บทที่ 4/3 รอยลิปสติกกับคาลาไมน์

976 คำ
และเพียงสามวินาทีที่ได้ขังตัวเองอยู่ในห้องแคบๆ หยดน้ำตาก็ค่อยๆ ไหลลงมาอย่างแค้นใจ สุดท้ายแล้วเขาก็ยังเข้าข้างเมียเก่า คนที่มาทีหลังแถมไม่ได้รักอย่างเธอ ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรเลย ตอนนี้สิ่งที่เธอควรทำไม่ใช่ปกป้องตำแหน่งเมีย แต่เป็นการปกป้องหัวใจต่างหาก ปกป้องหัวใจไม่ให้รักเขาไปมากกว่านี้อย่างไรเล่า มือน้อยค่อยๆ ปาดเช็ดหยดน้ำตา ยิ่งเช็ดมันก็ยิ่งไหลมาเหมือนตาน้ำที่อยู่กลางทะเลทราย “เฮอะ! ดีนักเหรอ หล่อนักหรือไง ไม่รักก็ได้ ใครจะไปรักลง คนใจร้าย!” ด่าเขาในห้องน้ำอันว่างเปล่า น้ำตาที่ไหลยังไหลมาจนเจ้าของนึกรำคาญ หนักเข้าก็ทนไม่ไหว ลุกไปยืนใต้ฝักบัว เปิดสายน้ำให้มันชำระล้างหยดน้ำตา เธอจะไม่ร้องไห้หรอก เธอจะเข้มแข็ง จะใช้ปัญญาให้มากกว่าอารมณ์ เหมือนอย่างที่คุณท่านเคยสอน อารมณ์คือปัญหา ปัญญาคือทางออก ถ้าตอนนี้ปัญญายังไม่เกิด เธอก็ต้องตั้งสติให้ได้ อย่าให้ความรู้สึกลึกๆ ที่มีต่อโกมินทร์มาทำให้เธอทุกข์ทรมาน เพราะแม้ว่าเธอทุกข์ เขาก็ใช่ว่าจะทุกข์ไปกับเธอ หัวใจของเธอ มีแต่เธอเท่านั้นที่รู้ว่ามันสุขหรือเศร้าเพียงไร ไม่มีร่างของสามีตอนที่มาลุลีออกมาจากห้องน้ำ เธอเข้าไปแต่งตัวในห้องที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้า ทว่าพอแต่งตัวเสร็จ กลับไม่ยอมออกมาจากห้องนั้น เธอได้หมอนใบหนึ่งกับผ้านวมผืนเล็กๆ พอใจใช้โซฟาในห้องแต่งตัวแทนเตียง มันไม่ได้ลำบากมากมาย เธอไม่ใช่คนตัวใหญ่ และโซฟาก็นุ่มมากพอ “แต่งงานกันไม่ทันข้ามวันก็เอาแต่ทะเลาะกัน แล้วอย่างนี้จะไปรอดไหมลุลี” ถามตัวเองในตอนที่ใจเย็นลงแล้ว สายน้ำที่ราดรดกายช่วยทำให้อารมณ์ขุ่นมัวลดลงได้เล็กน้อย อันที่จริง ถ้ามันถึงจุดจุดหนึ่งที่เกินจะรับไหว เธอเองก็คงต้องถอยนั่นแหละ จะทำอะไรได้ล่ะ คนรักกันยังจะพอเหนี่ยวรั้งกันได้ แต่กับคนที่ไม่เคยรัก มีแค่ความสัมพันธ์ทางกายอันฉาบฉวย มันจะไปผูกพันอะไร พวกเขาเคยรักกันมาก่อน แถมตอนนี้มีลูกด้วยกันอีก ไม่ใช่แพรดาวหรอกที่เป็นคนนอก เป็นส่วนเกิน แต่เป็นเธอต่างหากล่ะ “เฮ้อ...เหนื่อยใจจริงๆ นอนดีกว่า นอนพักเอาแรง” บอกตัวแล้วลุกไปปิดไฟ ไม่รู้ล่ะ ต่อไปนี้ ห้องนี้คือห้องนอนของเธอ แอ๊ด... เสียงประตูเปิดเข้ามาพร้อมกับแสงสว่างจากดวงไฟด้านนอก สามีเธอนั่นเอง เขายืนอยู่ใต้กรอบประตู อยากจะเอ่ยปากถามว่าเขาต้องการอะไร แต่ว่า... ครืดๆ ครืดๆ โทรศัพท์มือถือของเธอถูกดึงมารับสาย ไม่ใช่ใครที่ไหน คุณท่านผู้ใจดีของเธอนั่นเอง ‘ลุลี’ “คะคุณท่าน ลุลีพูดอยู่ค่ะ” บอกกล่าวคนปลายสายในขณะที่สองขายกขึ้นมาพับเพียบเรียบร้อยบนโซฟา โกมินทร์มองกิริยานั้นแล้วเผลอยิ้มเอ็นดู แต่ก็เพียงแค่แวบเดียว แวบเดียวจริงๆ เขาเดินเข้าไปหาหล่อน นั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกัน ‘เป็นยังไงบ้าง บ้านโน้นอากาศดีเหมือนบ้านสวนไหม’ “โธ่...คุณท่าน ที่ไหนก็ไม่อากาศดีเหมือนบ้านสวนหรอกค่า บ้านสวนคุณแสงทิพย์ดีเลิศที่สุดในโลกแล้ว” ‘แหม...เจ้าเด็กนี่ปากหวานจริงๆ แล้วตาเก้าล่ะ’ “คุณเก้าทำไมคะ” ‘พี่เขาดีกับเราหรือเปล่า’ คนถูกถามเงียบไปชั่วอึดใจ หันมองสามีที่กำลังมองตัวเองอยู่ “ก็...ค่ะ คุณเก้าไม่ใช่คนใจร้ายนี่คะ” ‘คุณเคินอะไรกันอีก นอนเตียงเดียวกันแล้วทำไมไม่เรียกพี่เขาว่าพี่ละลูก’ มาลุลีลอบถอนหายใจ การจะเรียกแบบนั้นด้วยความสนิทสนม ไม่ใช่แค่นึกสนุก มันละอายใจเหลือเกิน เธอไม่ใช่คนที่เขานึกเอ็นดูเสียด้วย เธอก็เป็นแค่ตัวอะไรสักอย่างที่เขาต้องรับไว้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง “ค่ะ พี่เก้าก็พี่เก้า” โกมินทร์เลิกคิ้วสูงเมื่อได้ยินชื่อตัวเองอีกหนหนึ่ง เขาดึงโทรศัพท์ของหล่อนมาเปิดลำโพง เจ้าหล่อนหน้าตึง แต่เขาไม่แยแส ‘แล้วหนูเกลเป็นยังไง คงเข้ากับเราได้ใช่ไหม’ แสงทิพย์ถามต่อ “ค่ะคุณท่าน หนูเกลก็น่ารักน่าเอ็นดูดีค่ะ คงจะอยู่ด้วยกันได้ไม่ยาก” ‘ดีแล้วล่ะ เมื่อกี้ฉันโทรหาแม่แรมจันทร์ ได้ยินว่าคืนนี้แพรดาวค้างด้วยเหรอ’ “ค่ะ” ‘ได้ยังไงกัน!’ เสียงจากคนสายปลายค่อนข้างไม่พอใจ ‘ตาเก้าอยู่แถวนั้นไหม เรียกมาทีซิ ฉันจะเอ็ดให้หูชาเลย’ โกมินทร์รีบโบกไม้โบกมือส่งสัญญาณ เขาไม่อยากถูกมารดาเอ็ดอึงก่อนนอนหรอกนะ “เอ่อ...พี่เก้า...อาบน้ำอยู่ค่ะ” ‘เชอะ! นั่งอยู่ด้วยกันใช่ไหม แต่งงานกันไม่ทันไร ริโกหกแทนกันแล้วรึแม่ลุลี’ คนปลายสายจับพิรุธได้เพราะการอ้ำอึ้งของมาลุลี “โธ่...คุณท่าน พี่เก้า...ไม่อยู่จริงๆ นะคะ” ‘เออๆ แก้ตัวแทนกันไปเถอะ ตาเก้าน่ะตัวดี เจ็บแล้วไม่จำนะ จะให้ผู้หญิงคนนั้นเข้ามายุ่งวุ่นวายในชีวิตทำไมอีก เมียก็อยู่ทั้งคน ทำไมไม่คิดถึงใจเมียบ้าง ไม่รักกันอย่างน้อยก็ต้องให้เกียรติ ต้องรู้สิว่าอันไหนสมควรไม่สมควร’ มาลุลีซึ้งใจเกินจะกล่าว เหมือนว่าคุณท่านแสงทิพย์ได้พูดแทนเธอแล้ว ในทุกคำที่อยากพูดออกมา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม