บทที่ 2
เมียเก่าของสามี
ตลอดเวลาที่อยู่บนรถเก๋งสีดำเงาวับของโกมินทร์ มาลุลีนั่งไม่ค่อยสบายนัก หญิงสาวขยับกายยุกยิกบ่อยหน บางคราวก็แอบสูดปากเบาๆ จนสารถีอดรนทนไม่ไหว เอ่ยถามขึ้นมา
“รถฉันนั่งไม่สบายเหรอ”
คนถูกถามเลิกคิ้ว ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาสังเกตตัวเองอยู่
“ปะ...เปล่า เปล่าค่ะ คือ...รถวิ่งแล้วมันสะเทือน มันเจ็บ”
“เจ็บ?” เขาทวนแล้วหันมอง
มือของมาลุลีกำหมัดแน่นอยู่บนหน้าตัก เธอหลบสายตาเขายามที่เขามองมา
“ตรงไหนล่ะ”
มาลุลีอยากหยิกคนถามให้เนื้อเขียวนัก ช่างถามออกมาได้
“ก็...ตรงนั้นนั่นแหละ”
เธอบอกอย่างขัดเขิน มันเจ็บจริงๆ นะ ยิ่งเวลาที่รถแล่นไปบนถนนคอนกรีตที่ไม่ได้เรียบเหมือนถนนลาดยาง แรงสะเทือนก็ยิ่งมากขึ้นจนทำให้ตรงนั้นที่เมื่อคืนถูกใช้งานอย่างหนักเจ็บแปลบขึ้นมา คนช่ำชองอย่างโกมินทร์คงไม่รู้สึกรู้สา แต่กับเธอที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แถมยังถูกกระทำอย่างหนักหน่วงก็ต้องมีผลกระทบบ้างล่ะ
ชายหนุ่มลอบยิ้มเมื่อเข้าใจ เขา...ขับรถให้ช้าลง
“อีกหน่อย...ก็ชิน”
คนได้ยินตาเบิกโต
“ไม่! อะไรที่ควรทำก็ทำไปแล้ว มันจะไม่เกิดขึ้นอีก” เธอท้วง
โกมินทร์ยักไหล่ไม่แยแส
“เรื่องแบบนั้นเขาไม่ทำแค่ครั้งเดียวหรอกนะ”
หญิงสาวอ้าปากค้าง ยกแขนขึ้นกอดอกอย่างไว ยังรู้สึกได้ถึงริมฝีปากคมๆ ที่พรมจูบไปทั่วร่าง รู้สึกได้ถึงรอยมืออุ่นๆ ที่บีบขยำยังพุ่มทรวง
“ไม่พูดแล้ว ไม่พูดเรื่องนี้อีก ถึงกรุงเทพฯ เมื่อไหร่ลุลีจะแยกห้องนอน”
เอี๊ยดดด!!!
เสียงเบรกดังสนั่นราวกับจะมีเรื่องร้าย มาลุลีหัวแทบชนกับคอนโซลรถ
“อะไรเนี่ย! เบรกทำไม” ร้องถามทันทีที่ตั้งสติได้ โกมินทร์เป็นอะไร ทำไมต้องเหยียบเบรกขนาดนี้
“พูดใหม่ซิ เธอ...จะแยกห้องนอน”
“ใช่” เธอพยักหน้า
“ไม่ได้ จะแยกห้องนอนได้ยังไง เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว”
“คนไม่ได้รักกันนอนเตียงเดียวกันอึดอัดตาย” เธอให้เหตุผล
“เมื่อคืนเราก็นอน” เขาท้วง
“แหม...เหมือนลุลีเต็มใจนะคะ ลุลีแก้ผ้านอนรอบนเตียงหรือไง”
โกมินทร์ส่ายหัวให้กับการประชดของภรรยา ไหนว่าบอบบาง ไหนว่าหัวอ่อนว่านอนสอนง่าย ไม่จริง!!!
“เธอเป็นภรรยาฉัน เราควรนอนห้องเดียวกันเพื่อความสบายใจของคุณแม่”
“คุณท่านอยู่บ้านสวน ไม่ได้มานอนกับเราสักหน่อย”
“ลุลี...”
ฝ่ายสามีส่งเสียงปรามแต่ภรรยาไม่สน
“เคารพสิทธิส่วนบุคคลด้วยสิคะ แค่แต่งงานนะคะไม่ได้ขายชีวิต อย่าบงการอะไรกันนักเลย ขอร้องล่ะ!”
โกมินทร์ยกมือยอมแพ้ ตามใจเถอะ มันก็จริงอย่างที่หล่อนว่า คนไม่ได้รักกันมานอนร่วมเตียงทุกวันๆ คงอึดอัดน่าดู ให้เขากับมาลุลีได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันสักพัก ปรับตัวเข้าหากันสักหน่อย อะไรๆ มันอาจจะดีขึ้นก็ได้
บ้านวงศ์กิจจา
บ้านหลังใหญ่รั้วสีขาว ปลูกต้นมะลิเป็นแนวยาวไปตามรั้วบ้าน คือสิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาของมาลุลี สนามหญ้าสีเขียวสดปกคลุมพื้นที่ด้านหน้า ชวนให้สดชื่นสบายตา บ้านในเมืองก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไป อย่างน้อยก็ยังมีสีเขียวให้เห็น
เธอมาที่นี่ไม่บ่อยนักนับแต่จำความได้ ติดตามคุณท่านมาหาบุตรชายของนางนั่นแหละ โกมินทร์ไม่ค่อยอยู่บ้านสวน เขาเติบโตที่นี่ เรียนที่นี่และทำงานที่นี่ ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเมืองกรุงฯ แสนวุ่นวาย นั่นล่ะ...เขา
คนงานในบ้านหลังใหญ่มีมากกว่าเจ้านาย สาวใช้หนึ่ง คนครัวหนึ่ง คนสวนอีกหนึ่ง ทุกคนรอพวกเธออยู่ที่หน้าบ้าน บ้านหลังงามสองชั้นหลังมหึมา ใหญ่เสียไม่มี
เมื่อลงจากรถ โกมินทร์แนะนำเธอกับทุกคน น้าแรมจันทร์เป็นแม่ครัว ลุงชมมีหน้าที่ทำสวนและขับรถบ้างเป็นบางครั้ง ส่วนเด็กสาวหน้าตาน่าเอ็นดูชื่อลดา อายุยังไม่มากแต่คงไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว
“ทุกคนคงรู้จักลุลีแล้ว เรียกคุณเขาว่าคุณลุลีก็แล้วกัน”
โกมินทร์บอกกล่าว มาลุลียิ้มให้ ทุกคนดูเป็นมิตรดี ยกเว้นก็แต่น้าแรม ที่ไม่ยิ้มให้เธอแม้ว่าเธอจะมองนางอยู่
“แล้ว...คุณหนูเกลจะมาเมื่อไหร่คะคุณเก้า”
จู่ๆ น้าแรมก็พูดเรื่องเด็กหญิงตัวน้อยขึ้นมา มาลุลีมองคนถามอย่างพิจารณา ทำไมต้องพูดขึ้นในตอนนี้ ตอนที่เธอเพิ่งก้าวมาเหยียบที่นี่ในฐานะภรรยาของโกมินทร์
“น่าจะบ่ายๆ จัดห้องให้หนูเกลแล้วใช่ไหม”
“จัดแล้วค่ะ” ลดาตอบ
“ดี...ยกกระเป๋าของฉันกับลุลีไปไว้ข้างบนด้วย อ้อ...ของลุลีเอาไปไว้ห้องข้างๆ ห้องฉันนะ”
“อ้าว? ไม่เอาไว้ที่ห้องเดียวกันหรือคะ” แรมจันทร์สงสัย
โกมินทร์ไม่ตอบ เขาก้าวเข้าไปในบ้าน มิได้รอภรรยา ลุงชมช่วยขนกระเป๋าลงจากรถ มีของมาลุลีสองใบใหญ่ ส่วนของโกมินทร์เป็นกระเป๋าใบเล็กๆ ลดาเข้าไปช่วย แต่กระเป๋าที่ใบใหญ่มันหนักเกินไปสำหรับเด็กสาวที่ตัวเล็กกว่ามาลุลี
“ลุลีช่วยจ้ะ”
“ไม่ต้อง!”
เสียงอันดังของแรมจันทร์ทำให้มือที่จับหูกระเป๋าหลุดออก มาลุลีเป็นงง นี่เธอทำอะไรผิดหรือ
“เป็นเจ้านายก็อยู่ส่วนเจ้านายสิคะ จะมายุ่งวุ่นวายเรื่องคนใช้ทำไม” แรมจันทร์เท้าสะเอวเอ่ยแล้วสั่งทางสายตาให้ลุงชมกับลดาขนกระเป๋าเข้าบ้าน
มาลุลีเข้าใจในนาทีนั้นว่าเธอคงไม่ได้เป็นที่รักของน้าแรมเสียแล้ว
“ทำไมต้องเสียงดังด้วยละคะ ลุลีแค่อยากช่วย” บอกกับอีกฝ่ายดีๆ