ระหว่างทั้งสองทานอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยม ขบวนรถม้าจำนวนมากก็เคลื่อนตัวอยู่บนพื้นถนน สายตาของเถียนซูหลินเห็นเข้าก็จำได้ว่าขบวนรถม้าเหล่านั้นเป็นขบวนรถของบิดาที่กลับมาจากการทำการค้า
"บิดาข้ากลับมาแล้ว" น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจพร้อมชี้นิ้วไปด้านล่างเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นขบวนรถม้าด้านล่าง เขามองตามและเอ่ยขึ้น
"นั่นขบวนรถม้าของบิดาเจ้าหรือ?" เขามองลงไปเบื้องล่าง เห็นขบวนรถม้าห้าคัน ลากสินค้าจำนวนหนึ่งไปตามทาง
"อืม...บิดาข้าใจดีมากและทุกครั้งที่กลับมา ท่านพ่อของข้าจะมีของแปลกๆมาให้เสมอ อ๊ะ! ข้าต้องรีบกินแล้วรีบไปส่งเจ้ากลับจวนแล้ว"
"เจ้าไม่ต้องไปส่งข้าก็ได้ ข้ากลับจวนพร้อมหัวตานได้"
"ไม่ได้! ข้าต้องไปส่งเจ้า เอาอย่างนี้เจ้าไปจวนข้า” นางตักอาหารเข้าปากหลังจากเอ่ยปฏิเสธอีกฝ่าย
"ข้าไปได้หรือ?"
"ได้สิ! ทำไมเจ้าต้องคิดว่าไม่ได้ด้วยเล่า" นางไม่พูดเปล่าเมื่อเห็นว่าตนเองกินอย่างพอใจแล้วก็ลุกขึ้นและลากหวังโสว่เหรินออกจากโรงเตี๊ยมทันที หัวตานรีบวางเงินลงบนโต๊ะและสาวเท้าตามคุณชายน้อยของตน
ขบวนรถม้าของสกุลเถียนมาถึงจวน บ่าวไพร่รีบกุลีกุจอช่วยกันขนข้าวของเข้าเรือน ลูกหลานตระกูลเถียนเห็นนายท่านใหญ่กลับมา ก็มาร่วมกันต้อนรับขาดแต่เถียนซูหลินบุตรสาวที่ไม่อยู่
เถียนต้านมิได้คิดตำหนินางแต่อย่างใดกลับยิ้มรับกับภาพที่เห็นตรงหน้า ด้วยรู้ว่านางอยู่ที่จวนสกุลเจิ้งและเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรเพราะเขาไปส่งนางเองกับมือ
จังหวะที่เขากำลังจะก้าวเท้าเข้าประตูจวน ได้ยินเสียงใสตะโกนดังทางด้านหลัง "ท่านพ่อ" เขาหันตามเสียงเห็นสตรีร่างเล็กแต่มิให้ผอมแห้งวิ่งมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
"เจ้ามาได้อย่างไร" ชายร่างท้วม ใบหน้าอิ่มตึงแต่มีรอยย่นบนมุมปากและหางตา เวลายิ้มดวงตาแทบจะปิดมิด มองมาที่บุตรสาวด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข คนในจวนที่ดูจะมีแววตาและรอยยิ้มเช่นนี้กับนางก็คงมีเขาคนเดียว เถียนต๋านบิดาของเถียนซูหลิน
"ข้ารู้ว่าบิดาจะกลับมาในอีกไม่กี่วัน ข้าเลยออกมารอดักท่านนอกจวนทุกวัน ท่านจะได้แปลกใจอย่างไรเล่าเจ้าคะ" หวังโสว่เหรินก้มหน้าแอบนินทานางในใจ 'สตรีผู้นี้ช่างโกหกได้หน้าตายมาก ทั้งที่นางไปอยู่ที่จวนข้าแต่กล้าบอกว่าดักรอบิดาอยู่นอกจวน' แต่เขาก็ไม่อาจกล่าวออกมาได้
เถียนต้านมองไปด้านหลัง เห็นเด็กผู้ชายร่างเล็ก สูงพอๆกับบุตรสาวติดตามมาด้วย เถียนซูหลินมองตามสายตาบิดานางเข้าใจทันที
"นี่คือสหายต่างวัยของข้า เขาแซ่หวังมีชื่อว่าโส่วเหรินเจ้าค่ะ ท่านพ่อ" หวังโสว่เหรินเข้ามาคารวะเต็มพิธีการ เขาเป็นบุตรของขุนนางทั้งยังได้รับการอบรมจากมารดา เรื่องมารยาทย่อมไม่อายผู้ใด เถียนต้านมองชายแปลกหน้าผู้นั้นในใจก็อดไม่ได้ว่านึกว่าสตรีกับบุรุษเป็นสหายกัน? แต่คงไม่หรอกบุตรสาวมีใจให้กับเจิ้งโหย่งเฉียน เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ยิ้มรับอย่างมีไมตรีจิต
"อ๋อ...เชิญๆ ข้าไม่ค่อยมักคุ้นกับขุนนางสักเท่าไหร่นัก ทำตัวไม่ถูกหวังว่าคุณชายหวังจะไม่รังเกียจจวนพ่อค้าจนๆอย่างพวกเรา"
"นายท่านเถียนกล่าวหนักเกินไป ข้าน้อยเป็นเพียงเด็กน้อยจะรังเกียจคหบดีมีชื่อของเมืองหลวงได้อย่างไร" เถียนต้านหัวเราะชอบใจในคำพูดรีบเชิญหวังโสว่เหรินเข้าจวน
"ขอบคุณนายท่านเถียน ข้าน้อยขอแค่ดื่มน้ำชาสักจอกก็พอ ไม่กล้าอยู่นานเพราะท่านเพิ่งกลับมา ข้าผู้เป็นผู้น้อยมิกล้ารบกวนเวลาพักผ่อน"
"ได้ๆ แต่ครั้งหน้าขอเชิญทานอาหารกันสักมื้อ" หวังโส่วเหรินพยักหน้ารับ เดินตามไปโดยมีเถียนซูหลินเดินตามหลังก้าวช้าๆ เพื่อรอให้หวังโส่วเหรินเดินมาใกล้ๆและแอบกระซิบ
"นี่! ไม่ยักรู้ว่าเจ้าจะรู้จักพูดกับเขาเหมือนกัน"
"ข้าก็เหมือนกับพี่สาวนั่นแหละที่กล้ากล่าวว่าดักรอบิดานอกจวนทุกวันพอบิดาได้ฟังย่อมหัวใจพองโต" นางตีไหล่อีกฝ่ายเบาๆ เมื่อถูกอีกฝ่ายนำคำพูดของตนมาล้อ แต่นางไม่ยักกับโกรธกลับรู้สึกดียิ่ง
“ทำให้คนชื่นชอบต้องรู้จักโกหกบ้าง” นางพูดอย่างลำพองทำให้หวังโสว่เหรินแอบยิ้มที่มุมปาก