EP.12 หนีออกจากบ้าน
(มีภาพประกอบ)
คำถามของเธอทำเอาคนเป็นแม่ชะงักไปเล็กน้อย ท่านค่อย ๆ หันหน้ากลับมามองทางปลายฝนก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาของตัวเองไปพลาง ๆ
"นี่แม่กำลังเครียดเรื่องของน้องอยู่นะ!"
"แกช่วยเลิกถามอะไรที่มันไร้สาระแบบนี้สักทีเถอะน่า!" เธอตอบกลับตำหนิลูกสาวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
ก่อนที่ท่านจะเดินกลับไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาด้านหน้าของห้อง ICU และคอยชะเง้อคอมองลูกชายคนเล็กผ่านกระจกบาง ๆ ที่กั้นอยู่
ณ ห้องพักส่วนตัว
นายแพทย์ ครูซ โลเวล
Cruz Lowell
โดยปกติแล้วถ้าเขาต้องเข้าเวรดึก หรือมีเคสผ่าตัดใหญ่ ๆ ซีแอลก็มักจะนอนค้างที่โรงพยาบาลไปเลย ซึ่งห้องพักแพทย์ของเขา ก็ค่อนข้างสะดวกสบายไม่ต่างอะไรจากคอนโดเลยด้วยซ้ำไป แค่มีขนาดที่เล็กกว่าเท่านั้น
ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นในช่วงเช้าตรู่
ซีแอลรีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าและกางเกงให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องพักด้วยท่าทีงัวเงีย ๆ เพราะเขาเพิ่งจะหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมงเอง
"Good morning...จ้าลูกรักของแม่" เสียงของคุณแม่ยังสาวของเขาเอ่ยทักทายลูกชายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
"แม่?" ร่างสูงขยี้ตาและมองไปที่แม่ของเขาอีกครั้ง ซึ่งคนข้าง ๆ แม่ก็ไม่ใช่ใครอื่น พยาบาลยุพินนั่นเอง
"มีอะไรเหรอครับ มาหาผมแต่เช้าเลย" ซีแอลติดกระดุมเสื้อเล็กน้อยใบหน้าของเขาไม่สู้ดีสักเท่าไร
"อ๋อ พอดีว่าแม่ทำอาหารเช้ามาให้น่ะ" คุณหญิงอิงอรยกกล่องอาหารขึ้นมาตรงหน้าอย่างยิ้มแย้ม
"ทำมาสองกล่องเลยนะ" ท่านพูดพร้อมกับเหลือบมองไปภายในห้องของลูกชายก่อนจะยิ้มไม่หุบเลย
"เออครับ งั้นแม่ไปรอผมที่ห้องทำงานพ่อดีกว่านะ เดี๋ยวผมขออาบน้ำแต่งตัวแล้วจะตามไป" หมอซีแอลรับกล่องข้าวของแม่พร้อมกับรีบดึงประตูเตรียมจะปิด
"เดี๋ยวก่อนสิ นี่ลูกไม่คิดจะแนะนำ...เหมือนแพร?" ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของคนเป็นแม่เปลี่ยนไปในทันที ที่เห็นว่าผู้หญิงคนที่อยู่ในห้องของลูกชายตัวดี ก็คือเหมือนแพร ดาราสาวชื่อดังคนเดิม
"สวัสดีค่ะคุณแม่" เหมือนแพรเดินตรงเข้ามายกมือไหว้ท่านอย่างอ่อนน้อม
"สวัสดีจ้ะแพร" คุณหญิงอิงอรรับไหว้ไปตามมารยาท ก่อนจะหันไปขมวดคิ้วถามเอากับทางพยาบาลยุพินแบบงุนงง
"เออ แพรมีถ่ายซีรีส์ตอนบ่าย ๆ อะ งั้นแพรกลับก่อนนะแอล" เหมือนแพรบีบที่ต้นแขนของซีแอลเบา ๆ
"อืม" ซีแอลพยักหน้ารับแบบขอไปที
"แพรไปก่อนนะคะคุณแม่" เหมือนแพรยกมือไหว้คุณหญิงอิงอรอีกครั้ง ก่อนจะเดินก้มหัวออกไปจากห้องของซีแอลอย่างช้า ๆ
หลังจากที่เหมือนแพรเดินออกไปได้สักพักแล้ว บรรยากาศของทั้งสองแม่ลูกก็ดูจะตึง ๆ ขึ้นมาเล็กน้อย
"แม่นึกว่าแอลจะเลิกขาดกับ หนูแพรแล้วซะอีกนะ" คุณหญิงอิงอรถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
"เราเลิกกันแล้วครับแม่ แพรเขาก็แค่แวะมาเยี่ยมผมเท่านั้นเอง" หมอซีแอลเอ่ยตอบกลับไปพร้อมหลบสายตาเล็กน้อย
"เยี่ยมกันถึงเช้าเลยเนอะ เจ้าตัวแสบ" คุณหญิงอิงอรหยิกแก้มของลูกชายอย่างรู้ทัน
"เอาเถอะ ๆ ยังไงก็อาบน้ำแล้วกินข้าวเช้าซะนะลูก" ท่านพยายามยิ้มทั้งที่ใบหน้าบ่งบอกถึงความผิดหวังอย่างชัดเจน
"อย่าเอาแต่เรียน ๆ ทำงาน ๆ หาเวลาพักบ้างนะ" ท่านพูดจบก็เดินหน้าจ๋อย ๆ กลับออกไปจากห้องพักของลูกชายทันที
-ทางด้านบ้านของปลายฝน-
"วันพรุ่งนี้ไม่ต้องเรียนแล้วนะ" เสียงของคนเป็นพ่อพูดไล่ตามแผ่นหลังของเธอมาจากชั้นล่างของบ้าน ทั้ง ๆ ที่ตลอดทางกลับบ้านทั้งพ่อและแม่ไม่มีใครปริปากพูดอะไรกับเธอเลยแม้แต่คำเดียว
"ว่าไงนะ" ปลายฝนที่กำลังจะเดินขึ้นไปบนห้องถึงกับชะงักฝีเท้า และหันกลับมาถามพ่อของเธอทันที
"พ่อให้พี่หมอกเขาฝากงานประจำไว้ให้แกแล้ว พรุ่งนี้ตอนเย็นก็ไปเริ่มงานได้เลย"
"เช้าก็ไปทำร้านสะดวกซื้อ เย็นก็ไปทำงานที่บาร์เดียวกับพี่เขา"
"ได้งานละหมื่นห้า สองงานก็พอจะช่วยผ่อนค่าบ้านได้อยู่บ้าง" พ่อคำนวณทุกอย่างเสร็จสรรพเหมือนท่านไม่ได้จะถามเอาความสมัครใจ แต่มันเป็นเพียงประโยคคำสั่งเท่านั้น
"งานประจำ...เช้า-เย็น นี่พ่อบ้ารึเปล่า!" ปลายฝนเดินกระแทกเท้าลงมาจากบ้านทันที เพื่อปะทะกับพ่อของเธอ
"หนูเรียนหนังสืออยู่นะ!"
"จะออกมาทำงานประจำได้ยังไง" เธอขึ้นเสียงตอบกลับไปอย่างไม่ยอม
"เรียนหนังสือแล้วมันได้เงินมาช่วยจุนเจือในบ้านรึเปล่า ฮะ...อีลูกเวร!" พ่อตะคอกตอบกลับมาเสียงดังลั่น
"ยังไงซะแกก็ต้องลาออก!"
"เพราะแกจะต้องมาช่วยกันทำงานหาเงินผ่อนธนาคาร ไม่งั้นเราทุกคนก็จะไม่มีแม้แต่ที่จะซุกหัวนอน!" หันมาตวาดลั่นพร้อมกับกดปลายนิ้วจิ้มซ้ำ ๆ มาที่หน้าผากของเธออย่างเต็มแรง
"…" ปลายฝนกัดฟันแน่นอย่างอดทน
"เลิกเห็นแก่ตัวสักที โง่ ๆ อย่างแกเรียนไปก็เสียเวลาเปล่า!" เสียงตะคอกดังลั่นบ้าน ปลายฝนที่ได้ฟังถึงกับยืนตัวสั่นด้วยความโกรธ เธอกำหมัดแน่นอย่างพยายามอดทน
"ไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่บาร์แหละดีแล้ว ถ้าขายตัวได้ราคาก็ขายไปเลย" คนเป็นพ่อตวาดลั่นใส่หน้าลูกสาวคนกลาง สายตาของเขามองเธอราวกับของไร้ค่า
"พ่อ! นี่หนูเป็นลูกของพ่อจริง ๆ ใช่ไหม" คนตัวเล็กเอ่ยถามกลับไปทั้งน้ำตา เธอเหลือบไปมองทางแม่อีกครั้ง แม่ยังคงยืนเตรียมอาหารมื้อเย็นอย่างไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรเลย
"ต้องการสามหมื่นต่อเดือนใช่ไหม" ปลายฝนเอ่ยถามกลับไปเสียงสั่น
"ได้ ถือเป็นค่าเวรค่ากรรมที่หนูมาเกิดกับครอบครัวนรกแตกนี่ก็แล้วกัน" คนตัวเล็กพูดออกไปทั้งน้ำตา เธอมองพ่อกับแม่ของตัวเองด้วยสายตาที่เจ็บปวด
เพียะ!!! ฝ่ามือหนาของพ่อตบซ้ำลงบนใบหน้าของเธออย่างเต็มแรง
และจังหวะที่จะง้างมือตบอีกครั้ง ปลายฝนก็ปัดมือของพ่อออกไปทันที
"พ่อจำเอาไว้นะหนูจะไม่มีทางลาออกจากมหาวิทยาลัยแน่"
"และถ้าวันไหนที่หนูเรียนจบและมีงานทำ บ้านนรกหลังนี้หนูก็จะไม่กลับมาเหยียบอีกเหมือนกัน" ปลายฝนวิ่งกลับขึ้นไปบนห้อง เก็บเสื้อผ้าข้าวของ หนังสือเรียนทุกอย่างใส่กระเป๋า
"เออ มึงจะไปตายที่ไหนก็ไป...ออกไป!" พ่อวิ่งตามขึ้นมาตะโกนด่าไม่หยุดปาก
ปัง! ปลายฝนกระแทกประตูปิดใส่หน้าพ่อก่อนจะกดล็อกประตูแน่น
"กูก็คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าลูกสาวอย่างมึงน่ะ มันพึ่งพาอะไรไม่ได้นักหรอก"
"อีลูกเนรคุณ!" เขาตะโกนด่าทิ้งท้ายก่อนจะกระแทกเท้าเดินกลับออกไป
ในระหว่างที่เธอเดินเก็บข้าวของใส่กระเป๋าอยู่นั้น มือก็กดโทรศัพท์โทรไปหาเพื่อนสนิทเพื่อขอความช่วยเหลือ ในตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อยล้าและเดียวดายมากที่สุดในชีวิต
ปัก ๆ ๆ เสียงหัวเตียงของห้องข้าง ๆ ซึ่งก็คือห้องของพี่หมอกดังกระแทกเข้ากับผนังห้องของเธอดังสนั่น
"อื้อ..อ๊า...อะ ๆ ๆ " เสียงครางสุดเสียวซ่านของคู่ขาคนโปรดดังผ่านทะลุกำแพงมาอย่างไม่มีความละอายใด ๆ เลย
"อื้ม..อะ ๆ โอ่ว" เสียงคำรามลั่นของพี่ชายก็ดังขึ้นตามมาติด ๆ
ตับ ตับ...พร้อมกับเสียงร่างกายที่ปะทะกันอย่างเมามัน สั่นสะเทือนไปทั้งผนังและพื้น
ปลายฝนปาดน้ำตาลวก ๆ หันไปมองทางผนังห้องข้าง ๆ ด้วยความรู้สึกเกลียดชัง
ขนาดน้องชายเกิดอุบัติเหตุจะเป็นจะตาย พี่ชายเธอยังไม่เคยสนใจอะไรเลย มีหน้ามาเอากันเสียงดังลั่นบ้านอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรอีกด้วย
เพล้ง! เธอหยิบกระปุกออมสินของตัวเองมาปาใส่ผนังห้องทางฝั่งของพี่ชายไปเต็มแรง ทำให้เสียงเอากันของห้องข้าง ๆ ชะงักไปกลางคัน
ปลายฝนเดินตรงไปกอบโกยเงินเก็บทั้งหมดที่เคยสะสมมาจากการทำพาร์ตไทม์ ใส่กระเป๋าย่ามของตัวเองทั้งน้ำตา เธอรีบเก็บของให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และวิ่งออกจากห้องไปทันที
ตึก ตึก ตึก!! ปลายฝนเปิดประตูห้องเดินแบกกระเป๋าหนัก ๆ ลงมาจากบ้าน
"อีฝน นี่มึงจงใจขัดอารมณ์กูใช่ไหม" เสียงพี่ชายคนโตเปิดประตูห้องมาด่ากราดเธอด้วยความโมโหสุดขีด เพราะเธอทำให้เขาตกใจจนหดเกร็งจนเอากับคู่ขาต่อไม่ได้เลย
ปลายฝนหันกลับขึ้นไปมองพร้อมกับชูนิ้วกลางให้กับพี่ชายไปทันที
"อีน้องเหี้ย มานี่เลยกูจะตบมันให้ตายเลย" สายหมอกรีบวิ่งกลับไปสวมใส่กางเกงเตรียมจะวิ่งลงมาเอาเรื่อง
ปลายฝนเดินผ่านพ่อกับแม่ของเธอไปก็ไม่มีคำร่ำลาใด ๆ เลย ซึ่งพ่อกับแม่ของเธอก็นั่งกินข้าวกันต่ออย่างหน้าตาเฉย
"อย่ากลับมาให้เป็นเสนียดของบ้านอีกก็แล้วกัน" นั่นคงเป็นคำอวยพรสุดท้ายจากปากของพ่อผู้ให้กำเนิดเธอกระมัง
"ค่ะ" เธอกัดฟันตอบกลับไป ก่อนจะรีบเดินตรงไปที่หน้าบ้าน ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ ใบหม่อนเพื่อนสนิทของเธอขี่มอเตอร์ไซค์มาถึงพอดี
"มึงโอเคปะ ฝน" ใบหม่อนหน้าเสียไปเลยเมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อนเธอที่ตาบวม หน้าแดงเป็นรอยนิ้วมือชัด ๆ เลยทั้งสองข้าง
"รีบไปก่อนมึง เดี๋ยวกูเล่าให้ฟังอีกที" ปลายฝนขึ้นซ้อนรถเพื่อนสนิทและบอกให้รีบขี่ออกไปทันที
บรื้น ๆ ขณะที่ใบหม่อนบิดรถออกไปได้ไม่ถึงเสี้ยววินาที เสียงฝีเท้าของพี่ชายก็วิ่งตามรถมา
"อีน้องเหี้ยมึงมานี่เลยนะ กูจะตบมึงให้ตายคามือเลย" เสียงตะโกนด่าทอไล่ตามหลังเธอมาติด ๆ
"โถ่เว้ย!" เขาโวยวายลั่นก่อนจะหยิบเอาก้อนหินที่พอจะหาได้ ปาใส่เธออย่าง
อุกอาจ ราวกับไล่หมูไล่หมาก็ไม่ต่าง
ปัก! เศษหินกระแทกเข้าที่ศีรษะของเธอแบบเฉี่ยว ๆ แต่มันก็ถือว่าโดนอยู่เหมือนกัน
"อ๊ะ.." คนตัวเล็กอุทานเล็กน้อยด้วยความตกใจและเจ็บแบบไม่ทันได้ตั้งตัว