“มาแล้วเหรอพ่อหนุ่ม โอ๊ะวันนี้พาสาวน้อยมาด้วยแฮะ”
“ครับลุง ผมเอาเหมือนเดิมนะครับ น้องฝันเอาอะไรครับ”
“เหมือนพี่ลมก็ได้ค่ะ” มาถึงร้านโจ๊กซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยจริงอย่างที่เขาพูดเอาไว้ แม้ร้านนี้จะเป็นร้านเล็ก ๆ แต่ก็มีลูกค้าจนแน่นเรียกได้ว่าฉันเองก็ไม่เคยมาร้านนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแถวมหาวิทยาลัยมีร้านแบบนี้ด้วย ถึงแม้ว่าฉันจะยังแปลกใจอยู่ที่พี่สายลมมาตีสนิทกับฉันแบบนี้ก็ตาม
ฉันเดินเข้าไปด้านในตามพี่สายลมที่เดินนำทางฉันเข้าไปด้านในก่อน เขาเลื่อนเก้าอี้ให้ฉันนั่งก่อนที่ตัวเองจะเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามฉัน ในตอนที่เขาเดินผ่านมีลมพัดอ่อน ๆ พัดมาด้วย ฉันได้กลิ่นหอมสดชื่นออกมาจากตัวของเขา เขาทำแบบนี้ทำเอาเสียฉันอยากรู้เลยว่าเหตุผลที่เขาเข้าหาฉันคืออะไร
“น้ำดื่มที่นี่เป็นน้ำฟรีนะ แต่เป็นน้ำชาน้องฝันกินได้ใช่มั้ย”
“ได้ค่ะ”
“อ่า งั้นรอแป๊บนึงนะพี่ไปตักน้ำแข็งให้ พอดีร้านนี้ต้องบริการตัวเองน่ะ” ฉันรีบลุกขึ้นทันที ถึงแม้จะสงสัยเขามากแค่ไหนแต่ว่าฉันจะปล่อยให้เขามาบริการฉันอยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้หรอกนะ
“เดี๋ยวพี่ทำเองก็ได้ครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฝันจะช่วย” พี่สายลมยิ้มให้ฉัน ก่อนจะยื่นแก้วน้ำพลาสติกที่ในนั้นมีน้ำแข็งแบบเกล็ดอยู่ด้วย เขาหยิบหลอดสั้นมาเสียบไว้ แล้วเดินกลับมานั่งที่พร้อมกับฉัน
“เอ่อ ทำไมพี่ถึงมาคุยกับฝันแบบนี้ล่ะคะ” ฉันอยากรู้ใจจะขาดแล้ว เพราะการที่เขาทำกับฉันแบบนี้บอกตรง ๆ ว่าฉันมีความหวัง ฉันไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อน แต่ใช่ว่าจะไม่เคยมีคนรักหรอกนะ ฉันเคยมีแฟน และฉันก็ไม่ใช่สาวบริสุทธิ์อะไร
ลักยิ้มข้างแก้มข้างซ้ายบุ๋มลงไปฉันได้เห็นรอยยิ้มอบอุ่นของเขาอีกครั้ง เขายื่นมือไปรับถ้วยโจ๊กที่ลุงเจ้าของร้านยกมาให้ ทำให้ฉันเองก็ทำตัวไม่ถูก
“ได้แล้วพ่อหนุ่ม”
“ขอบคุณครับลุง” คุณลุงอายุน่าจะประมาณหกสิบกว่า ๆ ล่ะมั้ง หันมาส่งยิ้มให้กับพี่สายลม แล้วมองมาที่ฉันด้วยสายตาล้อเลียนอย่างไรก็ไม่รู้แถมยัง...
“แฟน น่ารักดีนะ” แซวอะไรแปลก ๆ ด้วย
“ตอนนี้ยังไม่ใช่ครับลุง ผมกำลังพยายามอยู่” ตาคนนี้แปลกกว่าอีก พยายามอะไร ทำไมถึงตอบไปแบบนั้น
“ฮ่า ๆ ๆ อ้าวเหรอ งั้นก็พยายามเข้าล่ะ แม่หนูใจอ่อนหน่อยเถอะพ่อหนุ่มคนนี้นิสัยดีนะ มากินโจ๊กที่ร้านลุงสามปีแล้วเพิ่งเคยเห็นพาสาวที่ไม่ใช่เพื่อนมาครั้งแรกนี่แหละ”
คุณลุงเดินไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ แต่ที่น่าหงุดหงิดสำหรับฉันก็คือพ่อหนุ่มตรงหน้าที่ยิ้มจนแก้มแทบฉีก ยิ้มจนลักยิ้มบุ๋มลงไป ยิ้มจนตาปิด แถมหูยังแดงอีกด้วย
“พี่พูดอะไรนะคะ”
“พี่พูดจริงนี่ครับ” เขาปรุงรส ไม่สบตาฉันดูประหม่าอย่างไรก็ไม่ทราบ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรแม้จะใจเต้นอย่างรุนแรงก็ตาม แต่ฉันก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ไม่ใช่หรือไง ฉันก็อยากรู้ใจจะขาดว่าที่ลุงเขาแซวมามันจริงหรือพี่สายลมเขาแค่แกล้งฉันเล่น
“พี่ จีบฝันเหรอคะ”
“พี่แสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ชัดค่ะ ชัดมาก ตอนแรกก็คิดว่าเป็นโรคจิต แต่ตอนนี้มันชัดมากว่าเขารู้สึกยังไง เพราะอาการหูแดง อาการประหม่า และไอ้อาการเขินอายที่ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยนั่นด้วย
แกล้งสักหน่อยดีกว่า
“ก็ไม่นะคะ ฝันคิดว่าพี่เป็นพวกโรคจิตมากกว่าค่ะ ที่มาตามติดคนที่ไม่รู้จักแบบนี้” เขาดูหน้าเหวอไปเลย น่ารักชะมัด อาการของเขาทำให้ฉันอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“คิก... คิก...”
“แกล้งพี่เหรอครับ”
“เปล่านี่คะ”
“ในเมื่อน้องฝันรู้จุดประสงค์ของพี่แล้ว งั้นจะยอมให้พี่จีบมั้ยครับ” ฉันไม่กล้าตอบเขากลับไปเลยแม้แต่น้อยได้แน่นั่งก้มหน้าแล้วกินโจ๊กไปอย่างเงียบ ๆ
จีบงั้นเหรอ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนที่เข้ามาหาฉันด้วยวิธีแปลก ๆ แบบนี้ด้วย
“ถ้ายังไม่โอเค พี่ขอช่องทางติดต่อไว้หน่อยได้มั้ยครับ”
พี่สายลมเลื่อนสมาร์ตโฟนเครื่องหรูมาไว้ตรงหน้าฉัน อันที่จริงฉันจะปฏิเสธก็ได้แต่ฉันเลือกที่จะหยิบเจ้าเครื่องมือสื่อสารนั้นมากดเพิ่มเบอร์โทรศัพท์ของฉันลงไปแทน ฉันเหลือบตาขึ้นดูเล็กน้อยเห็นลักยิ้มบุ๋มของเขาก็รู้ได้เองว่าเขากำลังพอใจมากแค่ไหน
“เดี๋ยวพี่เดินไปส่งนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ไม่เอาน่า” ฉันกำลังลังเลอยู่ได้ไม่นานอยู่ ๆ ก็มีเสียงเอะอะดังขึ้นจากทางเข้าหน้าร้านโจ๊ก ฉันหันไปมองก็เห็นว่าเป็นกลุ่มผู้ชายสักประมาณห้าคนได้ ทุกคนต่างก็ดูดีหมดคล้ายกับพี่สายลมที่นั่งอยู่ตรงข้ามฉันเลย ฉันหันกลับมาอีกครั้งก็เห็นว่าพี่สายลมนั่งยกมือขึ้นบังใบหน้า แถมยังก้มหน้าราวกับว่ากำลังหลบอะไรบางอย่างที่ตัวเองไม่อยากเจอ
“นั่นใครน่ะ ไม่ใช่ไอ้ลมหรอกมั้ง” หนึ่งในกลุ่มนั้นพูดขึ้น
“ลุงครับ พวกผมเอาเหมือนเดิมเลยส่งที่โต๊ะไอ้ลม” ถ้าฉันหูไม่ฝาดฉันคิดว่าฉันได้ยินเสียงพี่สายลมจิ๊ปากอยู่นะ
“ไปเรียนเลยมั้ยครับเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“โอ้โห พอเพื่อนมาก็พาสาวหนีเลยนะไอ้เวร!” คนนี้ตัวสูงกว่าเพื่อนเลยเดินเข้ามาที่โต๊ะฉัน ก่อนจะนั่งลงข้างพี่สายลมที่ชักสีหน้าไม่พอใจ เขาใช้แขนคล้องคอของพี่สายลมแล้วมองมาที่ฉันก่อนจะระบายยิ้มออกมาอย่างแปลก ๆ
“อ้าว นี่มันน้องที่มึงเคยบอกว่าชอบนี่หว่า” ชอบ?
“อะไรวะ ตั้งสองปีแล้วเพิ่งจะได้เข้าหาเนี่ยนะ” สะ สองปีอะไร?
“เฮ้ยเสียชื่อหมด เห็นชอบน้องเขาทั้งแต่ปีที่แล้ว แล้วนี่หว่า อย่าบอกนะว่ามึงเพิ่งกล้าเข้ามาทักเขาอ่ะ”
“ไม่สิ หรือมึงซุ่มคบน้องเขามาตั้งแต่ปีที่แล้ว แล้วพวกกูไม่รู้วะ” ไม่ใช่ค่ะ เพิ่งรู้จักกันเมื่อวาน
“เป็นไปได้เหรอวะ มันก็อยู่กับพวกเราตลอดนะเว้ย” คนนี้ดูจะมีสติที่สุดแล้ว
“ถามน้องเขาเลยไม่ดีกว่าเหรอวะ น้องครับรู้จักไอ้ลมเพื่อนพี่นานแล้วเหรอครับ” อ้าว ไหงเป็นมาคุยกับฉันแทนล่ะ
ฉันกำลังเบลอกับความหล่อหน้าตาดีที่ละลานตา เพื่อนของเขา ลักษณะคล้ายพวกคุณชายจากตระกูลร่ำรวยเหมือนเขาเปี๊ยบเลยล่ะ แต่ว่าฉันรู้สึกว่าฉันฟังพวกเขาไม่ทันเลยนะ เขาพูดอะไรกันบ้างแล้วนะ
“เอ่อ...”
“น้องเขาตกใจหมดแล้ว อะไรของพวกมึงเนี่ย” พี่สายลมเริ่มมีปากมีเสียงบ้างแล้ว
“ขอโทษทีครับ พอดีพวกพี่ตื่นเต้นที่จะมีสะใภ้คนแรกของกลุ่มน่ะ ว่าแต่รู้จักกับไอ้ลมนานแล้วเหรอครับ ทำไมพี่เพิ่งเห็นเราล่ะ” สะ สะอะไรนะ สะใภ้?
“พะ เพิ่งรู้จักเมื่อวานค่ะ”
“หะ! / หะ! / หะ! / หะ! / หะ!” พี่ ๆ ทั้งห้าคนต่างก็ ‘หะ!’ ออกมาพร้อม ๆ กัน ทำเอาฉันตกใจไปด้วยเลย ก็คนเพิ่งรู้จักกันจะให้ฉันโกหกว่าอะไรล่ะ
“ให้ตายเถอะไอ้ลมที่พวกกูบอกให้มึงมาจีบน้องเขาทั้งแต่ปีที่แล้ววันรับน้องน่ะ มึงปล่อยเวลามาจนน้องขึ้นปีสองเลยเหรอวะ” เดี๋ยวนะ!
“อ้อ เพราะว่าน้องมีข่าวว่ารุ่นพี่ปีสี่มาจีบสินะ มึงเลยเพิ่งจะเริ่มเดินหน้าน่ะ” ระ รุ่นพี่ปีสี่? จีบ? รับน้อง?
อิหยังวะเนี่ย!?