แต่งเข้า

2013 คำ
เช้าวันนี้ผู้คนในเมืองหลวงต่างแห่แหนกันมาดูการจัดพิธีสมรสระหว่างท่านชายเจี้ยนอี้โจวกับคุณหนูน้อยสกุลสวี สวีลี่อิ่ง ที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ฝ่ายชายควบคุมกองทัพนับหมื่น ออกรบรักษาเขตแดนของแคว้น สกุลสวีเองก็อุทิศตนเพื่อบ้านเมืองไม่น้อย นายท่านสวีเป็นราชครูคอยให้คำปรึกษาต่อฝ่าบาท ทั้งรองแม่ทัพสวีก็ออกรบเคียงข้างแม่ทัพใหญ่ จึงมีผู้คนมาแสดงความยินดีกันมากมาย “เจ้าดูนั่น เจ้าบ่าวควบม้านำขบวนเกี้ยวเจ้าสาวมาแล้ว” “ห้าวหาญสมเป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้น” “ขบวนสินเดิมจากฝ่ายเจ้าสาวก็ไม่น้อยหน้าเลยสักนิด เหมาะสมกันยิ่งนัก” ไม่ผิดไปจากที่ชาวบ้านว่า งานสมรสครานี้เป็นสมรสพระราชทาน จึงมีคนจากกรมพิธีการมาควบคุมดูแลในส่วนต่างๆ ด้วยตนเอง ฝ่าบาทและเชื้อพระวงศ์ต่างร่วมงานกันพร้อมหน้า ทุกสิ่งจึงเข้มงวดเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย ทันทีที่เกี้ยวหยุดเคลื่อนไหว ลี่อิ่งก็ถูกพยุงเข้ามาในลานพิธี นางจดจำได้ว่าในชาติที่แล้ว ตนเองไม่ค่อยรู้ลำดับพิธี ทำถูกบ้างไม่ถูกบ้าง เนื่องจากคนที่ฝึกเข้าพิธีเป็นสวีเสี่ยวปิง แต่ครั้งนี้มีคนจากจวนอ๋องมาช่วยฝึกซ้อมพิธีการต่างๆ ให้นางอยู่หลายวัน ทุกอย่างจึงถูกต้องและงดงามไร้ที่ติ “ท่านชาย” “ว่าอย่างไร ไม่สบายตัวหรือ” “มิได้เจ้าค่ะ ข้าแค่อยากให้ท่านชายมองหน้าพี่หญิง แล้วบอกข้าทีว่านางทำหน้าเช่นไร หึ” ลี่อิ่งได้ยินเสียงฮึดฮัดของคนข้างกาย ก็หัวเราะออกมาหนึ่งเสียง ก่อนจะสนใจพิธีการตรงหน้าต่อ “ได้ฤกษ์ส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอ” ขั้นตอนเป็นไปตามลำดับพิธี สวีลี่อิ่งถูกส่งตัวไปรอในห้องหอ ส่วนด้านนอกก็เริ่มงานสังสรรค์กันอย่างครื้นเครง “ยินดีกับชินอ๋อง ต่อไปคงจะมีเด็กน้อยมาวิ่งเล่นในจวนแล้ว อี้โจว อย่าทำให้บิดาเจ้าผิดหวังเล่า” เหล่าเชื้อพระวงศ์ต่างก็หัวเราะให้กับคำพูดหยอกเย้าขององค์ฮ่องเต้ “กระหม่อมเองก็หวังเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ ฮ่าๆ เรื่องนี้คงต้องฝากอาโจวแล้ว” “เสด็จอา ก็ยังหนุ่มยังแน่น แต่งอนุสักสองสามคนยังได้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีเด็กน้อยมาวิ่งเล่นในจวนนับสิบ” เจี้ยนหลิวเหว่ยพูดหยอก “องค์รัชทายาทหางานให้ข้าแล้ว ประเดี๋ยวอาสะใภ้ของพระองค์มาได้ยินเข้า ข้าคงต้องตายคาเท้านาง” “ฮ่าๆ อี้โจว เจ้าคงมิได้กลัวเมียเช่นเสด็จอากระมัง” หลิวเหว่ยตบบ่าลูกพี่ลูกน้องที่อายุอานามไล่เลี่ยกัน สำหรับหลิวเหว่ยแล้ว อี้โจวเป็นคนที่เขาไว้ใจได้ยิ่งกว่าพี่น้องสายเลือดเดียวกัน เพราะเหล่าองค์ชายองค์หญิงล้วนแต่งต้องการแก่งแย่งความโปรดปรานจากเสด็จพ่อ เพื่อแทนที่ตำแหน่งที่เขายืนอยู่ โดยเฉพาะ…เจี้ยนหลงเหยี่ยน การฉลองเป็นไปอย่างชื่นมื่น ชินอ๋องและท่านราชครูสวีมีคนเข้ามายกสุรา แสดงความยินดีไม่ขาดสาย แต่ในขณะที่ด้านนอกกำลังสนุกสนานอยู่นั้น เจ้าสาวของงานกลับหลั่งน้ำตาอยู่ในห้องหอ สวีลี่อิ่งคาดเดาไว้อยู่แล้ว ว่าห้องหอในคืนนี้ต้องถูกจัดขึ้นที่เรือนของท่านชาย แต่ทั้งที่เป็นเรื่องน่ายินดี นางกลับย้อนนึกถึงเรื่องในอดีตจนมิอาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ “หยุดร้องเสียลี่อิ่ง ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว” แม้จะย้ำเตือนตนเองเช่นนั้น แต่มือเล็กกลับขย้ำผ้าปูเตียงจนยับยู่ยี่ เตียงนี้ที่นางนั่งรอเขาในวันเข้าหอจนเช้า เตียงนี้ที่นางและเขาเคยนอนร่วมกัน และก็เป็นเตียงนี้ที่นางตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองสูญเสียบุตรในครรภ์ไป ยิ่งนึกถึง ภาพความเจ็บปวดเหล่านั้นก็วนเวียนเข้ามาในหัวซ้ำๆ ลมหายใจเข้าออกเริ่มติดขัด ร่างกายสั่นเทา ทั้งยังมีเม็ดเหงื่อผุดออกมาตามกรอบหน้า หากอยู่ในนี้ต่อไป นางคงมิอาจครองสติไว้ได้แน่ มือบางดึงผ้าคลุมสีแดงทิ้งลงพื้น ลุกพรวดออกจากห้องหอ แต่ยังไม่ทันได้เปิดประตู คนด้านนอกก็ผละเข้ามาเสียก่อน “เจ้าจะออกไปที่ใด แล้วเหตุใดจึงร้องไห้” เจี้ยนอี้โจวเห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเนียน ก็ขมวดคิ้วสงสัย งานแต่งครานี้เป็นนางที่อยากให้เกิดขึ้นมิใช่หรือ แล้วจะร้องไห้เสียใจด้วยเหตุใด “หลีกไป ท่านหลีกทางให้ข้า” “พิธีการยังไม่เสร็จ เจ้าก็ร้องไห้จะออกจากห้องหอ หึ! ควรเป็นข้ากับเสี่ยวปิงมากกว่ากระมังที่ต้องหลั่งน้ำตา” ลี่อิ่งมิสนใจคำพูดของอีกฝ่าย คว้าเอาสุราในขวดขึ้นมาดื่มไปหลายอึก ก่อนจะยัดสุราขวดนั้นใส่มือหยาบ “ดื่มสิเจ้าคะ จะได้เสร็จพิธี ส่วนเรื่องเข้าหอ ข้ารู้ว่าท่านไม่คิดจะทำ ข้าจะไปนอนเรือนอื่น” ลี่อิ่งพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องหอในทันที แม้จะถูกสาวใช้หน้าห้องขวางไว้ แต่ก็เป็นชายหนุ่มที่เอ่ยห้ามพวกนาง ฮูหยินน้อยจึงเดินเข้ามาในเรือนที่เตรียมไว้สำหรับนาง อาภรณ์สีแดงถูกถอดพาดไว้บนฉากกั้น ก่อนจะล้มตัวลงบนเตียงอย่างอ่อนแรง “ฮูหยินทานข้าวสักหน่อยดีหรือไม่เจ้าคะ บ่าวจะไปเอามาให้” “ข้าไม่หิว เจ้าไปพักผ่อนเถิด” บุตรสาวราชครูมิได้สนใจคนสนิท นอนตะแคงหันหน้าเข้ากำแพง ข่มตาหลับเพื่อให้หลุดพ้นจากภาพในหัว แต่ก่อนที่จะเข้าสู่ห้วงนิทรา นางก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่โอบล้อมกาย มี่มี่คงห่มผ้าให้นางเป็นแน่ “ขอบใจนะมี่มี่” คงเพราะความเหนื่อยล้าจากหลายๆ เรื่อง เช้าวันรุ่งขึ้นสวีลี่อิ่งจึงนอนตื่นสาย จนเกือบไปยกน้ำชาให้บิดามารดาของสามีไม่ทัน ดีที่ท่านทั้งสองเอ็นดูนางมาตั้งแต่เด็กๆ เลยไม่ถูกดุ “จริงหรืออิ่งเอ๋อร์ ท่านอาจารย์ตอนอยู่ที่เรือนถูกฮูหยินดุเป็นประจำเลยหรือ” “เพคะเสด็จพ่อ โดยเฉพาะเรื่องดื่มสุรา ท่านพ่อถูกดุอยู่เป็นประจำ” “ฮ่าๆ เห็นทีเรื่องในเรือนข้าจะมีประสบการณ์ยาวนานกว่าท่านอาจารย์” ถึงท่านอ๋องจะมีศักดิ์เป็นศิษย์ แต่เขาก็แต่งชายาก่อนท่านอาจารย์ นั่นเพราะราชครูสวีมัวแต่สนใจหนังสือตำรา จึงได้แต่งงานช้า มีบุตรช้า เจี้ยนอี้โจวมีอายุมากกว่าสวีต้าหัวถึงสองหนาว “ท่านอ๋องเองก็ไม่ต่างกันหรอกเพคะ อวดเบ่งนักนะ…อิ่งเอ๋อร์ ขยับเข้ามาหาแม่” ลี่อิ่งคลานเข่าเข้าไปนั่งต่อหน้ามารดาสามี พลางส่งยิ้มไปให้อีกฝ่ายอย่างสดใส “อยู่ที่นี่มีสิ่งใดขาดเหลือก็แจ้งกับบ่าวไพร่ หรือมีเรื่องทุกข์ใจก็บอกกล่าวกับแม่ได้ ถือเสียว่าตนเองเป็นบุตรสาวของแม่อีกคน” “ขอบพระทัยเสด็จแม่เพคะ” ลี่อิ่งรู้ดีว่าทั้งท่านอ๋องและพระชายาต่างก็ดีกับนาง แต่ในชาติที่แล้วเป็นนางเองที่ไม่เอ่ยปากบอก ทั้งยังช่วยออกหน้าให้สามีทุกครั้งที่เขาถูกเรียกไปตำหนิ เรื่องลงโทษนางเกินเหตุ “เอ่อ เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ ข้าคิดว่าจะรื้อเรือนของข้าแล้วสร้างใหม่” จวนอ๋องมีบริเวณกว้างขวาง ถูกจัดสรรปันส่วนเป็นอย่างดี เรือนของท่านอ๋องกับพระชายาจึงอยู่คนละฝั่งของเรือนท่านชายและลี่อิ่ง โดยมีธารน้ำเล็กๆ กั้นไว้ กระนั้นก็มีสะพานข้ามไปมาหาสู่กันได้อย่างสะดวกสบาย “เหตุใดเล่า” “ไม้ที่เรือนถูกตัวปลวกกัดกินไปเกือบเจ็ดส่วนแล้วพ่ะย่ะค่ะ กลัวว่าหากไม่รื้อถอน อาจจะล้มเข้าสักวัน” ชินอ๋องและพระชายาต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของบุตรชาย “เช่นนั้นก็ให้ช่างมาจัดการเถิด ระหว่างนี้ก็ขนข้าวของไปอยู่เรือนฮูหยินเจ้าแทน ห้ามไปหมกตัวอยู่ที่ค่ายเป็นอันขาด” “พ่ะย่ะค่ะ ลูกจะกล้าขัดคำสั่งเสด็จแม่ได้อย่างไร” เดิมทีลี่อิ่งคิดจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสีหน้าจำใจของอี้โจว นางเลยไม่แย้ง หลังจากนั้นไม่นานก็มีช่างไม่มาจัดการรื้อถอนเรือนทั้งหลัง ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ของอี้โจวจึงถูกขนมาไว้ในเรือนของลี่อิ่ง “เหตุใดจึงมากมายถึงเพียงนี้เล่า พ่อบ้านหู” “แหะๆ ท่านชายเอ่ยว่าให้ขนมาให้หมด ทั้งของเก่าของใหม่ขอรับ” “แต่นี่ไม่น่าจะใช้ได้แล้วกระมัง” ฮูหยินน้อยจีบมือหยิบอาภรณ์ที่ขาดวิ่นทั้งยังเปื้อนฝุ่น ขึ้นมาให้พ่อบ้านดู “…” “ข้าว่าเอาทิ้งไปบ้างก็คงไม่เป็นไรกระมัง ผ้าขี้ริ้วยังสภาพดีกว่านี้” เมื่อลี่อิ่งว่าดังนั้น พ่อบ้านก็สั่งให้สาวใช้คัดเฉพาะของที่ท่านชายยังใช้อยู่เก็บไว้ ส่วนอื่นก็ใส่ตะกร้านำไปเผาทิ้ง ทั้งบ่าวของเรือนท่านชายและเรือนฮูหยิน ต่างก็ช่วยกันจัดของให้เข้าที่ โดยมีลี่อิ่งและพ่อบ้านหูคอยสั่งการ ทว่าพอทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง แม่ทัพใหญ่ของแคว้นก็เดินอาดๆ เข้ามาในเรือน “พ่อบ้านหู ท่านเห็นอาภรณ์สีดำที่มีรอยขาดหรือไม่ ข้าจะนำไปให้กองพิสูจน์หลักฐาน” “เอ่อ ใช่ที่ขาดจนซ่อมไม่ได้ และเปื้อนฝุ่นทั้งตัวหรือไม่ขอรับ” ทั้งนายทั้งบ่าวหน้าซีดกันเป็นแถบ มิใช่ว่าอาภรณ์ที่สภาพแย่กว่าผ้าขี้ริ้วนั่น เป็นหลักฐานสำคัญหรอกนะ “ใช่ อยู่ที่ใด เอามาให้ข้าที” “คือ เอ่อ” พ่อบ้านหูเหลือบมองเจ้านายอย่างกล้าๆ กลัวๆ “ว่าอย่างไร อย่ามัวแต่อ้ำอึ้ง” “ข้าทิ้งไปแล้วเจ้าค่ะ” ลี่อิ่งออกหน้ารับ เพราะนางเป็นคนสั่งให้เอาไปทิ้ง “เจ้าทิ้งไปแล้ว! ทิ้งที่ใด ทิ้งได้อย่างไร ใครอนุญาต” “ก็ใครจะรู้ว่ามันเป็นของสำคัญเล่า เหตุใดท่านไม่เก็บให้ดี ข้า-” “สวีลี่อิ่ง! เจ้าทำผิดยังจะโทษข้าอีกหรือ ข้าจะลงโทษเจ้ายังไงดี” เมื่อครู่ลี่อิ่งก็รู้สึกผิดอยู่หรอก แต่พอได้ยินคำพูดและท่าทางไม่สบอารมณ์ของอีกฝ่าย ความโมโหของนางก็ก่อตัวขึ้นเช่นกัน “โบยดีหรือไม่เจ้าคะ เหมือนที่ท่านเคยทำอย่างไรเล่า แต่ครั้งนี้ข้าไม่ยอมเจ็บตัวอยู่ฝ่ายเดียวแน่” “เจ้า!…เฮ้อ เอาไปทิ้งที่ใด ข้าจะไปเก็บเอง” “ให้คนเอาไปเผา ไม่รู้ว่าเผาไปแล้วหรือยัง” “ให้มันได้อย่างนี้! พ่อบ้านหู ไปดูให้ข้าที” อี้โจวทุบกับปั้นบนผนังสองสามที ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่ได้สั่งลงโทษภรรยา ผิดวิสัยยิ่งนัก…หากชาติที่แล้ว นางทำให้เขาไม่พอใจถึงเพียงนี้ อย่างน้อยก็ต้องถูกลงโทษให้นั่งคุกเข่า ไม่ก็ถูกโบยจนจับไข้ไปหลายวัน หรือทุกอย่างจะเปลี่ยนไป เพราะนางไม่ยอมถอนหมั้น “ฮูหยิน ท่านก็ควรเอ่ยขออภัยท่านชายนะเจ้าคะ ไม่รู้ว่าหลักฐานชิ้นนั้นสำคัญมากน้อยเพียงใด” “มี่มี่ เจ้าเข้าข้างผู้อื่นหรือ” “เปล่านะเจ้าคะ แต่ครั้งนี้ฮูหยินมีส่วนผิดจริง” “ก็ได้ๆ หากเขากลับมา ข้าจะขอโทษเขาเอง” เมื่อนายว่าเช่นนั้น มี่มี่ก็ยิ้มยินดี เดิมทีความสัมพันธ์ระหว่างฮูหยินกับท่านชายก็ไม่ค่อยจะราบรื่นอยู่แล้ว นางไม่อยากให้ทั้งคู่ต้องมาผิดใจกันอีก “ฮูหยินเจ้าคะ แย่แล้วเจ้าค่ะ” บ่าวชราจากเรือนท่านชายวิ่งหน้าตั้งเข้ามา พลันทำให้ทุกคนที่พบเห็นตกใจไปตามๆ กัน “มีอันใด เกิดอะไรขึ้น!” “ทารก มีทารกถูกทิ้งอยู่หน้าจวนเจ้าค่ะ!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม