สารวัตรมาวินเดินทางไปทำงานวันแรกด้วยรอยยิ้มสดใส มาไม่ทันไรก็ได้เมียเป็นตัวเป็นตนแถมยังเป็นเด็กซนที่ทำให้เขาตื่นเต้นในชีวิตตลอดเวลาอีกด้วย ต้องมาคอยลุ้นในทุกๆวันว่าเธอจะไปก่อเรื่องที่ไหนอีก ไปหลอกลวงใครเขาอีกมั้ยซึ่งชีวิตมีอะไรให้ทำตลอด
“สารวัตรครับวันนี้มีงานเลี้ยงวันเกิดของนายอำเภอ ทางนั้นเชิญไปร่วมงานสารวัตรจะไปมั้ยครับจะได้ไปทำความรู้จักด้วย”
“ได้สิกี่โมงก็บอกมานะ แล้วก็เตรียมของขวัญไปด้วย”
“ได้ครับท่าน”
เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปนั่งอ่านบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดีความต่างๆ มาวันแรกต้องเก็บข้อมูลให้มากที่สุดจะได้คุยกับเพื่อนร่วมงานได้ และนี่ก็กินเวลาไปเกือบเที่ยงวันแล้วเขาจึงชวนผู้กองไปหาของอร่อยกินในช่วงเวลาพักเที่ยง
“ผู้กองไปกินข้าวกัน”
“ได้ครับสารวัตร ว่าแต่ร้านเดิมนะครับ”
“ร้านเดิมแหละถูกและอร่อย”
“สะอาดด้วยครับ”
ทั้งสองคนมองหน้ากันก่อนจะยิ้มกว้างออกมา สารวัตรนั่งรถไปกับผู้กองเดินทางไม่นานก็มาถึงร้านของป้านับเงิน และเมื่อมาถึงทั้งสองคนก็เอ่ยทักทายสั่งหลายเมนูมาเต็มโต๊ะจะได้กินอิ่มกันถ้วนหน้า
“สารวัตรกินแกงมัสมั่นมั้ย ป้าเพิ่งทำเดี๋ยวให้ชิม”
“กินได้ทุกอย่างเลยครับป้า”
“กินง่ายอยู่ง่ายนะเนี่ย งั้นนั่งลงก่อนเถอะเดี๋ยวป้าเอาไปให้จ้ะ”
เขายกมือไหว้ขอบคุณคุณป้านับเงินที่มีน้ำใจเดินไปนั่งที่โต๊ะสายตาก็มองหาหญิงสาว ตั้งแต่คุยกันตอนเช้าก็ยังไม่ได้คุยกันเลย
“มองหาอะไรเหรอครับผู้กอง”
“เปล่านี่… กำลังคิดว่าจะไปเข้าห้องน้ำดีมั้ยนะ”
ผู้กองไม่ได้สงสัยอะไรเขาหันไปกดโทรศัพท์คุยธุระอย่างอื่นต่อ และไม่นานนับดาวก็เดินออกมาในชุดนักศึกษาสะพายกระเป๋าเป้ใบเล็กด้วย เธอเห็นหน้าสารวัตรมาวินก็ทำหน้าบึ้งบูดทันทีก่อนจะเดินเชิดหน้าไม่สนใจไปหาแม่นับเงิน
“แม่หนูจะไปเรียนแล้วนะ”
“แม่ไม่เห็นเอ็งไปเรียนเช้าเลยสักวัน สอบตกแล้วมั่งเนี่ย”
“แม่! หนูดีกรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยนะ ฝึกงานก็มีคนมาจองตัวไปแล้วเก่งขนาดไหนลูกแม่อ่ะ”
เธอเอ่ยออกมาอย่างภูมิใจในตัวเอง เธอเรียนนิติศาสตร์ชั้นปีที่4 และมีบริษัทลอว์เฟิร์มติดต่อให้ไปฝึกงานที่นั่นแถมพร้อมรับเข้าทำงานด้วย แต่เธอไม่ตอบรับข้อเสนอเพราะว่าถ้าจะทำต้องไปอยู่ไกลมากและแม่กับพ่อคงจะเหงาเพราะไม่มีลูกอยู่ดูแล พี่ชายก็ทำงานอยู่ต่างจังหวัดเธอจึงคิดว่าฝึกงานอยู่ที่จังหวัดบ้านเกิดเนี่ยแหละแล้วหาอะไรทำที่มันไปกลับบ้านได้แค่นี้ก็พอแล้ว ถึงเธอจะบ้าเงินแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำทุกอย่างที่เห็นว่าเงินดี ต้องพิจารณาตามความเป็นจริงด้วย
“จ้า… เอ็งนะมันเก่งพ่อกับแม่อยู่ได้เอ็งอยากไปไหนก็ไปทำเถอะ แม่เอ็งมันแก่แล้วจะอยู่ได้อีกกี่ปีแต่เอ็งยังเด็กอนาคตยังมีทำตามใจตัวเองเถอะ”
“ไม่เอาอ่ะหนูจะอยู่กับแม่ งั้นไปเรียนแล้วนะจ้ะ”
เธอหาวออกมาก่อนจะบิดขี้เกียจ งานก็ต้องทำหนังสือก็ต้องอ่านชีวิตเธอแทบไม่มีเวลานอนหลับเต็มอิ่มเลยด้วยซ้ำ ทำงานกลับมาก็อ่านหนังสือต่อหลับได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ตื่นมาอ่านหนังสืออีกวนลูบอยู่แบบนี้ในทุกวัน
“เดี๋ยวๆเอาแกงไปเสิร์ฟสารวัตรกับผู้กองหน่อย”
“ไม่อ่ะแม่ทำเองดิ”
เธอทำหน้างอง้ำเมื่อได้ยินชื่อของชายหนุ่ม ยังโกรธไม่หายเลยนะเรื่องเมื่อคืนแต่ก็ต้องทำใจเพราะคิดมากไปก็เอาทุกอย่างคืนมาไม่ได้
“เอ็งนี่ยังไงเนี่ยนิสัยไม่ดีเลยนะ”
“บ่นเยอะอ่ะหนูขี้เกียจฟัง”
นับดาวทำหน้าเซ็งๆหยิบชามกับข้าวเดินถือไปเสิร์ฟให้ทั้งสองหนุ่มที่โต๊ะ หญิงสาวยกมือไหว้ทักทายผู้กองด้วยเพราะสนิทสนมกันพอสมควร
“สวัสดีจ้ะผู้กอง”
“สวัสดีจ้ะหนูน้อยนับดาว นี่สารวัตรมาวินเพิ่งย้ายมาทำงานที่นี่รู้จักกันไว้สิ”
“ไม่อยากรู้จัก ชิ!”
เธอทำหน้างอง้ำใส่ชายหนุ่ม ผู้กองดูจะอึ้งไปไม่คิดว่าเธอจะแสดงกิริยาแบบนั้นต่อหน้าสารวัตรมาวิน เขาส่ายหน้ายิ้มๆก่อนจะเอ่ยเสียงหวาน
“หลับฝันดีมั้ยหนูน้อย”
“ยุ่ง! จะกินก็กินไม่ต้องมายุ่งกับหนู”
เธอกระซิบชายหนุ่มเสียงเบากลัวว่าคุณแม่จะมาได้ยินแล้วจะต้องถูกถามเรื่องความเป็นมา เธอไม่อยากให้ใครรู้และมันจะต้องเป็นความลับตลอดไป
“กินด้วยกันสิ”
“ไม่กิน! กินไม่ลงค่ะ”
เธอเบะปากใส่เขาอย่างอารมณ์เสียก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นทันที สารวัตรมาวินอมยิ้มก่อนจะหันไปมองผู้กองที่ทำหน้าสงสัยเป็นอย่างมาก
“อะไรกันครับผมงงไปหมดแล้ว…”
“ไว้เล่าให้ฟัง งั้นผมขอตัวแป๊บหนึ่งนะ”
เขาวิ่งตามหญิงสาวออกไปเพราะอยากจะคุยด้วยเล็กน้อย นับดาวเห็นว่าสารวัตรมาวินเดินตามมาก็รีบวิ่งให้ออกห่างทันที
“ถ้าไม่หยุดพี่จะบอกแม่เราเรื่องเมื่อคืน”
หญิงสาวหยุดชะงักทันทีไม่กล้าเดินต่อ ในเมื่อโดนข่มขู่ขนาดนี้คิดว่าเธอจะกล้าหือกับเขาหรือไง นับดาวหันกลับมามองชายหนุ่มก่อนจะทำหน้างอง้ำอย่างเสียเปรียบ
“ทำไมคุณถึงนิสัยไม่ดีเลยอ่ะ ชอบข่มขู่หนู”
“ก็เรามันน่ารักมั้ยล่ะ ดื้อด้านสอนอะไรเตือนอะไรก็ไม่ได้ ถ้าเชื่อฟังสักหน่อยคงไม่ต้องข่มขู่แบบนั้น”
ชายหนุ่มเดินไปยืนตรงหน้าหญิงสาวยื่นมือไปเกลี่ยปอยผมให้ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูเด็กสาวตรงหน้า
“ไปเรียนยังไง”
“นั่งรถไปค่ะ”
“ทำไมไม่ขับรถไปเอง นั่งรถแบบนั้นมันอันตรายนะรู้มั้ย”
เขาเอ่ยออกมาอย่างเป็นห่วง เรียนมหาวิทยาลัยแล้วควรจะขับรถไปเองมากกว่า เดี๋ยวอีกหน่อยต้องทำงานยังไงวันหนึ่งก็ต้องซื้ออยู่ดี แต่นับดาวคิดว่ายังไม่จำเป็นเธอไปเรียนแบบนี้แหละสบายดีคล่องตัวด้วย
“สะดวกแบบนี้คะ แม่จะซื้อให้แต่ว่าหนูยังไม่เอาเพราะมันเปลืองเงิน”
“งั้นพี่ซื้อให้เอามั้ย”
เขาเอ่ยออกมาเสียงหวาน นับดาวมองหน้าชายหนุ่มอย่างทึ่งมากไม่คิดว่าเขาจะสายเปย์หนักมากขนาดนี้ นี่ได้นอนกับเธอคืนเดียวเลยนะจะเปย์รถให้เลยเหรอติดใจอะไรเธอนักหนา
“คุณติดใจหนูไงเหรอถึงมาเสนอนั่นนี่ให้อ่ะ”
“คงงั้นมั่ง…”
เขาอมยิ้มไม่ว่าอะไรและยอมรับตามความจริงว่าเขาติดใจเธอมาก ทั้งสวยทั้งหอมน่าฟัดน่ากอดไม่รู้ว่าไปหลงเสน่ห์อะไรตรงไหนทั้งๆที่ดื้อมากแถมซนเหมือนเด็ก
“หนูไม่เอาหรอกค่ะ ถ้ารับของก็ต้องเอาอะไรไปแลกเปลี่ยนซึ่งหนูคิดว่าคุณคงไม่ต้องการสิ่งดีๆหรอกนอกจากตัวหนู เพราะฉะนั้นห้ามมาเสนอนั่นนี่ให้อีกเพราะหนูจะไม่ยอมคุณอีกแล้ว เข้าใจ๊…”
เธอกำลังเจรจาดีๆกับเขาอยู่และคิดว่าคนอย่างเขาน่าจะยอมถอยออกไปถ้าเธอพูดขนาดนี้แล้ว แต่คนอย่างสารวัตรมาวินมาไกลขนาดนี้แล้วมีเหตุผลอะไรที่เขาต้องทำตามสิ่งที่เธอบอกด้วยล่ะ
“แล้วแต่นะเพราะยังไงพี่จะก็ทำอีกเราถ้าต้องการ เวลาไหนก็จะทำและเราไม่มีสิทธิ์ไปนอนกับใครเพราะพี่เป็นเจ้าของเราแล้ว”
“ได้คืนเดียวเป็นเจ้าของแล้ว! เหอะ… คิดได้ไง”
เธออ้าปากอย่างอึ้งสุดๆ เอาอะไรมามั่นใจในการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเธอ และคนรักอิสระอยากจะทำอะไรก็ทำอย่างเธอมีหรือจะยอมให้ใครมาแสดงความเป็นเจ้าของแบบนี้
“ก็ลองดูสิถ้าไม่ฟัง พี่จะบอกแม่นับเงินว่าเรานอนกับพี่แล้ว รับรองว่าจากที่ยังพอมีอิสระโดนจับแต่งงานจดทะเบียนสมรสแน่ ถึงตอนนั้นอย่าหาว่าพี่ใจดำนะ… ตั้งใจเรียนนะคะอยากได้อะไรก็โทรมาพี่พร้อมเปย์ จุ๊บ”
เขายื่นริมฝีปากไปขโมยหอมแก้มหญิงสาวก่อนจะเดินผิวปากออกไปอย่างอารมณ์ดี นับดาวยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นรู้สึกว่าตัวเองเหมือนไร้อิสระภาพในการทำอะไรอีกแล้ว เพราะเขาดักทางไว้หมดแถมยังข่มขู่อีก
‘อะไรอ่ะ… เขามีสิทธิ์อะไรมาทำกับเธอแบบนี้ล่ะ’