เซอร์ไพรส์
ในวันที่เธอเรียนจบจากต่างประเทศแล้วเดินทสงกลับมาเมืองไทยครั้งแรกในรอบ 4 ปี เพรำะเธอบินไปเรียนต่อตั้งแต่แม่เธอเสียชีวิตลง เธอตั้งใจกลับมำเพื่อเซอร์ไพรส์พ่อ อยำกเห็นสีหน้าว่าพ่อจะเป็นยังไงเมื่อได้เจอเธอ พ่อจะดีใจมากแค่ไหนเธอคิดได้ดังนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“พ่อต้องเซอร์ไพรส์มากแน่ๆ เลย ที่เมย์มาแบบไม่ได้บอกแบบนี้ คิดถึงพ่อจัง”
เธอพูดแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้น
เธอนั่งรถแท็กซี่มาจอดที่หน้าบ้านแล้วก็มองเข้าไปในบ้านอย่างคิดถึงที่ไม่ได้เห็นมานานถึง 4 ปีเต็มแล้วเธอเดินลงมาจากรถแล้วยืนอยู่หน้าบ้านมองอย่างยิ้มๆ แล้วกดออดหน้าบ้านรอคนมาเปิดประตู เธอยืนรออยู่สักพักก็เห็นคนวิ่งมาที่หน้าประตู
“คุณมาหาใครคะ?”
เธอหันไปมองลอดแว่นตามองคนงานในบ้านที่เธอรู้สึกไม่คุ้นหน้าคุ้นตา
“คุณพ่อ... เอ่อออ มีใครอยู่บ้านมั้ย?”
เธอพูดลอดผ่านประตูเข้าไป
“แล้วคุณมาหาใครละคะ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้านหรอกคะ คุณค่อยมาวันอื่นแล้วกันนะคะ?”
แม่บ้านกาลังจะหันหลังเดินไป
“เดี๋ยว ป้าขวัญอยู่มั้ย?”
เธอถามออกไปก่อนที่แม่บ้านคนนั้นจะเดินไป
“อ่อ มาหาป้าขวัญนี่เอง เดี่ยวไปบอกให้นะ คุณรอตรงนี้แหละ”
เธอหันหลังเดินไป แล้วก็ทาปากขมุบขมิบเหมือนพูดอะไรสักอย่าง
“ใครเนี้ย นี่ถ้าฉันไม่ได้จะมาเซอร์ไพรส์คุณพ่อนะ ฉันไม่ยอมให้แกมายืนทาสีหน้าแบบนี้ใส่ฉันหรอกนะ นังคนใช้ ชิส์”
เธอรู้สึกไม่พอใจที่คนงานในบ้านชักสีหน้าใส่เธอ เมื่อรู้ว่าเธอแค่มาหาป้าขวัญ
“ทาไมไปนานขนาดนี้ คอยดูนะถ้าฉันได้เจอคุณพ่อฉันจะไม่ยอมปล่อยแกไว้แน่ โอ้ยยย ร้อนจะตายแล้วเนี้ย…”
เธอเริ่มหงุดหงิดเพราะอากาศร้อน แต่อยู่ๆ ประตูก็เปิดออก
“ทาไมอยู่ๆ ดีประตูก็เปิดหละ หรือว่าป้าขวัญออกมาแล้ว”
เธอยิ้มดีใจที่อยู่ๆ ประตูรั้วก็ถูดเปิดออกซึ่งเธอคิดว่าป้าขวัญแม่บ้านคนสนิทของแม่เธอรู้ว่าเป็นเธอที่อยู่หน้าบ้าน แล้วอยู่ๆ ก็มีรถเบ๊นท์สีดาขับผ่านเธอเข้าไปในบ้าน
“นี่รถใคร... เดี่ยวซิ นี่อย่าเพิ่งปิดซิ ฉันยังไม่ได้เอากระเป๋าเข้ามาเลยนะ นี่เดี๋ยว...เปิดก่อน”
เธอโวยวายที่เดินเข้ามาในบ้านได้แต่อยู่ๆ ประตูก็ปิดลงเพราะกระเป๋าของเธอยังอยู่ข้างนอกอีก 2-3 ใบ
“คุณๆ เข้ามาได้ยังไงครับ?”
รปภ.ที่เฝ้าประตูเป่านกหวีดแล้วก็รีบวิ่งมาที่เธอ
“ก็ประตูมันเปิดออกฉันก็เลยเดินเข้ามา นี่มาก็ดีแล้วช่วยออกไปขนกระเป๋าของฉันที่อยู่ข้างนอกเข้าไปในบ้านให้หน่อยนะ”
“แล้วคุณเป็นใครครับ คุณมาหาใคร?”
“ฉันเมย์ษญาลูกสาวคนเดียวของคุณพ่อ ในเมื่อคุณพ่อไม่อยู่ฉันก็ไม่มีความจาเป็นต้องเซอร์ไพรส์ละ”
“เดี๋ยวครับ”
รปภ เรียกเธอที่กาลังจะเดินไป
“ผมรู้แค่คุณท่านมีหลานชาย คุณอย่ามาพูดจาโกหกเลยครับ เชิญคุณออกไปจากบ้านด้วย เพราะไม่อย่างนั้นผมจะเรียก รปภ. ที่อยู่รอบๆ บ้านทั้งหมด 10 คน มาจับคุณ”
เธอเริ่มโมโหที่ รปภ. พวกนี้พูดจาไม่รู้เรื่องแล้วแถมยังไม่รู้จักเธออีก
“นี่ ถ้าแกให้พวกของแกมาแตะต้องตัวฉันแม้แต่นิดเดียวนะ ฉันไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่...นี่...อย่าเข้ามานะ”
เธอพยายามวิ่งหนี รปภ. ที่กาลังจะเดินเข้ามาหา เธอจึงรีบวิ่งหนีเข้าไปในบ้าน
“ไอ้พวกบ้าเอ้ย...ทาไมฉันจะต้องมาวิ่งหนี รปภ. ที่ดูแลบ้านตัวเองด้วยเนี่ย”
เธอวิ่งไปก็บ่นไป
“หยุดนะคุณ ผมบอกให้หยุด”
รปภ.เป่านกหวีดวิ่งไล่ตามเธอเข้ามาจนถึงในตัวบ้าน
“เกิดอะไรขึ้น ทาไมเสียงดังโวยวาย?”
ผู้ชายที่ใส่ชุดสูทสีดาออกมาเพราะได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย เธอหยุดชะงักเมื่อเห็นเขาเดินลงมาจากรถ
“ผู้หญิงคนนี้ครับเข้ามาในบ้านแล้วบอกว่าเป็นลูกสาวคุณท่าน ผมไม่เชื่อเลยจะจับเธอออกไป แต่เธอไม่ยอมวิ่งหนีเข้ามาครับ”
รปภ.อธิบายให้เขาเข้าใจ เขาที่ตอนนี้กาลังมองหน้าเธอแล้วเธอก็จ้องมองหน้าเขา
“ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายไปถึงข้างใน เกิดอะไรขึ้นคะคุณอิท?”
ป้าขวัญเดินออกมาหลังจากที่ได้ยินเสียงเอะอะกับคนงานที่เธอเจอคนแรกที่ประตู เธอหันไปมองหน้าป้าขวัญที่กาลังเดินมา
“คุณเมย์”
ป้าขวัญอุทานชื่อเธอออกมา เมื่อเห็นเธอ
“คุณเมย์หรอคะ นี่คุณเมย์จริงๆ หรอคะ?”
ป้าขวัญเดินมาเธอ
“ป้าขวัญ เมย์เองค่ะ เมย์กลับมาแล้วนะคะ”
เธอหันไปมองป้าขวัญที่เดินมาทัก ทั้ง 2 คนโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ แต่ตอนนี้คนที่ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ คงเป็น
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป”
เธอคลายออกจากอ้อมกอดของป้าขวัญแล้วหันไปพูดกับ รปภ. คนที่วิ่งตามเธอ แล้วก็แม่บ้านคนที่ธอเจอที่หน้าประตู
“นายแล้วก็เธอ มายืนตรงนี้”
ทั้ง2คนกล้าๆ กลัวๆ เดินช้าๆ มายืนคู่กันตรงหน้าเธอ ป้าขวัญกับผู้ชายที่ใส่สูทสีดายืนดูนิ่งๆ ว่าเธอจะทาอะไร
“ฉันเมย์ษญา เป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าของบ้านหลังนี้ จาใส่สมองพวกแก2คนเอาไว้ด้วยนะ แล้วก็รู้ไว้ซะด้วยว่าคุณพ่อของฉันไม่มีหลานชายที่ไหน เพราะฉันยังไม่ได้แต่งงาน ครั้งนี้ฉันจะไม่ไล่พวกแกออกเพราะพวกแกไม่เคยเห็นหน้าฉันมาก่อน แต่....”
ทั้ง 2 คน มองหน้าเธออย่างกลัวๆ แล้วกลืนน้าลายลงคอ
“ฉันจะหักเงินเดือนพวกแกทั้ง 2 คน คนละ 3 เดือน”
ทั้งคู่ทาหน้าตาเสียใจ แล้วเขาก็พูดแทรกขึ้นมา
“ผมว่ามันมากไปนะครับ”
ผู้ชายที่ใส่สูทสีดาพูดขึ้นขัดเธอ เธอหันมามองหน้าเขา
“แล้วนายเป็นใครมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน?”
“ผมชื่ออัทธกานต์ครับ เป็นหลานชายของน้าอร”
“อัทธกานต์หรอ ฉันไม่รู้จักนาย แต่คุณอรอุมา เป็นเลขาคุณพ่อฉันรู้จักเธอ แล้วนายเข้ามาเกี่ยวอะไรด้วยกับที่บ้านนี้?”
เธอถามเขาออกไปอีกครั้ง
“ผมจะเป็นใครไม่สาคัญแต่สิ่งที่คุณทาผมว่ามันมากเกินไป พวกเขาไม่ผิดเพราะไม่เคยเจอหรือรู้จักคุณมาก่อน พวกเขาสมควรได้รับผิดแค่ตักเตือนเท่านั้นนะครับ”
“ฉันจะหักเงินเดือนพวกมันแล้วนายมายุ่งอะไรด้วย นี่มันคนในบ้านฉัน ฉันจะทาอะไรกับใครก็ได้ ฉันจะไล่พวกมันออกเลยก็ยังได้”
เธอมองหน้าเขาอย่างท้าทายว่าเธอทาได้จริงๆ
“คุณเมย์คะ พอเถอะค่ะป้าขอ เอาแค่หักเงินเดือนสักครึ่งเดือนพอเถอะนะคะ พวกมัน 2 คนก็ต้องกินต้องใช้ ถ้าหากหักเงินไปหมดติดกัน 3 เดือน พวกมันก็อดตายกันพอดี”
เธอหันมาทาสีหน้าบึ้งๆ ใส่ป้าขวัญ ป้าขวัญจึงอ้อนวอนเธออีกครั้ง
“นะคะ คุณเมย์คนดีของป้า”
ป้าขวัญลูบหัวเธอเบาๆ
“ก็ได้ค่ะ เมย์เห็นแกป้าขวัญนะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะป้าขวัญขอเมย์ไม่ยอมหรอก”
“พวกแก 2 คนไปได้แล้ว”
ป้าขวัญรีบไล่ให้พวกมันออกไปก่อนที่เธอจะเปลี่ยนใจ
“นี่เดี๋ยว”
ทั้ง 2 คนหยุดชะงักทันที หรือว่าเธอจะเปลี่ยนใจ ทุกคนจึงหันไปมองหน้าเธอย่างรู้สึกกลัว
“ไปเอากระเป๋าของฉันเข้ามาด้วย”
ทุกคนโล่งอกที่เธอไม่ได้เปลี่ยนใจอยางที่คิดจริงๆ
“ครับ/ค่ะ คุณเมย์”
พวกเขาทั้ง 2 รับคาจึงรีบวิ่งไป
“คุณเมย์ มาเหนื่อยๆ ป้าว่าเราไปหาอะไรทานกันก่อนดีมั้ยคะ เดี่ยวป้าเอาขนมกับน้าหวานๆ มาให้จะได้หายร้อนดีมั้ยคะ”
ป้าขวัญรีบเปลี่ยนเรื่องแล้วพาเธอเดินผ่านหน้าเขา
“เดี๋ยวค่ะป้า”
ป้าขวัญหยุดชะงักทันที
“ทาไมนายถึงยังไม่กลับไปอีกจะยืนอยู่ทาไมในเมื่อคุณพ่อไม่อยู่ แล้วฉันก็ไม่เข้าใจด้วยว่านายมายืนอยู่ตรงนี้ทาไมในเมื่อนายเป็นแค่หลานของเลขาคุณพ่อฉัน นายมีสิทธิ์อะไรมาเข้านอกออกในบ้านฉัน?”
เธอหันไปถามเขาที่ยังยืนนิ่งๆ ไม่ตอบอะไร
“ผมอยู่”
เขากาลังจะพูดแต่ป้าขวัญเดินเข้าไปจับแขนเขาไว้
“คุณอิทคะ ป้าว่ารอให้คุณท่านเป็นคนบอกกับคุณเมย์เองเถอะคะ”
ป้าขวัญพูดแทรกออกมาก่อน
“เรื่องอะไรคะ ทาไมเมย์ต้องรอคุณพ่อด้วย เมย์จะรู้ตอนนี้ไม่ได้หรอคะ?”
เธอทาหน้าแปลกใจว่าเรื่องอะไรที่เธอยังไม่รู้
“รอให้คุณท่านกลับมาก่อนนะคะ คุณเมย์ก็จะรู้เองค่ะ”
เธอมองหน้าทั้ง 2 คนอย่างสงสัย