“คือฉันมาขอพบ...คุณแดนเหนือนะคะ” เอ่ยออกไปแล้วพันดาวก็ทำใจไว้ก่อนเลยว่าโอกาสได้พบคนที่ถูกกล่าวถึงนั้นน้อยมาก หรือจะเรียกได้ว่า...แทบจะไม่มีโอกาสเลยด้วยซ้ำไป
เธอมาที่นี่กี่ครั้งแล้วนะ พันดาวถามตัวเอง...ถ้ามาด้วยตัวเองก็นับได้หลายสิบครั้ง แต่ไม่เคยได้พบกับเขาเลยสักครั้ง ยกเว้นจะมากับคุณย่า ที่ได้พบก็เหมือนกับไม่ได้พบนั่นแหละ เพราะเขาคนนั้นไม่เคยใส่ใจเห็นเธออยู่ในสายตาเลยครั้ง แทบไม่เคยเอ่ยปากพูดด้วยเลย ยกเว้นจะเลี่ยงไม่ได้
“ไม่ทราบว่าจะให้แจ้งว่าใครมาขอพบค่ะ”
“พันดาวค่ะ”
“เอ่อ...”
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” เห็นใบหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของพนักงานตรงหน้า พันดาวก็พอจะเดาผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้แล้วล่ะ หญิงสาวได้เหยียดยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง โดนสายตาพนักงานตบหน้าเสียจนชาไปทั้งแถบ...แต่ก็ต้องฝืนยิ้มเอาไว้ ทั้งที่ภายในใจขมขื่นที่สุด
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจ แต่ถ้าจะรบกวนโทรไปบอกหน่อยได้ไหมคะ ฉันมาขอพบด้วยเรื่องสำคัญ” ถามว่าทำไมเธอถึงไม่โทรไปบอกเขาด้วยตัวเอง จะขอพบเพื่อคืนของ คำตอบก็คือ...เธอไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของเขาไง แม้กระทั่งเบอร์โทรที่ทำงานก็โดนสั่งเอาไว้ ต้องตรวจเช็กให้ดี ถ้าหากเป็นเธอโทรมา ก็ให้วางสายได้เลย
ปวดใจดีจังเลย...แต่เอาเถอะ เจ็บให้มันถึงที่สุดแล้วก็ถอยออกมาให้ห่าง...ไกลเท่าไหร่ยิ่งดี ไม่รับรู้ ไม่เห็นหน้า ไม่นาน เธอหวังอย่างนั้น หวังว่าจะอีกไม่นานนับจากนี้ เธอจะตัดใจจากแดนเหนือได้เสียที
ขอบตาพันดาวร้อนผ่าวจนเธอรู้ว่าน้ำตามันกำลังจะไหลออกมา เลยรีบเงยหน้าขึ้นเพื่อจะได้ไม่ร้องไห้ต่อหน้าพยักหน้าที่มองมาด้วยความสงสาร
“บอกว่าคู่หมั้น...มาหาก็ได้ค่ะ” พันดาวบอกออกไปเสียงเบาหวิว คู่หมั้นที่มีเพียงแค่คุณย่ารับรองว่าเธอเป็น แต่คนอื่นในบ้านของแดนเหนือไม่เคยยอมรับ แม้กระทั่งคนที่เป็นคู่หมั้นยังไม่เคยเห็นหัว แต่ก็เพียงแค่ครั้งนี้เท่านั้นแหละ เพราะเมื่อคืนของเขาไปแล้ว เธอก็เป็นเพียงแค่คนนอกเท่านั้น!
พนักงานอ้าปากค้าง มองเธออย่างคาดไม่ถึง ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วคราว ก่อนจะรู้ถึงสิ่งผิดปกติ เป็นคู่หมั้น แล้วทำไมการมาพบถึงได้ถูกสั่งห้าม...ทำไมถึงไม่โทรไปคุยกัน
“ฉันแค่เอาของมาคืนเขานะคะ คงจะมาเพียงแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว...ครั้งสุดท้ายแล้วเท่านั้น” เพราะเธอคงจะไม่หน้าด้านมาให้เขาไล่เหมือนหมูเหมือนเหมือนหมาอีกแล้วล่ะ
“รบกวนด้วยนะคะ ฉันจะนั่งรอตรงนั้นค่ะ ถ้าสิบนาทีเขาไม่ยอมให้พบ ฉันก็จะกลับค่ะ”
ถ้าทำถึงขนาดนี้แล้วเขายังไม่ยอมให้พบ...ไม่ได้คืนแหวนหมั้น! ให้ เธอก็คงจะต้องนำไปรบกวนคืนให้กับคุณย่า แม้ไม่อยากจะทำก็เถอะ เพราะไม่อยากให้ท่านเสียใจและไม่มีหน้าจะไปพบท่านด้วย
เธอหันหลังเดินไปตรงเก้าอี้ที่มีไว้ให้แขกผู้มาติดต่อนั่งรอ แต่ไม่ทันจะได้นั่งก็ได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดดังมาเสียก่อน
“ไหน! ใครมาแอบอ้างว่าเป็นคู่หมั้นของคุณแดน!”
หญิงสาวร่างสูงโปร่งในชุดรัดรูปสีเขียวอ่อน กระโปรงสั้นอวดลำขาเรียวยาว ปากก็พูดต่อว่า สายตาก็คอยมองหาว่าใครเป็นคนเอ่ยสร้างเรื่องโกหกให้ผู้เป็นเจ้านายเสียหาย
“เธอนั่นเอง อยากพบคุณแดนมากจนต้องสร้างเรื่องโกหกกันแบบนี้เลยเหรอ”
เลขาคนสวยของแดนเหนือต่อว่าเธอด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดที่เธอก็ทำได้เพียงแค่ยิ้ม...เหยียดหยันตัวเองพร้อมกับความขื่นขมที่มี
“ต้องขอโทษที่ทำให้คุณนิสาลำบากลงมาพบด้วยตัวเองนะคะ เขาคงไม่อยากพบฉันมากที่สุดเลยเนอะ...” กระหน่ำความเจ็บช้ำมาให้มากพอ เจ็บจนหัวใจด้านชา ต่อไปจะได้ไม่รู้สึกอะไรกับเขาอีกแล้ว จะได้เดินจากไปโดยไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดอีกแล้ว
“รู้อยู่แล้วยังจะมาพูดอะไรอีก ถึงเธอจะอ้างว่าเป็นเมีย คุณแดนก็ไม่คิดจะลงมาพบหรอกนะ”
เพราะยังพอมียาง หน้ายังไม่ด้านมากพอให้เขาเกลียดชังไปมากกว่านี้ไง เธอถึงไม่เอ่ยปากบอกออกไปว่าเมียมาขอพบ เพราะถ้าเป็นจริง...ให้เธอบาดเจ็บเจียนตายอยู่ตรงหน้า สิ่งที่แดนเหนือทำก็คือมองมาด้วยสายตาเย็นยา ขยะแขยง เกลียดชังและดูถูกเหยียดหยาม
“ยิ่งตอนนี้คุณแดนอยู่กับคุณไข่มุกอีก”
นั่นสินะ...ระหว่างเด็กกะโปโล ที่รูปร่างก็เหมือนกับตุ่มใส่น้ำ หน้าตาก็ไม่ได้สะสวยเตะตา แค่เกลี้ยงเกลาไร้สิวฝ้าเท่านั้น ไม่มีอะไรให้เจริญหูเจริญตา กับแฟนสาวที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าสะสวยงดงาม ฐานะหรือก็ไม่ด้อยกว่ากันเลย ต่อให้คนไร้ความคิดก็คงจะไม่เลือกเธอหรอกนะ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเพียงแค่คิดว่าจะนำของมาคืนเท่านั้น แต่เมื่อเขาไม่คิดจะมารับคืน...” แม้จะตัดสินใจแล้วแต่เอาเข้าจริงพันดาวก็จุกจนพูดไม่ออก
“ไหนละของที่อยากจะคืน จะฝากฉันไปไหมล่ะ เธอจะได้ไม่ต้องมาที่นี่อีก ไม่ต้องสร้างเรื่องโกหกด้วย”
นิสารัตน์ถามอย่างคนที่ไม่เชื่อว่าเธอจะมีของมาคืนแดนเหนือจริง คงเพียงแค่สร้างเรื่องเพื่อจะได้พบกับเขาเท่านั้น
“ไม่เป็นไรค่ะ” พันดาวก้มลงมองกล่องสีแดงในมือ อยากจะฝากนิสารัตน์ไปคืนเขาอยู่นะ แต่ในเมื่อเขามอบให้เธอด้วยตัวเอง เธอก็ควรจะคืนเขาด้วยตัวเอง เพราะยังไงของชิ้นนี้ก็มีค่าและมีราคาไม่น้อย หากสูญหายไป เธอคงไม่มีปัญญาหาเงินมาใช้คืนเขาหรอก
“เอาไว้ฉันค่อยนำมันไปคืนคุณแดนเหนือด้วยตัวเอง” กระแสเสียงเธอแผ่วเบาและสั่นพร่า
“คิดว่าเขาจะพบเธอเหรอ”
ไม่ต้องรอให้เธอตอกย้ำหรอกนิสารัตน์ แค่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ตอกย้ำให้เธอรู้อยู่แล้วล่ะ เป็นที่รังเกียจแค่ไหน
“ไม่เป็นไรค่ะ” ใบหน้าพันดาวคลี่ยิ้ม แต่ขอบตาร้อนผ่าวขณะก้มลงมองของที่อยู่ในมือ “ถ้าเขาไม่ให้พบ ไม่คิดรับของชิ้นนี้คืนจริง ฉันคงจะนำมันไปคืนกับคุณย่า" ซึ่งนั่นเป็นวิธีที่เธอไม่อยากจะทำเลย
“ขอโทษสำหรับทุกอย่าง...ที่รบกวนเวลาการทำงานของคุณนิสาด้วยนะคะ แล้วก็ขอบคุณที่ลงมาพบฉันด้วย ฉันไม่รบกวนเวลาทำงานของคุณนิสาแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”
นิสารัตน์เลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย ก็คงจะต้องเป็นอย่างนั้นแหละ เพราะปกติแล้วนิสารัตน์จะเห็นอีกด้านของเธอ ที่ใครห้ามยังไงก็ไม่ฟัง ดื้อด้านดันทุรัง แม้เขาไม่อยากพบแต่เธอก็พยายามที่จะเข้าหา หากวันนี้เธอกลับเลือกที่จะจากไปโดยง่าย ไม่มีทีท่าว่าจะดันทุรังขอพบแดนเหนืออย่างเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
หากเพียงแค่เธอหันหลังจะเดินจากไป คนที่เธออยากพบก็เดินผ่านหน้าไป...ผ่านไปอย่างเงียบเชียบ เขาไม่แม้แต่จะปรายตามามองว่ามีเธอยืนอยู่ตรงนั้นด้วยซ้ำ ทำอย่างกับว่าเธอเป็นแค่อากาศที่ไร้ตัวตน!