หญิงสาวยืนละล้าละลังอยู่หน้าทางเข้าด้านในอาราม
ขาทั้งสองข้างจะก้าวข้ามปากประตูธรณีหรือจะไม่ก้าว ทำให้เกิดคำถามในใจของบ่าวทั้งสอง เพราะแต่ไหนแต่ไรมานายสาวไม่เคยคิดย่างกายเหยียบพื้นอาราม ทำเพียงโยนเงินทำบุญทำทานแบบส่งๆเท่านั้น
"คุณหนู" อาม่านยืนรออยู่นานไม่เห็นนายสาวก้าวเท้าเข้าด้านในเสียที นางจึงเอ่ยเตือนเบาๆ เถียนซูหลินสะดุ้งตกใจ แต่มิได้โวยวายทำเพียงหันหน้ามามอง ทำให้บ่าวรีบก้มหน้าสำนึกผิดที่ตนใจกล้าเอ่ยเตือนนายสาว
"ข้าแค่นึกอะไรบางอย่างจนใจลอย นี่ไม่ใช่พวกเจ้าทั้งสองคิดว่าข้าไม่กล้าเข้าไปใช่ไหม เชอะ! มีอะไรน่ากลัว" กล่าวจบนางก้าวเท้าเดินอาดๆ เข้าไป ด้านในมีคนมากราบไหว้พระโพธิสัตว์ไม่มากนัก ทว่าควันธูปยังคงลอยจับตัวกันหนาคาดว่านางคงจะมาสาย จนผู้คนที่มากราบไหว้ต่างพากันเดินทางกลับไปแล้ว
นางเดินเข้าตรงไปยังด้านใน โดยไม่หลงลืมหยิบธูปจากสาวใช้มาจ่อกับเปลวเทียนที่ทางวัดได้ตระเตรียมไว้
ความรู้สึกแปลกๆเข้ามากระทบใจ เหมือนนางเคยทำอย่างนี้ทุกคราวและรู้สึกเย็นสบาย หลังจากนางไว้พระโพธิสัตว์ เถียนซูหลินเดินสำรวจด้านในด้วยความใคร่รู้ จนกระทั่งสองขาก้าวพาร่างไปเจอรูปปั้นหนึ่งที่มีความองอาจและดุดัน บุคคลอื่นจะมองอย่างไรนางไม่รู้แต่เวลานี้นางรู้สึกว่าทั่วสรรพางค์มีเหงื่อไหลซึม มือเท้าเย็นอย่างไม่รู้ตัว ในใจรู้เพียงว่านางกดดันลามไปถึงความหวาดกลัวจนร่างสั่นเทา แม้แต่สองขาก็ยังไร้เรี่ยวแรงที่จะหยัดยืน
"ประสก" ไออุ่นจากมืออ่อนนุ่มมาจับที่ต้นแขน ทำให้ใบหน้าที่ซีดเซียวไร้สีเลือดหันไปตามเสียง "ตามแม่ชีมา" นางยังไม่ทันปฏิเสธก็เดินตามไปพร้อมกับมือที่จูงไปเสียแล้ว
"คุณหนู! ซือไท่!" สาวใช้เอ่ยเรียกพร้อมกัน ทว่าแม่ชีหันมายิ้มส่ง "แม่ชีแค่จะพาคุณหนูนางนี้ไปนั่งรับลมด้านนั้นสักครู่" สาวใช้มองตามมือไปก็เห็นอีกด้านเปิดหน้าต่างรับลมไว้อยู่ก่อนแล้ว ทั้งมีน้ำชาที่วางไว้รับรองผู้มาเยือนยังอารามแห่งนี้
"เจ้าค่ะซือไท่"
"เช่นนั้นประสกทั้งสองรออยู่แถวนี้เถิด" แมชีหญิงเดินนำไปโดยมือยังจูงเถียนซูหลินที่เวลานี้อาการตื่นกลัวเมื่อครู่ดีขึ้นมากแล้ว
น้ำชาเลื่อนมาวางตรงหน้า นางจำต้องยกถ้วยชาขึ้นดื่มทั้งที่ไม่เอ่ยขอบคุณหรือสบสายตาแม่ชีที่นั่งมองอยู่เบื้องหน้านาง รอยยิ้มของแม่ชียังคงประดับบนใบหน้า ไม่เอ่ยตำหนิแต่อย่างใด
"มิมีสิ่งใดเกิดขึ้นมาลอยๆ" จู่ๆ แม่ชีก็กล่าวขึ้นมาและเบนสายตาไปยังด้านนอก มองท้องฟ้า ต้นไม้และเหล่าแมลงปอที่บินเกาะใบหญ้าอย่างเริงร่า ใบหน้างามแข็งค้างฉับพลัน หรือว่าแม่ชีผู้นี้... จู่ๆแม่ชีก็หันมาสบตากับนางเข้าพอดี ใบหน้ายังคงเปื้อนรอยยิ้มไม่จางหาย
นางยังไม่ทันเปิดปากถามข้อสงสัยในตลอดหลายคืนที่ผ่านมา เกี่ยวกับความฝันแปลกๆและความรู้สึกกลับรูปปั้นของเทพเจ้าเฮย-ไป๋อู่ฉาง [1] จู่ๆแม่ชีก็เอ่ยขึ้น
"ผู้คนมักเลือกสิ่งที่ดีสำหรับตนเอง ไม่ว่าจะเป็นอาภรณ์ เครื่องประทินโฉมหรือแม้แต่ปิ่กปักผม หากประสกคิดว่าเป็นเรื่องจริงย่อมเป็นเรื่องจริงหากคิดว่าไม่ใช่...ก็ถือเสียว่าเป็นคำเตือนจากสวรรค์หรือบรรพชน"
"ซือไท่...แล้ว.."
"เหตุต้นผลกรรม ฝัน...ประสกเคยได้ยินหรือไม่ว่าความฝันเกิดขึ้นเพราะอะไร ฝันเพราะใจอยากได้ อยากประสบกับสิ่งนั้นจึงฝัน ฝันเพราะเทพเจ้าหรือบรรพบุรุษเป็นห่วงลูกหลานและบอกเหตุล่วงหน้า หรือฝันเพราะประสกพบความแปรปรวนทางร่างกาย ประสกฝันเพราะอะไรเล่า เพราะจิตนิวรณ์ ธาตุไฟในร่างกำเริบ หรือเทพสังหรณ์? ทุกอย่างขึ้นอยู่กับแม่นาง โอกาสไม่ได้มีหลายครั้ง แค่ชั่วชีวิตหนึ่งเท่านั้น"
“ข้าไม่เข้าใจ?”
“ปลาไม่ว่าจะถูกชาวประมงจับฉันใด บนโลกนี้ไม่มีใครเข้าใจไปเสียทุกอย่างฉันนั้น ประสกดื่มชาพักผ่อนที่นี่ก่อน ส่วนรูปปั้นก็เป็นเครื่องแสดงให้คนเห็นและตระหนักรู้ถึงสิ่งที่ควรได้รับจากการกระทำแต่กระนั้นก็ไม่ได้น่ากลัวไปมากกว่าใจคน ขอให้ประสกโชคดี”
นักบวชหญิงไม่กล่าวสิ่งใดต่อ ทำเพียงลุกขึ้นและเดินจากไปปล่อยให้เถียนซูหลินมองแผ่นหลังที่ค่อยๆเล็กลงและห่างไกลจากสายตา
[1] ยมฑูตขาวดำ