มนางยิ่งรู้สึกเย็นที่หน้าอกอย่างประหลาด นางดื่มจนหมดถ้วยแล้วเอ่ยถามอีกครั้ง
“แล้วเจ้าคิดว่าจะบนโลกนี้จะมีคนที่ล่วงรู้อนาคตข้างหน้าของตัวเองบ้างไหม เช่นว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นและก็เกิดขึ้นจริงๆ" จิวลู่ส่ายหน้าและกล่าวออกมาอย่างไม่คิด
"บ่าวคิดว่าไม่น่าจะมีนะเจ้าคะ ความลับสวรรค์หากให้มนุษย์รู้ คงมีหวังคงวุ่นวายเป็นแน่ บ่าวคิดไปถึงเทพเซียนยังจะรู้ไหมเจ้าคะว่าพวกมารจะมาทำสงครามเมื่อใด" นางตอบอย่างมั่นใจโดยเฉพาะเทพเซียนด้วยนางฟังจากคนเล่านิทานในสมัยเด็ก ทว่าคำตอบของจิวลู่ถูกทำให้เถียนซูหลินจ้องใบหน้าอีกฝ่ายอยู่นานจนจิ่วลู่ขนลุกชันด้วยความประหม่า
ฝ่ายจิวลู่ไม่รู้ว่าตนเองตอบอะไรผิดยิ่งถูกมองนางยิ่งก้มหน้าจนใบหน้าแทบจะติดพื้นแต่ใครจะรู้ดีเท่าเจ้าตัว นางมองจิวลู่สักพักใหญ่เพราะใจลอยคิดถึงคำพูดของนางและแม่ชีกอปรกับความฝัน จู่ๆนางก็ยอมเอ่ยปากขึ้นมา
"ข้าก็คิดอย่างนั้น ไปเถอะ" ใช่! นั่นก็อาจเป็นความฝันที่บังเอิญข้าเริ่มจะเชื่อเสียแล้วว่าเป็นคำเตือนจากสวรรค์ หรือไม่ก็วิญญาณบรรพชนมาเตือน