ตอนที่ 20

1843 คำ
เมื่อหวังโสว่เหรินได้ออกมาเผชิญโลกภายนอกโดยที่ตนเองไม่ต้องอยู่แต่ในรถม้า สองขายืนบนพื้นมั่นคง สีหน้าท่าทางตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด แม้เขาจะอายุสิบห้าแล้วก็ตามแต่เพราะแต่ไหนแต่ไรเขาก็เป็นบุรุษที่ไม่เคยพบเจอโลกภายนอก เมื่อได้ออกมาทุกอย่างรอบตัวล้วนเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับเขา "ข้าอยากเลือกพู่กัน" เขาเห็นร้านขายเครื่องเขียน ปากก็เอ่ยขึ้นมาทันที ส่วนหัวตานยิ้มรับพลางผายมือเชื้อเชิญให้นายเดินเข้าร้านเครื่องเขียนอย่างรื่นรมย์ ทว่าฝีเท้าต้องชะงักเมื่อสตรีที่ติดตามมาด้วยดูจะไม่ยินยอม "เครื่องเขียนมีอะไรน่าซื้อกัน ของพื้นๆเช่นนั้น ไม่ใช่บิดาเจ้าหาได้ดีกว่านี้หรืออย่างไร" เถียนซูหลินเบ้ปากบ่น "ของดีๆทั้งนั้นเลยนะ หรือเป็นเพราะเจ้าไม่ชอบเขียนหนังสือ อย่างน้อยเจ้าก็ควรเลือกไว้ใช้บ้าง ข้าออกเงินให้ก็ได้" นางฟังคำตัดพ้อแกมปรามาส นางได้จังหวะใช้ฝ่ามือตบเข้าที่ศีรษะอีกฝ่าย แต่ไม่แรงนัก "เจ้าๆๆ เรียกข้าว่าเจ้าตลอด เจ้าอายุเท่าไหร่ และข้าอายุเท่าไหร่ พี่สาว! เรียกข้าว่าพี่สาว" "เจ้าอายุมากกว่าข้าแค่ปีเดียวเองเรียกทำไม อีกอย่างข้าก็สูงเกือบจะเท่ากับเจ้าแล้วนะ พี่สาวอะไร ข้าไม่เรียกหรอก" "อ๋อ..." นางลากเสียงยาว "เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกคิดจะฆ่าขุนพลเช่นข้าใช่ไหม" "ไม่ใช่เสียหน่อย ข้าไม่อยากเรียกพี่สาว เรียกชื่อเจ้าเฉยๆ ไม่ได้หรือ? ห่างกันแค่สองปีใครจะไปดูรู้ว่าข้าอายุน้อยกว่าเจ้า" คำพูดของหวังโสว่เหรินทำให้นางนึกถึงคำพูดหนึ่ง เรียกชื่อข้าได้ไหม? ข้าไม่อยากให้เจ้าเรียกข้าห่างเหินเช่นนั้น นางนึกถึงคำพูดที่ตนเคยเอ่ยกับเจิ้งโหย่งเฉียน ดวงตานางก็เศร้าโดยทันที นางไม่ได้ไปจวนสกุลเจิ้งนานแล้วสินะ หากเป็นแต่ก่อน ไม่พ้นวันที่สามนางก็ต้องไปที่นั่น ราวกับว่าจวนสกุลเจิ้งเป็นจวนของนางไปเสียแล้ว "นี่ เจ้าเป็นอะไร" เสียงเรียกของหวังโสว่เหรินดังจนทำให้นางหลุดจากภวังค์ นางตวัดสายตามองชายที่สูงกว่านางเพียงนิด "อยากเรียกอะไรก็เชิญ ส่วนพู่กันเจ้าอยากเลือกก็เข้าไปเลือก ถือเสียว่าวันนี้เป็นวันปลดปล่อยวิญญาณเช่นเจ้าก็แล้วกัน" เขาชินชากับคำพูดของนางเสียแล้ว ปากนางร้ายทั้งมือไวเขามักจะโดนนางตีบ่อยๆ จนชิน หากมีพี่สาวแบบนี้เขาย่อมชอบเป็นธรรมดา แต่เขาไม่อยากเรียกนางว่าพี่สาวนี่นา ระหว่างที่ทั้งสองเข้าไปยังร้านเครื่องเขียน ไม่มีใครเห็นว่ามีดรุณีน้อยกับสาวใช้ที่ยืนดูเหตุการณ์ระหว่างเขาทั้งสองอยู่ เพราะความคุ้นหน้าของเถียนซูหลินย่อมเป็นไปไม่ได้แน่ว่าเจิ้งชิวยี่จะจำนางไม่ได้ "ที่แท้นางก็มีสหาย เชอะ! หาคนคบไม่ได้ ก็ไปคบกับผู้ชายอีกคน ใช้ใบหน้าหลอกล่อบุรุษ ไม่นานพอเขาล่วงรู้ว่านางร้ายกาจขนาดไหน ก็คงจะเลิกคบไปเอง เราไปเถอะ!" "แต่นางก็ไม่ได้มาจวนเรานานแล้วนะเจ้าคะ คุณหนู" สาวใช้กล่าวจนทำให้เจิ้งชิวยี่คิดได้ "ใช่! นางไม่ได้มาหลายวันแล้ว แต่ก็ดีนี่นาคุณหนูหลิวมาจะได้ไม่ลำบากใจ" นางคิดว่าหลินถานซวงเป็นสตรีที่เหมาะสมกับพี่สามของนางที่สุด ทั้งรูปร่างหน้าตากริยามารยาท ศาสตร์ของสตรีไม่แพ้ผู้ใด หากตระกูลพ่อค้าของนางได้เกี่ยวดองกับข้าราชการในราชสำนักจะดีแค่ไหน อย่างน้อยพี่สามก็เป็นถึงทหารและเลื่อนขั้นเป็นถึงแม่ทัพ นางจำได้ว่าพี่สามมักถูกบิดามารดาต่อว่าเรื่องไม่สนใจกิจการของตระกูล แต่หันไปจับดาบฝึกกระบองตั้งแต่ยังเยาว์ และขอสมัครเข้ากองทัพต้้งแต่อายุยังน้อย แต่สำหรับตัวเจิ้งชิวยี่กับพี่รองกับคิดว่าดีเพราะเส้นสายในเรื่องการค้ากับราชสำนักจะได้ไม่มีปัญหาในภายหน้า "คุณหนูเจ้าคะ....คุณหนูเจิ้งอยู่ฝั่งร้านเครื่องประดับตรงข้ามเราเจ้าค่ะ" อาม่านกระซิบบอกเมื่อเห็นใบหน้าของเถียนซูหลินเบื่อหน่ายกับการเลือกพู่กันของหวังโสว่เหริน นางปรายตามองตามที่ อาม่านบอก เมื่อเห็นอีกฝ่ายนางก็เบ้ปากไม่อยากจะเข้าไปสนทนาด้วย ทว่าอีกฝ่ายเหมือนถูกฉีกหน้า เมื่อเห็นกริยาเช่นนี้ของเถียนซูหลิน เจิ้งชิวยี่อยากจะเข้าไปตักเตือนแต่เมื่อคิดอีกทีสู้นางอยู่เฉยๆไม่เข้าไปทักทาย ทำเป็นไม่รู้จักอีกฝ่ายเสียจะดีกว่า ด้านเถียนซูหลินก็ไม่สนใจอีกฝ่ายเช่นกันทว่าเมื่อนางกำลังจะหันหน้ามามอง หวังโสว่เหรินพลันสายตาไปเห็นคนที่นางพยายามลืมเดินกับสตรีที่นางไม่ชื่นชอบ สตรียิ้มหวานบุรุษใบหน้านิ่งแต่เหมือนจะตั้งใจฟังคำที่อีกฝ่ายพูด ในใจเหมือนมีเชื้อเพลิงที่เริ่มติดไฟ นางพยายามไม่มองและหันไปเอ่ยกับหวังโสว่เหรินด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก "นี่! เจ้าเลือกเสร็จหรือยัง ข้าหิวจนไส้กิ่วอยู่แล้ว" "อ๋อ...เจ้าหิวหรอกหรอ ข้าจะจำไว้ว่าเวลาเจ้าอารมณ์ร้ายแสดงว่าเจ้ากำลังหิว" หวังโสว่เหรินที่ไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้นางฟาดฟันสายตากับผู้ใด เขากำลังพิจารณาพู่กันหลายต่อหลายแท่งที่วางอยู่ตรงหน้า ลูบไล้ขนของมันอย่างหลงใหล และไม่รู้ว่าเวลานี้เขาพูดกระตุ้นอารมณ์นางเข้าเสียแล้ว "เจ้าลูกสุนัข เจ้ากล้ายอกย้อนข้าใช่ไหม" บัดนี้นางอารมณ์พลุกพล่านและไม่สนใจว่าสินค้าที่เขาดูนั้นจะเลือกแล้วหรือยัง นางจับพู่กันทั้งหมดมาอยู่ในมือ "แท่งนี้ใช่ไหมที่เจ้าอยากได้?" นางจับมันหักทิ้งต่อหน้าเขา "หรือแท่งนี้ ไม่ใช่สินะ แท่งนี้แล้วกัน" นางไม่สนใจว่าใครจะรู้สึกอย่างไร นางร้ายกาจ แล้วไง? นางหักจนไม่มีแรงหักและเขวี้ยงใส่หน้าหวังโสว่เหริน "เก็บเงินที่เขา!"ทุกอย่างที่นางทำลายล้วนมีมูลค่า นางเป็นบุตรสาวของคหบดีใครจะไม่รู้เรื่องนี้กัน ด้านหวังโสว่เหรินมีสีหน้าไม่สู้ดี ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวได้มากเท่านางมาก่อน เขารีบให้หัวตานจ่ายเงินค่าเสียหายนั้น และรีบเดินตามคนที่อารมณ์รุนแรงเมื่อครู่นี้ อาม่านรู้สาเหตุจึงแอบเดินกระซิบเบาๆ ว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร แต่เพราะนางไม่เห็นเจิ้งโหย่งเฉียน นางจึงเอ่ยเฉพาะเรื่องของเจิ้งชิวยี่ให้อีกฝ่ายทราบ "เป็นข้าสินะที่กระตุ้นอารมณ์โกรธของนางให้พลุกพล่าน" อาม่านยิ้มแห้งแต่ก็ไม่กล้าที่จะสรุปเรื่องนี้ ทำเพียงก้มหน้าเดินตามเขาไปเท่านั้น "พี่สาว ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าโกรธเช่นนี้" คราวนี้หวังโสว่เหรินยอมเรียกอีกฝ่ายว่าพี่สาวอย่างไม่อิดออด เพราะหมายจะทำให้นางอารมณ์ดีขึ้น การมีสหายสำหรับเขาไม่ง่ายเลย และสหายที่ยอมให้เขากล้าเดินออกมาจากมุมมืดยิ่งหาได้ยากยิ่ง "ไม่ต้องมายุ่งกับข้า! เจ้าอยากไปไหนก็ไป" "ข้าอยากไปกับเจ้า ได้ไหมพี่สาว" นางหยุดยืนประจันหน้ากับเขา นางยังจ้องตาเขาเขม็ง ส่วนเขาก็จ้องตากลับอย่างไร้เดียงสา "ให้ข้าไปกับเจ้านะ ซูหลิน!" เขาเอ่ยชื่อนางทั้งที่ในใจยังหวั่นๆอยู่ว่านางจะโกรธเขาเพิ่มมากขึ้น "หึ! ในยามข้ามีประโยชน์ทุกคนก็ดีกับข้า พอเรือถึงฝั่งกับทิ้งข้าอยู่บนเรือเพียงลำพัง ให้ข้าเคว้งคว้างอยู่ในมหาสมุทร มีแต่คนทรยศหักหลังข้า เจ้าก็เหมือนทุกคนๆ เข้าใจไหม เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดไหม" ดวงตานางขึ้นเส้นเลือดจนอีกฝ่ายรับรู้ว่านางโกรธจัด เพียงเรื่องเล็กน้อยยังทำให้นางอารมณ์รุนแรงได้ถึงเพียงนี้ คงไม่ต้องหาคำอธิบายใดอีกว่าหากมีใครทำให้นางแค้น นางจะจัดการคนผู้นั้นอย่างไร "เจ้าอยากได้อะไร อยากกินอะไรไหม ข้าเป็นเจ้ามือเลี้ยงเจ้าเอง" นางมองตาขวาง ดวงตายังไม่ลดโทสะในใจ จนผ่านเวลาไประยะหนึ่ง เห็นเด็กน้อยที่นางปั้นแต่งไม่ลดความพยายามที่จะยืนรอให้นางอารมณ์เย็นลง "หิวแล้ว" เขายิ้มส่งให้เมื่อได้ยินนางยอมเอ่ยปากพูดกับเขาเสียที เขาพยักหน้ารับ "เช่นนั้นเจ้านำไป ข้าไม่รู้ว่าอาหารโรงเตี๊ยมไหนอร่อย" นางกรอกตาเบ้ปาก "อย่างเจ้ารู้ก็แปลกแล้ว แล้วจำไว้ว่ามากับข้า ทุกครั้งเจ้าต้องเป็นคนจ่าย" "แล้วถ้าข้าไม่มีเงินเล่า" เขาก้มหน้ากล่าวสลด เขายังไม่มีงานทำแล้วจะให้แบมือของเงินบิดามารดามาเที่ยวเล่น เขาละอายใจยิ่ง "ไม่มีเงินก็ต้องทำงาน ไม่ทำงานจะเอาเงินที่ไหน เจ้ามันโง่หรืออย่างไร" "แล้วข้าต้องทำงานที่ไหน อย่างข้าจะมีใครกล้ารับ ข้าเพิ่งจะออกจากจวนโดยเผยตัวครั้งแรกก็ได้เจ้านี่แหละ" นางลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรนะ เพราะโกรธคนเลวผู้นั้นจนต้องระเบิดอารมณ์กับคนของนาง แต่อย่างไรเขาก็ต้องฉลาด! "ไม่มีงานก็หาสิ หางานก็มีเงิน บิดาเจ้าเป็นขุนนางไม่ใช่หรอ ให้บิดาเจ้าช่วย เจ้าเป็นลูกผู้ชายหากอยู่ไปวันๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับไม้ผุ หญ้าเน่า [1] " นางดุใส่เขาจนเขาหน้าเสีย แต่ก็ค่อยยิ้มออกมาในไม่ช้า "เจ้าหายโกรธข้าแล้วใช่ไหม?" "ยังโกรธอยู่และจะโกรธมากกว่าเดิมหากเจ้ายังทำตัวอ่อนแอ ไม่มีสมองแบบนี้ ดูสิรูปร่างก็ผอมอย่างกับไม้เสียบขนมหวาน แขนขาก็ดูไร้เรี่ยวแรง จำไว้ถ้าไม่ใช่เพราะเปาเป่าข้ามีหรือจะสนใจคนอย่างเจ้า" นางยิ่งได้ระบายอารมณ์ที่อัดอั้นเมื่อครู่ออกมา อารมณ์ก็เริ่มดีขึ้น และเดินอาดๆเข้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง [1] "ชีวิตลูกผู้ชาย หากอยู่ไปวันๆ จะต่างอันใดกับ ไม้ผุหญ้าเน่า" คำพูดจาก งำเต็ก ในซีรีย์ปี1994. ถือเป็นคำพูดแนวปรัชญา สั่งสอนให้แง่คิดแก่คนรุ่นใหม่เพื่อเป็นแนวทางดำรงตน.
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม