หนิงซินเดินออกจากร้านมาแล้วเปิดดูใบรายการคำสั่งซื้อ ดวงตาของเธอลุกวาวเป็นประกายเหมือนเห็นแสงสว่างที่ส่องผ่านเข้ามาจากปลายอุโมงค์
"รอดแล้วเป่าเปาลูกแม่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
"ยอดแย้วหย๋อ?" (รอดแล้วเหรอ)
"รอดแล้วจ้ะ ตามแม่มานี่เร็ว เราต้องรีบไปหาห้องพักแล้วนะ"
เสี่ยวเปาเดินตามแม่ของเธอไปอย่างว่าง่ายเพื่อไปหาคุณยายที่ร้านนำชา เพื่อไปเอากุญแจบ้านเช่าตามที่นัดหมายกันเอาไว้ก่อนหน้านี้
"เปิดเข้าไปเลยนะลูก ถ้าชอบก็ขนของเข้าไปอยู่ได้เลย"
"ค่ะป้า เดี๋ยวหนูมานะคะ เป่าเปามาขึ้นรถไปดูบ้านกันเร็วลูก"
"ค่า"
หลังจากได้กุญแจบ้าน หนิงซินก็พาลูกน้อยขึ้นจักรยานแล้วปั่นเข้าไปในซอยข้างร้านค้าทันที ไม่ถึง 150 เมตรเธอก็พบบ้านหลังที่ 2 เลขที่ 8 ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียว มีรั้วรอบขอบชิดน่าพอใจไม่น้อย
"ลงมาได้แล้วลูก อึ๊บ"
หนิงซินอุ้มลูกน้อยลงจากจักรยานแล้วรีบไขกุญแจเปิดเข้าไปดูข้างใน พร้อมกับจูงจักรยานเข้าไปเก็บด้วย บ้านหลังนี้เนื้อที่ไม่เยอะ ตัวบ้านข้างหนึ่งอยู่ติดกับรั้ว แต่มีไม้เลื้อยเกาะตามรั้ว รวมถึงไม้ดอกไม้ประดับคอยบดบังสายตาเวลาขนย้ายสิ่งของได้อย่างเหมาะเจาะ
"บ้างไคหย๋อแม่จ๋า" (บ้านใครเหรอแม่จ๋า)
"บ้านเช่าจ้ะ เราจะอยู่ที่นี่ก่อนชั่วคราวในระหว่างที่หาร้านใหม่ได้ เข้าไปดูข้างในกันเร็วเข้า"
ตัวบ้านมีห้องนอน 2 ห้อง ห้องนั่งเล่น 1 ห้อง ห้องน้ำและห้องครัว หนิงซินสำรวจทุกอย่างเสร็จก็ตัดสินใจได้ทันทีว่าเธอต้องการเช่าบ้านหลังนี้ และช่วงนี้เธอกับลูกสาวก็คงจะพักอยู่ที่นี่ก่อน รออีกสัก 3-4 วันค่อยกลับไปดูที่บ้านหมู่บ้านเติ้งกู่อีกครั้งว่ามู่ปิงเฉิงกลับมาถึงรึยัง
"เป่าเปา หนูช่วยแม่จัดของใส่กล่องได้ไหมลูก"
หนิงซินเรียกลูกน้อยที่เดินเล่นอยู่ในบ้านให้มาช่วยจัดของ เธอเอาของมากมายออกมาจากมิติพร้อมกล่องที่จะจัดเรียงใส่ตามใบสั่งซื้อสินค้า
"มาแย้วแม่จ๋า"
"นั่งลงตรงนี้ ช่วยแม่นับสบู่สีละ 50 ก้อน มือน้อย ๆ ข้างนี้หยิบสีขาว อีกข้างหยิบสีชมพู ส่วนสีส้มกับสีแดงแม่จะหยิบเอง 1 2 3 4 5 6"
สองคนแม่ลูกช่วยกันนับสบู่ใส่ลงในกล่องจนครบทั้งหมด 200 ก้อน จากนั้นก็เริ่มจัดครีม ยาสระผม และสิ่งของอย่างอื่นในรายการดังนี้
สบู่ 4 สี สีละ 50 ก้อน 200 x 2 = 400
ครีม 4 กลิ่น กลิ่นละ 30 ก้อน 120 x 4 = 480
แชมพู 3 กลิ่น กลิ่นละ 50 ขวด 150 x 4 = 600
แป้งตลับ 4 สูตร สูตรละ 20 ตลับ 80 x 4 = 320
ปัดแก้ม 3 เฉด เฉดละ 20 ตลับ 60 x 3 = 180
ทาตา 3 เฉด เฉดละ 20 สี 60 x 3 =180
ดินสอเขียนคิ้ว 3 สี 60 x 1 = 60
ลิปสติก 4 สี 80 x 1 = 80
ชุดแปรง 20 ชุด 20 x 1 = 20
แป้งเด็ก 50 x 2 = 100
แป้งเย็น 50 x 2 = 100
บุหรี่ 5 แถว 5 x 40 = 200
บรั่นดี 20 x 50 = 1,000
วิสกี้ 20 x 6 = 1,200
รวม 4,920 หยวน
กว่าจะจัดเรียงสินค้าใส่กล่องเสร็จก็กินเวลาไปกว่า 1ชั่วโมงครึ่ง หนิงซินจึงเตรียมตัวจะออกไปเรียกสามล้อเครื่องให้เข้ามาช่วยขนของไปที่ร้านค้าหน้าปากซอยทว่าพอเดินไปที่บ้างบ้านก็พบว่ามีรถเข็นจอดอยู่
"อื้อ ยังใช้ได้ ขอยืมใช้ขนของไปส่งก่อนนะคะป้า"
พูดจบหนิงซินก็ขนกล่องสินค้าทั้ง 6 กล่องขึ้นบนรถเข็น จากนั้นก็เรียกลูกสาวขึ้นไปนั่งบนรถเข็นในส่วนที่ว่าง
"เป่าเปามาขึ้นรถเร็วลูก"
"ไปแย้วค่า"
กว่าสองคนแม่ลูกจะเข็นรถมาถึงหน้าร้านค้าก็ปาไปถึง 11 โมงเช้า ทันทีที่เห็นหนิงซินเข็นกล่องสินค้ามาถึงหน้าร้าน พนักงานก็ช่วยกันออกมารับของเข้าไปตรวจนับจนครบ เสร็จแล้วก็จัดเรียงขึ้นบนชั้นวางสินค้าอย่างเร่งรีบให้ทันเที่ยงวัน
"นี่เป็นเงินค่าสินค้าจ้ะหนิงซิน หวังว่าอีก 3 วันข้างหน้าเธอคงมีสินค้าใหม่ ๆ มาเสนอพวกเรานะ พี่จะรอ หนูก็มาด้วยนะเป่าเปา"
เถ้าแก่เนี้ยชางพ่านเอ๋อยื่นเงินจำนวน 4,920 หยวน ให้กับหนิงซิน เธอยังคาดหวังว่าจะได้เห็นสินค้าดีและมีคุณภาพจากหนิงซินอีก
"ค่าคุงป้า"
"ฉันจะนำของที่น่าสนใจมาเสนออีกแน่นอนค่ะ เถ้าแก่เนี้ยพอจะบอกได้ไหมคะว่าช่วงนี้มีอะไรบ้างที่ขาดตลาด"
"ที่ขาดอยู่ก็จะเป็นพวกผงซักฟอก อาหารกระป๋อง พี่ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันหนิงซิน อย่างที่เห็นว่าทุกอย่างก็มีแต่อะไรที่เหมือนเดิม บางครั้งพี่ก็อยากเห็นอะไรที่แปลกใหม่ ไม่รู้ว่าพี่จะคาดหวังมากเกินไปรึเปล่า"
ใบหน้าของหนิงซินเต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อได้รับรู้ความต้องการของอีกฝ่าย เธอเชื่อว่าสินค้าที่มีในมิติจะสร้างความประทับใจให้อีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน
"เข้าใจแล้วค่ะ เถ้าแก่เนี้ยไม่มีทางผิดหวังแน่นอน"
"เรียกพี่ว่าพี่พ่านเอ๋อเถอะหนิงซิน เธอไม่ต้องเรียกว่าเถ้าแก่เนี้ยเหมือนคนอื่นหรอก ส่วนสามีของพี่เธอก็เรียกว่าเฮียก็ได้"
"เกรงว่าจะไม่เหมาะมั้งคะเถ้าแก่เนี้ย เดี๋ยวคนอื่นจะมองไม่ดีเอา"
"มีอะไรไม่ดี พ่านเอ๋อบอกให้เรียกแบบนั้นก็เรียกไปเถอะ ภรรยาของเฮียคงจะถูกชะตากับเธอมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่คะยั้นคะยอแบบนี้หรอก"
เสียงของเถ้าแก่ชางจื่ออันดังขึ้นระหว่างที่สาว ๆ กำลังคุยกันอยู่ ชางพ่านเอ๋อได้ยินแบบนั้นก็รีบหันไปยิ้มให้สามีแทนคำขอบคุณ
"ขอบคุณนะคะเฮีย เธอไม่ต้องแปลกใจหรอกหนิงซิน พี่ไม่ใช่คนที่นี่ เพิ่งย้ายมาอยู่ได้ไม่นานหลังจากแต่งงานกับเฮียเลยไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่ ว่าแต่เธอกับลูกพักอยู่ที่ไหนเหรอ"
"ฉันก็เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองกับลูกสาวสองคนค่ะ ตอนนี้กำลังรอเวลาให้สามีมาเซ็นใบหย่าให้เสร็จ ถึงเวลานั้นฉันกับลูกถึงจะเริ่มขยับขยายหาร้านเล็ก ๆ ทำเป็นร้านอาหารเพื่อเลี้ยงชีพค่ะ"
ชางจื่ออันเห็นว่าเรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อนและไม่อยากให้หนูน้อยเป่าเปาต้องรับรู้ด้วย เขาจึงชวนหนูน้อยไปซื้อไอติมแท่งที่เข็นรถมาขายที่หน้าร้านพอดี
"เป่าเปา ลุงจะพาหนูไปซื้อไอติมกินดีไหม?"
หนูน้อยหันไปขอความเห็นจากมารดา เมื่อได้รับอนุญาตถึงยินยอมให้คุณลุงเจ้าของร้านอุ้มไปที่รถเข็นไอติมทันที
"พ่อของยัยหนูมีคนอื่นเหรอ"
"ฉันแต่งงานกันเค้าได้ 3 ปี แรก ๆ ทุกอย่างก็ดี แต่ฉันก็ไม่ตั้งท้องสักที เข้าปีที่ 4 เค้าไปสมัครเป็นทหาร เค้าไปยังไม่ถึงขวบเดือนฉันถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองท้องได้ 2 เดือนแล้ว"
"..."
"แต่เรื่องราวมันก็เปลี่ยนไป เหมือนเค้าจะได้พบรักกับหญิงสาวที่สามารถเชิดหน้าชูตาและสนับสนุนหน้าที่การงานของเค้าได้ การท้องของฉันก็เลยไม่เป็นที่น่ายินดี กระทั่งฉันคลอดออกมาเป็นเด็กผู้หญิง"
"..."
"พวกเราถูกไล่ออกไปอยู่ที่กระท่อมท้ายหมู่บ้านจนถึงตอนนี้ ใช้ชีวิตกันตามยถากรรม ฉันก็เลยแต่งเรื่องว่าตัวเองป่วยพวกเค้าจะได้ไม่กล้าเรียกให้ไปทำงานบ้านให้ ฉันถึงได้มีเวลาเข้ามาหาช่องทางเอาไว้แบบนี้"
"แล้วพ่อของยัยหนูส่งเงินให้เธอกับลูกบ้างไหมหนิงซิน"
ชางพ่านเอ๋อเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ตัวเธอเองก็เกิดมาเป็นผู้หญิง แต่ถือว่าโชคดีมากที่ครอบครัวของเธอไม่มีความคิดคร่ำครึด้วยการด้อยค่าลูกสาวแบบนั้น
"ตั้งแต่วันที่เค้าจากไปจนถึงตอนนี้ก็ 3 ปีแล้ว พวกเราสองคนแม่ลูกไม่เคยได้รับอะไรจากครอบครัวนั้นเลย ถ้าอยากกินข้าวก็ต้องไปทำงานบ้านตอบแทนถึงจะได้กินเศษอาหารที่เหลือจากทุกคน"
"ไอ้ชั่วเอ๊ย! พี่อยากเห็นหน้ามันจริง ๆ แม่จะต่อยให้หน้าหงายไปเลย"
"อย่าไปเจ็บมือเพราะคนแบบนั้นเลยค่ะ ตอนนี้ฉันได้รับโอกาสจากคนใจบุญแล้ว ฉันอยากจะขอให้เถ้าแก่เนี้ยช่วยปิดเรื่องการค้าของเราไว้เป็นความลับไปสักระยะก่อนได้ไหมคะ ฉันไม่อยากให้เงินทองที่ฉันกับลูกหามาได้ต้องตกไปเป็นสินสมรสที่ต้องแบ่งให้คนเห็นแก่ตัวแบบนั้น"
"เธอไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น คนแบบนั้นไม่สมควรจะได้อะไรจากเธอ แม้แต่ความเป็นพ่อของยัยหนูเป่าเปาก็ตาม"
ชางพ่านเอ๋อพูดออกมาด้วยใบหน้าที่จริงจัง เธอมองดูแววตาของหนิงซินตลอดการเล่าเรื่อง ไม่มีครั้งไหนเลยที่หนิงซินมีพิรุธ เธอจึงค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองมองคนไม่ผิดแน่ ๆ
"ขอบคุณมากนะคะเถ้าแก่เนี้ย ตอนนี้ฉันเช่าบ้านญาติของป้าเหยาอยู่ในซอยข้างร้านนี่เองค่ะ ถ้าเถ้าแก่เนี้ยอยากได้อะไรเพิ่มเติมก็ให้ลูกน้องไปตามฉันที่นั่นก็ได้ แต่ถ้าไม่เจอใครให้โยนจดหมายเข้าไปไว้ในลานบ้านได้เลยค่ะ"
"ป้าเหยาขายน้ำเนี่ยเหรอ แบบนั้นก็ดีเลยสิ เวลาทำของกินอร่อย ๆ พี่จะได้ไปเรียก"
"แม่จ๋ามาแย้ว ติมหย่อยมากเยย ฮะ ฮะ ฮะ" (แม่จ๋ามาแล้ว ไอติมอร่อยมากเลย)
เสียงของหนูน้อยดังมาแต่ไกลก่อนที่ตัวคนจะเข้ามาถึงในร้านเสียอีก ปากเล็ก ๆ ดูดกินน้ำหวานจากไอติมสีแดงอย่างเอร็ดอร่อย
"ขอบคุณคุณลุงคุณป้าก่อนลูก"
"คุงค่าคุงลุง คุงค่าคงป้าคงฉ๋วย" (ขอบคุณค่าคุณลุง ขอบคุณค่าคุณป้าคนสวย)
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ปากหวานจริง ๆ วันหลังให้แม่พามาหาป้าอีกนะลูก มาหาป้าบ่อย ๆ น้องจะได้มาอยู่กับป้าสักที"
คำพูดของชางพ่านเอ๋อทำให้หนิงซินนึกถึงผลิตภัณฑ์บางอย่างที่มีอยู่ในมินิมาร์ทของเธอ และเธอก็มั่นใจว่ามันจะช่วยให้สองสามีภรรยาสมหวังได้หากไม่มีใครเป็นหมัน
"หมายความว่าเถ้าแก่เนี้ยยังไม่มีลูกเหรอคะ?"
"ใช่จ้ะ พี่กับเฮียเพิ่งแต่งงานกันได้ 1 ปี เราก็เลยลองปล่อยไปตามธรรมชาติก่อน แต่ไม่รู้ทำไมป่านนี้ถึงไงไม่มีวี่แวว"
"ขอโทษที่ต้องถามละลาบละล้วงนะคะ ไม่มีใครเป็นหมันใช่ไหม? พอดีฉันเพิ่งได้รู้จักน้ำนมที่มีส่วนผสมจากผลไม้และพืชผักที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มันจะช่วยปรับสมดุลให้คุณพ่อกับคุณแม่ที่เตรียมจะตั้งครรภ์ ดื่มวันละ 2 ขวดเช้าเย็น ไม่เกิน 1- 3 เดือนรับรองว่าเห็นผลแน่นอนค่ะ"
"จริงเหรอหนิงซิน มีนมที่ช่วยบำรุงแบบนั้นจริง ๆ เหรอ ราคามันแพงไหม ไม่ใช่สิ! แพงเท่าไหร่แต่ถ้าเห็นผลพี่ก็ยอมจ่ายนะ ก่อนหน้านี้ไม่นานเราไปตรวจร่างกายมาแล้ว ผลก็ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่ตั้งท้องซักที อีกอย่างเฮียก็เป็นลูกชายคนเดียว พี่กลัวว่าจะทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง"
ชางจื่ออันเห็นใจภรรยาไม่น้อยในเรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะไม่เร่งรัดอะไร แต่พ่านเอ๋อก็มักจะกดดันตัวเองจนเกิดความเครียดอยู่บ่อยครั้ง และเขาเองก็ไม่ต้องการให้ใครมาหากินกับจุดอ่อนของภรรยา แม้ว่าหนิงซินจะดูเป็นคนจริงใจ แต่ยังไงก็เป็นแค่คนที่เพิ่งรู้จักกัน
"พ่านเอ๋อ น้องไม่จำเป็นต้องกดดันตัวเองในเรื่องนี้ ว่าแต่หนิงซินเป็นคนที่หมู่บ้านไหนเหรอ เฮียจะให้คนงานไปส่งดีไหม เธอมากับลูกสองคนคงอันตรายไม่น้อยถ้าจะพกเงินจำนวนนี้กลับไป"
"ฉันมาจากหมู่บ้านเติ้งกู่ค่ะเถ้าแก่ ห่างจากตัวเมือง 15 กิโล เป็นสะใภ้บ้านมู่ แต่ตอนนี้ฉันย้ายเข้ามาอยู่บ้านเช่าของป้าเหยาที่อยู่ในซอยข้างร้านค่ะ วันนี้รบกวนเถ้าแก่กับเถ้าแก่เนี้ยมานานแล้ว ฉันกับลูกขอตัวกลับก่อนนะคะ แล้วอีก 3 วันฉันจะเข้ามาหาอีกครั้งค่ะ"
"ซาหวักดีค่าคุงลุง คุงป้า" (สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า)
"หวัดีจ้ะเป่าเปา ว่างเมื่อไหร่ก็มาหาป้าได้นะจ๊ะ"
"ค่า"
เสี่ยวเปาโบกไม้โบกมือลาคุณป้าคนสวยแล้วเดินตามแม่จ๋าของเธอออกมา และหนิงซินก็รู้ดีว่าเถ้าแก่ชางจื่ออันต้องการตรวจสอบตัวตนของเธอ ดังนั้นเธอจึงตั้งใจบอกชื่อหมู่บ้านและข้อมูลทุกอย่างออกไปตามความจริงเพื่อให้อีกฝ่ายตรวจสอบได้อย่างง่ายดาย ยังไงก็คงต้องค้าขายกันไปอีกนาน
"ป้าคะ นี่เงิน 20 หยวนเป็นค่าเช่าบ้านค่ะ หนูเพิ่มให้อีก 5 หยวนเป็นค่าเช่ารถเข็น ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อนนะคะ พอดีหนูรีบไปหน่อย เดินไปเจอรถเข็นจอดอยู่ข้างบ้านก็เลยเอามาใช้งานเลย"
"ไม่เป็นไรลูก ไม่เป็นไร ว่าแต่แม่หนูขนของเข้าไปแล้วเหรอ"
ป้าเหยาเอ่ยถามด้วยความสงสัย ทุกอย่างที่หญิงสาวทำดูรวดเร็วจนคนแก่อย่างนางตามไม่ทัน
"ย้ายเข้าแล้วค่ะคุณป้า พอดีฉันขนของมาด้วย ดูบ้านถูกใจก็เลยให้คนรถที่จ้างมาขนลงไปเลยค่ะ"
"ดี ๆ มีอะไรก็ถามป้าได้ แถวนี้ไปมาได้สะดวก ถ้าไปทางขวาก็ออกนอกเมือง ถ้าตรงไปทางซ้ายก็เป็นทางเข้าไปกลางเมือง ห้างสรรพสินค้าและโรงแรมตระกูลกู้ก็อยู่ทางนั้น ธนาคาร ตลาด สถานที่ราชการก็อยู่ไม่ไกลกันนักหรอก ว่าง ๆ ก็ปั่นจักรยานไปวนดูจะได้จำผังเมืองได้"
"ขอบคุณค่ะป้า ฉันกับลูกขอตัวก่อนนะคะ"
หลังจากพูดคุยกันอยู่สักพักหนิงซินก็อุ้มลูกน้อยขึ้นนั่งบนรถเข็นแล้วพากลับบ้านทันที สองคนแม่ลูกหยอกล้อกันอย่างมีความสุขมีเสียงหัวเราะดังไปตลอดทางจนถึงบ้านเช่า
ส่วนเถ้าแก่ร้านค้าอย่างชางจื่ออันก็โทรหาญาติผู้น้องให้ลองไปสืบประวัติของหลี่หนิงซินที่หมู่บ้านเติ้งกู่ ว่าจะมีความเป็นมาอย่างไร