Chapter 6

1939 คำ
นับดาวนั่งรถสาธารณะเดินทางไปเรียนที่มหาวิทยาลัยของตัวเอง เห็นดูจ๊นจนแบบนี้เธอเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังค่าเทอมห้าหมื่นกว่าบาท เรียนคณะที่คิดว่ายากที่สุดและเรียนมามีงานรองรับเงินเดือนเยอะๆ ก็เลยเลือกที่จะเรียนนิติศาสตร์เพราะไปได้หลายอาชีพ งานก็ทำหนังสือก็ต้องอ่านเรียนได้เกียรตินิยมได้ยังไงเธอยังงงตัวเองอยู่ และเมื่อมาถึงที่หมายเธอเดินลงไปจากรถจ่ายเงินเรียบร้อยก็เดินเข้าไปข้างในมหาวิทยาลัย คณะของเธอไม่ไกลจากทางเข้ามากนักก็เลยเดินเข้ามาได้ “ไอ้นับดาวรอด้วย” เธอหันไปมองเพื่อนสนิทก่อนจะยิ้มกว้างออกมาเล็กน้อย ครีมหวานเพื่อนรักที่สนิทกันที่สุดตั้งแต่มัธยมสอบเข้าเรียนมาพร้อมกันก็เลยสนิทกันจนถึงตอนนี้ “วันนี้มาสายนะเนี่ย” “สายอะไรฉันมาปกติเธอเองมากกว่าที่มาเร็ว ปกติเข้าห้องสายตลอดอาจารย์ด่าแล้วด่าอีกงงมากว่าทำไมเรียนดีได้เกียรตินิยม” “ไม่ต้องบ่นเลยรีบไปได้แล้วเดี๋ยวเข้าเรียนสาย เย็นนี้ต้องไปทำงานต่ออีก ถ้ามีเงินมากพอก็จะเลิกทำงานแล้วกลับมาตั้งใจเรียนจะได้รีบๆจบ ฉันก็เบื่อวิ่งทำงานนั่นทีงานนี่ทีแล้ว เหนื่อย!” หญิงสาวบ่นออกมาก่อนจะจับมือกันแล้ววิ่งไปเข้าห้องเรียนด้วยความรวดเร็ว อีกปีเดียวเท่านั้นเธอจะได้เรียนจบและได้ทำงานดีๆกับเค้าสักที ทางด้านของสารวัตรมาวินเขากลับมาทำงานจนถึงเวลาเลิกงานก็กลับมาที่บ้านพักเพื่อรอเวลาไปงานวันเกิดของนายอำเภอ และนี่ก็สี่โมงเย็นแล้วไม่รู้ว่าเธอเลิกเรียนหรือยัง ชายหนุ่มกดโทรศัพท์โทรไปหาเธอเพื่อไถ่ถามว่าอยู่ไหน (โทรมาทำไมไม่ทราบคะ) เสียงที่ตอบรับกลับมาฟังดูก็รู้ว่าคงหน้าบึ้งหน้าบูดไม่น้อยเลย คิดถึงใบหน้าสวยก็อยากเจออยากแกล้งมันสนุกดีนะ ยิ่งโวยวายและบ่นเยอะๆเขายิ่งชอบมันดูน่ารักดี “อยู่ที่ไหนแล้ว” (ยุ่งอะไรด้วยคะ หนูจะเรียนหรือจะนอนจะทำอะไรทำไมคุณต้องอยากรู้ด้วย) “จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย…” เขาเอ่ยออกมาเสียงดุ หญิงสาวเงียบไปไม่กล้าเถียงต่อเพราะไม่อย่างนั้นเขาจะต้องไปบอกแม่เธอ และถ้าท่านไม่ยอมจับเราสองคนแต่งงานกันขึ้นมาเธอจะขาดอิสระภาพในการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ต่อจากนี้แน่นอนเลย เพราะฉะนั้นจะให้รู้ไม่ได้เด็ดขาด (อยู่ที่มหาวิทยาลัยค่ะเพิ่งเลิกเรียน) “เดี๋ยวไปรับรออยู่ที่นั่นแหละ หาขนมกินรอไปก่อนจะพาไปกินข้าวข้างนอก” (หนูกลับเองได้ค่ะคุณไม่ต้อง…) “จะไม่เตือนครั้งที่2แล้วนะหนูน้อยนับดาว พี่เอาจริงนะ” หญิงสาวดีดดิ้นไปมาอย่างอารมณ์เสีย ทำไมเธอถึงเป็นผู้ถูกกระทำทั้งที่เขาเป็นคนขืนใจเธอด้วยซ้ำ นอกจากเสียตัวแล้วทำไมเธอถึงต้องมาตกเป็นรองเขาอีก มันจะได้เปรียบเกินไปรึเปล่า (ก็ได้ค่ะ) “ตามนั้นนะคะพี่กำลังจะออกไป” ชายหนุ่มกดวางสายก่อนจะผิวปากเดินออกไปจากบ้านพักอย่างอารมณ์ดี เขาในชุดพร้อมสำหรับไปร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ก็เลยไม่ต้องกลับมาเปลี่ยนชุดอีก พาหญิงสาวไปกินข้าวเที่ยวเล่นสักสองชั่วโมงแล้วค่อยกลับมาก็ยังทัน และขับรถมาไม่นานก็มาถึงที่มหาวิทยาลัยของหญิงสาว หรูหรามากไม่อยากจะเชื่อว่าเธอเรียนที่นี่ด้วยเงินที่ตัวเองหามาได้ ถึงแม้มันจะด้วยวิธีที่ไม่สุจริตไปบ้างแต่ก็นับถือในความเก่งของเธอ เห็นว่ามหาวิทยาลัยนี้จบยากมากและเมื่อเช้าเห็นโม้ให้คุณแม่ฟังว่าดีกรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งด้วยท่าทางคงเรียนเก่งน่าดู เขากดส่งข้อความไปหาเธอและไม่นานหญิงสาวก็เดินหน้ามุ่ยตรงมาทางนี้ ชายหนุ่มลดกระจกลงก่อนจะกวักมือเรียกหญิงสาว “เหนื่อยมั้ยคะ” “เหนื่อยกับคุณเนี่ยแหละ หนูไม่ได้มีเวลาว่างมาเที่ยวเล่นกับคุณหรอกนะ เดี๋ยวต้องกลับไปทำการบ้านจากนั้นก็ไปทำงานต่อ ไหนจะต้องท่องหนังสืออีกไม่มีเวลาว่างหรอกนะคะ” มาถึงในรถเธอก็บ่นไม่หยุด สารวัตรมาวินทำได้เพียงแค่ยิ้มเท่านั้นไม่ต่อว่าอะไรหญิงสาวอีก เขาขับรถพาเธอมาที่ห้างสรรพสินค้าไม่ไกลจากที่มหาวิทยาลัยมากนัก แหล่งรวมทุกอย่างที่ต้องการทั้งกินทั้งช็อปปิ้งรวมกันในที่เดียว “ลงมาสิ” เขาดับรถและลงมาเปิดประตูให้หญิงสาวลงมา เธอมองไปโดยรอบก่อนจะยอมลงมาตามที่เขาบอก ไม่ค่อยเดินห้างสรรพสินค้าเท่าไหร่ถึงแม้ว่าจะมีเงินข้อแรกคือไม่มีเวลาและข้อสองคือของมันแพงเธอไม่เอาเงินที่หามาได้ด้วยความเหนื่อยล้าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายหรอก “มาทำอะไรที่ห้างคะ” “พามากินข้าวแล้วจะซื้อของให้” เขายื่นมือไปตรงหน้าหญิงสาวเพื่อให้เธอจับ นับดาวลังเลแต่ก็ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงด้วยก็เลยยอมจับมือเขาแต่โดยดี “จริงๆหนูก็โตแล้วนะคะไม่เห็นต้องจับมือเลย” เธอบ่นเสียงอู้อี้แต่ก็ยอมให้เขาจับมือแต่โดยดีถึงแม้ใบหน้าจะบึ้งบูดก็ตามแต่ ทั้งสองคนกุมมือกันเดินไปถึงร้านอาหารชายหนุ่มให้เธอเลือกและด้วยความเคยชินก็เลยกลายเป็นก๋วยเตี๋ยวที่ห้องอาหารของห้างแทน “ทำไมเลือกกินก๋วยเตี๋ยว” “ก็มันกินง่ายดีค่ะแป๊บเดียวก็หมด” เธอยิ้มออกมาก่อนจะสั่งเมนูที่กินบ่อยที่สุดและชายหนุ่มเห็นว่าน่ากินก็เลยสั่งตาม ทั้งสองคนนั่งกินข้าวด้วยกันไม่ถึงยี่สิบนาทีจากนั้นก็ย่อยอาหารโดยการเดินช็อปปิ้งเล่นในโซนของใช้ต่างๆ เขาพาหญิงสาวไปดูเครื่องประดับตั้งแต่เจอจนถึงตอนนี้ไม่เห็นใส่เครื่องประดับอะไรเลยแม้กระทั่งสร้อยคอหรือตุ้มหู “เป็นผู้หญิงไม่ใส่เครื่องประดับหน่อยเหรอ มันเหมาะกับเราดีนะพี่ว่า” “ไม่ค่ะมันแพง ถ้ามันหายขึ้นมาหนูจะร้องไห้เสียใจ” เธอเอ่ยออกมาก่อนจะมองนั่นมองนี่ไปเพลินๆ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบแต่ว่าราคาของพวกนี้มันแพงและเธอต้องเอาเงินไปเรียนหนังสือ ไหนจะค่าใช้จ่ายหยิบย่อยที่ต้องจ่ายในมหาวิทยาลัยอีก เสื้อผ้าไปเรียน หนังสือเสริมโอ๊ยมันเยอะแยะไปหมดไม่งั้นจะหาเงินจนหัวหมุนแบบนี้เหรอ “ของหายทำไมต้องร้องไห้เสียใจด้วย” “ก็เพราะว่ามันแพงไงคะถึงร้องไห้” เขามองเธออย่่างไม่ค่อยเข้าใจกับตรรกะความคิดแบบแปลกๆ แต่ก็ซื่อๆดูไม่มีพิษมีภัยอะไรเลยขนาดจะหลอกเขาทั้งทียังทำไม่เนียนเลยน่าเอ็นดูมากกว่า “งั้นพี่ซื้อให้เวลาหายมาจะได้ไม่ต้องร้องไห้ เพราะเราไม่ได้จ่ายเงินเอง” เขาอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกุมมือเธอเดินไปดูเครื่องประดับต่างๆ มีทั้งกำไร สร้อย ตุ้มหู แหวน เข็มกลัดเยอะแยะไปหมด เธอเหลือบสายตามองกิ๊บติดผมในตู้โชว์ก่อนจะชี้นิ้วบอกพนักงานว่าขอดูหน่อย “ขอดูอันนั้นได้มั้ยคะ” “ได้ค่ะ อันนี้กิ๊บติดผมค่ะลูกค้าจะได้ไปหนึ่งคู่ตกแต่งด้วยเพชรรายล้อมเรียบง่ายแต่ดูหรูหรา” เธอมองอย่างถูกใจพอหยิบดูราคาถึงกับวางแทบไม่ทัน กิ๊บติดผมคู่เดียวสี่พันห้าร้อยบาททำงานตั้งกี่วันถึงจะได้เงินมากมายขนาดนี้ “แหะๆ เก็บเลยก็ได้ค่ะ” “ชอบเหรอ… เอาสิ” “ไม่ค่ะมันแพง เราออกไปข้างนอกดีกว่าหนูว่าที่นี่มันไม่เหมาะกับเราหรอก” เธอลากชายหนุ่มออกมาจากร้านเครื่องประดับเพราะอยู่ไปก็ไม่ซื้อราคามันแพงและคนระดับอย่างเธอเอื้อมไม่ถึงหรอก สารวัตรมาวินถอนหายใจออกมาเล็กน้อยทั้งที่เขาจะซื้อให้แต่เธอก็ยังงกเงินไม่เลิก “ทำไมไม่ซื้อไม่ใช่เงินตัวเองสักหน่อย ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นเค้าหยิบกระเป๋าแบรนด์เนมไปแล้ว” “ก็หนูไม่ใช่ผู้หญิงคนอื่นที่คุณว่านี่คะ หนูไม่ชอบของแพงกว่าจะหาเงินได้แต่ละบาทมันยากแค่ไหนคุณรู้บ้างมั้ย อ่อ ไม่รู้หรอกเพราะคุณรวยนี่” เธอติดประชดเขาเล็กน้อยมองดูนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเองเป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว หนึ่งทุ่มก็ต้องไปทำงานอีกไม่รู้ว่าจะทันรึเปล่า “กลับกันดีมั้ยคะ” “อืม…งั้นนั่งรอก่อนไปห้องน้ำแป๊บหนึ่ง” “ได้ค่ะ” เธอเดินไปนั่งรอตรงม้านั่งใกล้กับบันไดเลื่อน เอาคางเกยไว้ตรงราวระเบียงมองไปโดยรอบอย่างรู้สึกเวียนหัว แสงไฟเยอะแยะไปหมดหรือว่าจริงๆเธอไม่เหมาะกับที่หรูหราแบบนี้ และไม่นานชายหนุ่มก็เดินกลับมาและชวนเธอไปขึ้นรถ ทั้งสองคนขับออกมาด้วยกันใช้เวลาเดินทางไม่นานก็มาถึงที่บ้านของหญิงสาว “มีเงินไปเรียนมั้ยเดี๋ยวโอนให้” “มีค่ะหนูไม่ต้องการเงินของคุณหรอกไม่ต้องเอามาให้หนู ไม่อยากให้ใครมาเลี้ยงดูค่ะมันเหมือนเด็กเสี่ยหนูไม่ชอบ” เธอเอ่ยออกมาตามตรง พนักงานร้านที่เธอทำงานก็มีเสี่ยเลี้ยงหลายคนนะแต่เธอไม่ทำเพราะแม่คงไม่ชอบใจเท่าไหร่ถ้ารู้ว่าเธอเป็นคนแบบนั้น สารวัตรมาวินรู้สึกได้เลยว่านับดาวเป็นผู้หญิงที่แตกต่างจากที่เขาเคยเจอมา เธอไม่เหมือนใครและคือเพชรเม็ดงามที่เขาตามหา… ผู้หญิงแบบนี้แหละที่คู่ควรกับเขา “มีของให้ด้วย” เขาหยิบกล่องเครื่องประดับจากกางเกงออกมาก่อนจะส่งไปให้หญิงสาว เธอนิ่วหน้าเล็กน้อยก่อนจะรับมาแล้วเปิดออก มันเป็นกิ๊บติดผมที่เธอดูไว้แต่ไม่ซื้อเพราะมันแพงมาก “ซื้อมาทำไมคะมันแพงมากเลยนะ” “อยากให้ไม่ได้หวังอะไรตอบแทน… รับไว้นะหนูใส่แล้วน่าจะสวย” เขาเอ่ยออกมาเสียงอ่อนโยนหยิบกิ๊บมาลองติดผมให้หญิงสาวก่อนจะยิ้มออกมาอย่างพอใจ หรือว่าเขากำลังหลงไหลหญิงสาวตรงหน้าอยู่ถึงได้มองมุมไหนก็สวยไปหมด “สวยจัง” “ชมหนูเหรอคะ…” “อืม สวย” นับดาวรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวอย่างแปลกประหลาดและเธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลยด้วย เธออ้ำอึ้งก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณเขาแล้วรีบวิ่งลงจากรถเพราะอยู่ต่อเธอคงทำตัวไม่ถูก “ขอบคุณนะคะสำหรับกิ๊บ งั้นหนูไปก่อนนะ” สารวัตรมาวินมองตามหญิงสาวที่ดูลุกลี้ลุกลนรีบลงจากรถไป แต่ก็แอบเห็นแหละว่าใบหน้าสวยแดงก่ำท่าทางจะเขินน่าดู “น่ารักชะมัดเลยแหะ…”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม