ฉันเลิกเรียนตามปกติก่อนจะด้อม ๆ มอง ๆ หาตัวของใครบางคนขณะที่เดินผ่านเส้นทางเดินประจำด้วยความหวาดระแวงเป็นพิเศษ และแน่นอนว่าฉันได้เจอกับพวกเขา…ทั้งกลุ่ม
ฉันเดินผ่านพวกเขาไปตามปกติถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะกดดันเพราะลุ้นมากก็ตามที
“สองวันแล้วนะเว้ย ยังไม่คืบหน้าอยู่อีกเหรอวะ”
“เออ ไว้เจอกันมึงอย่าพูดมาก” วิคเตอร์ถอยหลังเดินตามฉันพลางโบกมือลาเพื่อนอย่างใจเย็น
“เออ ๆ” เพื่อนเขาตะโกนกลับมาอย่างขบขัน
ฉันรีบกดโทรศัพท์ด้วยเลขหนึ่งเก้าหนึ่ง พร้อมที่จะกดโทรออก วิคเตอร์รีบแย่งมือถือฉันไปด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนกพร้อมพยายามห้ามปรามฉัน
“ใจเย็นสิคุณหมอฉันแค่จะไปเอารถที่คอนโดเธอไง”
“เอาโทรศัพท์ฉันคืนมา” ฉันเอ่ยเสียงแข็ง
“ก็ไม่ได้คิดจะเอาไปใช้หรอกน่า” เขาคืนให้อย่างว่าง่าย
ฉันรับมาและชี้ระยะห่างให้เขาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง วิคเตอร์พยักหน้าเป็นอันเข้าใจก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าตามมาด้วยความเงียบสงบ
ฉันเดินข้ามสะพานลอยปกติพร้อมหันมองไปรอบ ๆ มันคือบรรยากาศที่อบอุ่น ฉันชอบมันเวลาที่รู้สึกเบื่อหน่าย
กลับมีชีวิตชีวาขึ้นมายามได้สัมผัสบรรยากาศและวิวทิศทัศน์สวยงามแบบนี้
“คิดยังไงถึงยอมทิ้งรถตามฉันมาล่ะ” ฉันถามเขาที่เดินเงียบมาตลอดทางราวกับว่าเป็นคนละคนซะอย่างงั้น
“ตั้งใจจะทำอะไรก็ต้องไปให้สุดทาง” เขาตอบเสียงเรียบ
“ฉันรู้นะว่านายมีเจตนาอะไร หาเป้าหมายใหม่เถอะ” ฉันแนะนำเขาอย่างเป็นมิตร
เป็นเพราะรูปลักษณ์ภายนอกฉันมันน่าเอ็นดูตัวเล็กตัวน้อยต่างจากนิสัยที่แท้จริงของฉันน่ะสิ วิคเตอร์กับฉันก็เป็นเหมือนไก่เห็นตีนงูงูเห็นนมไก่นั่นแหละนะ
“อืม ฉันก็ไม่ค่อยชอบตื๊อใครเท่าไหร่เธอไม่สนใจฉันก็จะไปละ” เขาพูดอย่างเย็นชาไม่แม้แต่จะมองมาที่ฉัน ซึ่งนั่นแหละคือตัวตนที่แท้จริงของเขา
ผู้ชายที่แสนเจ้าเล่ห์กำลังเผยธาตุแท้ออกมาต่อหน้าฉัน
“….” ฉันไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดอะไรอีก
พวกเราต่างก็เดินมาถึงจุดหมาย และเพื่อตอบแทนความดีของเขา (น่าจะไม่ใช่) ที่ยอมปล่อยฉันไป ฉันจึงอาสาไปส่งเขาที่รถอย่างเป็นมิตร
“ถือซะว่าฉันได้เพิ่มเพื่อนมาหนึ่งคนก็แล้วกันนะคุณหมอ” เขาพูดขณะกำลังนั่งลงบนรถหรู
“อือ ขับรถดี ๆ” ฉันเอ่ยพลางถอยออกมาเล็กน้อย
เขาขับรถออกไปพร้อมยกมือลาอย่างแมน ๆ ฉันจึงยกมือลากลับไม่ได้สนใจอะไรเขามากนัก เมื่อรถของเขาขับออกไปลับตาแล้ว ฉันก็อดที่จะโปรยยิ้มออกมาไม่ได้ ในที่สุดชีวิตของฉันก็กลับมาสงบอีกครั้งแล้วล่ะ
---
@ผับB
“ชนแก้ว!!” ฉันและเพื่อนในกลุ่มชนแก้วพร้อมกระดกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าปาก
หลังจากที่พวกเราได้ทำโปรเจคเสร็จสักทีในระยะเวลาถึงสามเดือนเต็มที่ผ่านมา ฉันจึงถูกชวนมาฉลองที่ผับBกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง พวกเราโยกย้ายส่ายสะโพกกันอย่างเต็มที่
ฉันที่ไม่ค่อยได้ออกมาผ่อนคลายมากนักก็จัดเต็มเช่นเดียวกัน เพื่อสะบัดความเครียดไปด้วยในตัวเสียงเพลงตื๊ดดังอยู่ทั่วโสตประสาทของฉันจนแทบจะไม่ได้ยินสิ่งรอบข้างเลยซ้ำ
“ชนแก้วกันนะต้นข้าว” เพื่อนร่วมสาขาเดินเข้ามาทักทายฉันซึ่งปกติแล้วเราสองคนไม่เคยคุยกันมาก่อน
“อื้อ” ฉันยิ้มอ่อนพลางชนแก้วทักทายชายแปลกหน้า
ฉันยอมรับว่าตัวเองเริ่มกึ่มได้ที่เลย อาการมึนเมามันเริ่มถาโถมเข้ามาเรื่อย ๆ ชวนให้ฉันยิ้มแย้มแจ่มใสก่อนจะยืนเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกซ้ายขวาอย่างไม่อายใคร
‘ปริม’ ดูสนใจฉันเป็นพิเศษเขายิ้มหวานจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์พลางเข้ามาคลอเคลียโอบเอวบางฉันจากด้านหน้า ฉันสบตากับเขาอย่างสนุกสนานเพื่อความสนุกชั่วคราว ซึ่งปกติแล้วฉันไม่มีทางเปิดเผยด้านนี้ให้ใครเห็นมากนัก
วิคเตอร์ Talk…
@ชั้นบนของผับB
ภายในห้องกระจกด้านบนของผับผมและผองเพื่อนตัวแสบมักจะมาสังสรรค์กันที่นี่เป็นประจำเพื่อหาสาวสวยจากด้านล่างที่ถูกใจมาจัดการ มันเป็นเรื่องปกติของพวกผมมากเพราะหนึ่งในเพื่อนผมมันเป็นหลานรักกับเจ้าของผับ พวกผมจะทำอะไรก็ได้และที่สำคัญพวกเธอส่วนใหญ่ก็ต้องการถูกพวกเราเลือกเช่นเดียวกัน
ผมนั่งจิบไวน์ในมือพลางเหลือบมองลงไปดูสาวในชุดเดรสสั้นสีดำระยิบระยับกำลังโยกย้ายส่ายเอว มือเรียวของเธอโอบกอดรอบต้นคอของใครบางคนอย่างเล่นหูเล่นตา พอมองดูดี ๆ แล้วผมก็รู้ได้ทันทีว่านั่นคือ ต้นข้าว ผู้หญิงที่หยิ่งยโสกับผมเป็นที่สุด
“เหอะ” ผมสบถออกมาพร้อมรอยยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ไม่ลงไปทำคะแนนวะ” ไอ้วายุเดินมายุแยงผมเมื่อซุบซิบกันเสร็จแล้วว่านั่นคือยัยคุณหมอหน้าเฉิ่มจริง ๆ
“กูไม่จีบแล้ว”
“แค่นี้มึงยอมแพ้แล้วไงไอ้วิคเตอร์” มีคุณเดินมาซ้ำเติมผมก่อนที่มันจะแย่งแก้วไวน์ผมไป
“เออ รายนั้นน่ะจืดจะตายห่า…เอาแก้วกูมา” ผมบ่นแล้วหันไปแย่งแก้วกับไอ้มีคุณมาดื่มต่อ
“จืดยังไงวะ มึงเห็นไหมว่าเขากำลังร่อนเอวบาง ๆ แต่งตัวเซ็กซี่มาเที่ยวกลางคืน” มีคุณเอ่ยต่อราวกับว่ามันจงใจสะกดจิตผม
“เออ ไม่จืดนะเว้ยทรงนี้” วายุเสริม
“ในเมื่อมึงยอมแพ้แล้วงั้นกูเสียบแทนก็แล้วกัน เสียของไอ้ควาย” ไอ้เต้ที่ยืนฟังเงียบ ๆ อยู่นานเอ่ยขอผม น่าจะเป็นคำบอกเล่ามากกว่าเสียด้วยซ้ำ
เอาเหอะ! จ้างให้แม่งก็จีบไม่ติดหรอกยัยนี่ไม่น่าจะสนใจใครเลยก็ว่าได้ ผมนั่งมองเธอเต้นอย่างสนุกสนานก่อนจะถูกผู้ชายในอ้อมกอดเริ่มล้วงเธอทั่วแผ่นหลังขาวเนียนนั่น
“หึ” ผมเค้นเสียงหัวเราะในลำคออย่างไม่ใส่ใจนัก
เหล้าเข้าปากแล้วเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยนะ ทีก่อนหน้านี้กลัวผมยิ่งกว่าผี ยัยนั่นยิ้มยั่วยวนก่อนจะแกะมือมันออก นั่นไง…ผมบอกแล้วว่ายัยนี่ไม่เอาใครสักคนหรอก
ไอ้เต้วางแก้วลงแล้วมองหน้าผมนิ่งสักพักแทนการยืนยันคำตอบว่าผมจะให้มันเสียบต่อจริง ๆ ใช่ไหม ผมไม่แม้แต่ชายตามองมันสักนิด ก่อนนัยน์ตาของผมจะเบิกกว้างขึ้นมาเมื่อเห็นเธอผลักหมอนั่นออกเต็มแรงแล้วเร่งรุดเดินไปห้องน้ำ และไอ้เวรก็ดันตามไปติด ๆ ….เชี่ยแล้วไง เมาขนาดนั้นยังไงเธอก็ไม่รอด
“รอดูกู” ไอ้เต้เอ่ยขึ้น แต่ผมกลับไม่สนใจมันเลยสักนิด
“เฮ้ย ๆ ไปไหนวะวิคเตอร์” วายุมองตามผมอย่างงงงวย จู่ ๆ ผมก็เดินลงไปด้วยความเร่งรีบจนพวกมันเห็นได้ชัดว่าผมกำลังตกใจกับอะไรบางอย่างอยู่
“หวงก้างนี่หว่า” ไอ้เอกแซวไล่หลังเพราะมันกำลังเห็นว่าผมจ้องจะเดินตามต้นข้าวไป
ต้นข้าวพยายามสะบัดแขนออกจากการจับกุมของไอ้เวรตะลัยที่เต้นด้วยกันอยู่ก่อนหน้าและพยายามพยุงตัวเองเข้าไปในห้องน้ำหญิง
“ผู้หญิงเขาไม่เอา จะตามเขามาทำไมวะ” ผมเดินไปประชิดข้างมัน
“ก็แค่มาดูว่าต้นข้าวไหวไหม แกรู้จักต้นข้าวรึไง”
“เออ มีปัญหาไหม”
“…” ไอ้หนุ่มหน้าหวานมันนิ่งเงียบไปสักพักหนึ่ง แม่งโคตรมีพิรุธสุด ๆ เลยก็ว่าได้ ทรงนี้คงจะอยากได้ยัยจืดจนตัวสั่นแล้วสิท่า
ผมมองมันอย่างน่าสมเพชก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้าห้องน้ำชายไป ในใจก็อยากจะรอต้นข้าวอยู่หน้าห้องน้ำนั่นแหละ แต่ดูแล้วเธอคงจะแก้ปัญหาของตัวเองได้
ผมสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวพร้อมกับล้างมือแก้เขินไป มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ผมจะต้องเป็นห่วงยัยจืดชืดเหมือนแกงจืดไม่มีรสชาติ แต่อีกใจหนึ่งมันก็น่าเป็นห่วงจริง ๆ เพราะเธอดันเป็นผู้หญิงที่ระวังตัวมากเหลือเกิน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้ยอมมาปล่อยตัวเสียท่าเอาง่าย ๆ ที่นี่