เมื่อถูกร้องขอโกมินทร์ก็จัดให้สมอยาก ทั้งจูบ ทั้งดูดดึงลิ้นอ่อนบาง จนร่างสาวสั่นสะท้านรุนแรง สองมือเขาเลิกชายกระโปรงหล่อนขึ้นมาม้วนมัดไว้ข้างสะเอว เสื้อด้านบนที่แต่งกระดุมไว้สามสี่เม็ดก็ถูกเขาดึงออกจากกัน เต้าทรวงอันอวบอัดเบียดชิดอยู่ใต้บราเซียร์สีนิล เขาปลดตะขอเสื้อที่อยู่ด้านหน้าก็กลายเป็นว่าเจ้าก้อนเนื้อนุ่มๆ นั้นเด้งออกมาราวกับถูกปลดปล่อย ใช้สองมือบีบขยำคลำคลึงเท่าไร มันก็ยังนุ่มหยุ่นน่าจับน่าจูบมิคลาย
“อือ...ลุลี...ลุลี...”
เสียงครางของสามีทำเอามาลุลีใจสั่นสะท้าน ท่อนลำอันอาจหาญบุกแทรกเข้ามาในกายเธอจนเจ็บจุก เขาเริ่มมันแล้ว เริ่มการพาเธอล่องลอยในแดนสวรรค์และแดนนรกพร้อมๆ กัน เธอรู้สึกเช่นนั้น มันทั้งเจ็บปวด สุขสมและทรมาน ทุกคราวที่เขาขยับโยกสะโพกสอบ ก็เหมือนว่าเธอได้ลิ้มรสยาพิษที่ปนอยู่โถน้ำผึ้งนั่นเอง
“ดีไหมลุลี ดีไหม...คนดี..” เขาถามเสียงกระเส่า
มาลุลีจ้องลงไปมองเบื้องล่าง ขาข้างหนึ่งของเธอถูกเขาเหนี่ยวไว้ข้างเอวสอบ ในขณะที่เขาโยกกายเข้ามา เข้า...ออก เข้า...และออกอยู่อย่างนั้นซ้ำๆ หัวใจเธอเต้นแรง ยิ่งมองท่อนลำอันใหญ่โตกำลังสวมสอดเสียดสี เส้นขนในกายเธอก็ยิ่งลุกเกรียว
“อา...อืม...คุณเก้า...”
เสียงเนื้อกระทบเนื้อยังดังเป็นจังหวังวะจะโคน บั้นท้ายอันขาวโพลนขยับโยกเข้ากระแทกกับกายสาวครั้งแล้วครั้งเล่า บังเกิดเสียงดังช่างน่าละอาย มาลุลีไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าเธอจะครางออกมาอย่างนั้น ช่างน่ารังเกียจเสียงครางอันยั่วเย้านี่เหลือเกิน
“อ๊ะ...อ๊า...คุณเก้าขา...อือ...”
เสียงของมาลุลีช่างปลุกเร้ากำหนัดของโกมินทร์ได้ดีนัก เขาดึงทึ้งเสื้อผ้าของหล่อนออกจนพวกเขาเปล่าเปลือยไม่แพ้กัน สองมือเขาบีบขยำที่บั้นท้ายงอนงามของภรรยา
“เจ็บไหมคนดี เจ็บหรือเปล่า”
มาลุลีส่ายหน้ายามได้ยินเสียงหวานของสามี คงดีกว่าหากน้ำเสียงนี้จะเอื้อนเอ่ยกับเธอทุกคืนวัน
“คุณเก้า อื้อ...ทำไม...มัน...เป็นแบบนี้ ลุลีขนลุกไปหมดแล้ว อ๊า...”
ยิ่งมาลุลีบอกเล่า โกมินทร์ก็ยิ่งเร่งเร้าแรงกระแทก ท่อนลำอันแข็งแกร่งที่ชุมฉ่ำด้วยสายธาราแห่งคาระ กำลังสวมสอดเข้าออกในโพรงเนื้อสาวของมาลุลีถี่ระรัว สร้างความสุขสมซ่านสยิวจนหล่อนเผลอร้องออกมาไม่เป็นภาษาคน เอาสิมาลุลี เขาจะปรนเปรอให้หล่อนได้รู้จักสัมผัสสวาทแห่งชายหญิง ให้มันรู้ไปว่าผู้หญิงที่ใจแข็งดั่งศิลาจะไม่เอนเอียงหัวใจมาหาเขาเลย
“อืม...ดีจัง แน่นอะไรอย่างนี้ ชอบไหมลุลี”
“อื้อ...”
“อยากทำแบบนี้...อีกไหม อ๊า...”
“อื้อ...” มาลุลีได้แต่ครวญคราง ไม่ไหวแล้ว มันซ่านสยิวเหลือเกิน
“ตอบฉันลุลี ต้องการฉันไหม หืม..”
“ค่ะ...ลุลีต้องการคุณ ลุลีต้องการคุณเก้า อ๊า...อื้อ...”
เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังขึ้นถี่ระรัว โกมินทร์พอใจในคำตอบของภรรยา เฝ้าปรนเปรอหล่อนด้วยแรงแห่งชาย ริมฝีปากเขายังประทับตีตราที่ข้างลำคอ เกิดรอยดูดดึงสีคล้ำที่เป็นดั่งตราประทับว่ามาลุลี คือของเขาคนเดียว
มาลุลีหายใจหอบแรงในอ้อมแขนของสามี ความปรารถนารุมเร้าจนต้องแอ่นอกแอ่นกายให้เขากระแทกกระทั้นเข้ามา สองมือเขายามแตะต้องที่ร่างเธอเต็มไปด้วยกระไอแห่งปรารถนา เขาแตะต้องเธอราวกับสิ่งของล้ำค่าที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่คู่ควรชื่นชม
ก็ได้โกมินทร์ ไม่รักเธอก็ได้ แต่ช่วยถนอมเธอไว้ในทุกคราที่ผิวเนื้อได้แนบเนื้อเช่นนี้ ก็พอ...
บทรักอันซาบซ่านผ่านไปแล้ว โกมินทร์อาบน้ำใหม่ตัวหอมฟุ้งสมใจ นึกเสียดายนิดๆ ที่พอออกจากห้องน้ำมา มาลุลีก็เผ่นแนบไม่มีอาลัยอาวรณ์ หล่อนคงเหนื่อย หรือไม่ก็คงง่วงนอน ก็อยากถามไถ่สักคำ แต่ว่า...สุดท้ายแล้วหล่อนก็กลับไปที่ห้องของหล่อนอยู่ดี
“เฮ้อ...การแต่งงานจะไปรอดไหมนะ เป็นสามีภรรยาแต่แยกห้องกันนอน” ได้แต่บ่นกับตัวเองแล้วเปิดโน้ตบุ๊กขึ้นเช็กงานไปเรื่อย หลายบริษัทในเครือวงศ์กิจจายังทำกำไรและไปได้สวยในตลาดหุ้น ไม่มีอะไรน่าห่วง พรุ่งนี้เขาจะเข้าบริษัทอีก มีโครงการสร้างคอนโดฯ แห่งใหม่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าที่เพิ่งเปิด หวังว่าที่นั่นจะทำกำไรให้เขาอย่างที่แล้วๆ มา
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นถี่ๆ เขาเหลือบมอง และได้งงสุดๆ เมื่อเห็นสิ่งที่มาลุลีกำลังทำ
ครืด...ครืด...
เสียงล้อของกระเป๋าเดินทางครูดกับพรมบนพื้น มาลุลีลากกระเป๋าเสื้อผ้าของหล่อนเข้ามาพร้อมกันถึงสองใบ
“นี่มัน...อะไร?”
“กระเป๋าไงคะ ไม่รู้จักกระเป๋า?”
เธอทวงถามในสิ่งที่คิดว่าเขาต้องรู้สิว่ามันคืออะไร
“อ้อ...ใช่ ฉันรู้ว่านั่นกระเป๋า แล้วเธอ...ลากเข้ามาทำไม”
“เป็นผัวเมียกันก็ต้องนอนห้องเดียวกันไม่ใช่หรือคะ”
เขาพยักหน้า ก็ใช่ละนะ แต่ว่า...
“ก็...บนรถน่ะ เธอยืนยันเสียงแข็งว่าจะแยกห้องกันนอน”
หญิงสาวคลี่ยิ้มอย่างนางมารร้าย “ทำไมยังกล้าพูดแบบนั้นหลังจากจัดหนักจัดเต็มลุลีในห้องน้ำละคะ”