EP.11 รอยรักร้าว
(มีภาพประกอบ)
"คือแพร...ป่วยเหมือนเดิมอีกแล้วอะแอล" เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป สายตาของเธอจ้องมองไปทางหมอซีแอล พร้อมกับจับที่อกด้านซ้ายของตัวเองและกดลงเบา ๆ
"แพรไม่รู้ว่าจะไปหาใครดี ก็เลย...ตัดสินใจมาหาแอล" เธอพูดอย่างช้า ๆ เสียงสั่น ใบหน้าสวยของเธอดูเศร้ามาก ไม่เหมือนกับตอนที่แสดงบนหน้าจอโทรทัศน์ หรือสื่อโฆษณาต่าง ๆ เลยสักนิด
สายตาที่ทั้งสองคนมองกัน มันทำให้ปลายฝนรับรู้ได้ในทันทีเลยว่า พวกเขาคงมีอะไรในใจต่อกันแน่ ๆ
"เออ...งั้นฉันขอตัวก่อนแล้วกันเนอะ" ปลายฝนที่รู้สึกเป็นส่วนเกินมากขึ้นทุกที เธอก็รีบปลีกตัวออกมาจากห้องพักแพทย์ของหมอซีแอลในทันที
ดาราสาวคนสวยหันมายิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร ก่อนจะเดินสวนกับปลายฝนเข้าไปในห้องของหมอซีแอลแทน
แต่ในจังหวะที่ประตูปิดลงแนบสนิทกันแล้ว ปลายฝนดันนึกขึ้นมาได้ว่าเธอดันลืมกระเป๋าย่ามของตัวเองเอาไว้ในห้อง
"ขอโทษนะคะพอดี...ฉะ ฉันลืม" ปลายฝนรีบผลักประตูพุ่งพรวดกลับเข้าไปอีกครั้งเพียงที่จะหยิบกระเป๋าของเธอ
แต่แล้วภาพตรงหน้าก็ทำเอาเธอหน้าเหวอเลย เพราะหมอซีแอลกำลังยืนจูบอยู่กับดาราสาวคนนั้นอย่างดูดดื่ม
ทั้งสองคนค่อย ๆ ถอนจูบออก ก่อนจะหันมามองทางปลายฝนอย่างพร้อมเพรียงกัน
"ฉันลืมกระเป๋าน่ะ" เธอชี้ไปที่กระเป๋าย่ามของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะของเขา และยิ้มเจื่อน ๆ ให้กับทั้งคู่ไป
"ก็รีบเดินเข้ามาเอาไปสิ" เขาเช็ดริมฝีปากตัวเอง พร้อมกับหันมาบอกกับทางปลายฝนด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง ดูไม่ได้สะทกสะท้านใด ๆ
"อ๋อค่ะ ๆ ๆ" ปลายฝนตะกุกตะกักเดินก้มหน้าก้มตามาหยิบกระเป๋าของเธอ
"เออจะไปแน่ ๆ แล้วค่ะ ไม่เดินกลับมากวนอีกแน่นอน" ปลายฝนโบกมือให้ทั้งคู่ไปอย่างทำตัวไม่ค่อยจะถูก เธอแทบจะหลับตาเดินออกไปจากห้องพักของเขา ทั้งเดินชนโต๊ะ ชนประตูออกไปด้วยความลนลาน
ปัง! คนตัวเล็กดึงประตูห้องปิดให้กับหมอซีแอลก่อนจะรีบสาวเท้าสับรัว ๆ ๆ เดินออกมาให้ไกลจากห้องของซีแอลมากที่สุด ก่อนจะหยุดพักเพื่อสูดลมหายใจเข้า ออก เข้า ออก ซ้ำ ๆ อยู่แบบนั้น
"ฟู่ว ๆ ๆ เกือบได้เห็นหนังสดแล้วไหมล่ะยัยฝน!"
"พุธโธ ๆ ๆ ๆ " เธอพยายามที่จะลืมภาพจูบที่แสนดูดดื่มนั้น แต่มันก็ลืมไม่ลงเลยจริง ๆ
ท่วงท่าของสองคนนั้น ใบหน้าของหมอซีแอลในตอนที่ขบเม้มกัดที่ริมฝีปากของดาราสาวสวยคนนั้น มันเป็นอะไรเซ็กซี่ จั๊กจี้เป็นบ้าเลยอะ
"แต่จะว่าไปสองคนนั้นก็ทั้งหล่อ และสวยเหมาะสมกันดีนะ" ปลายฝนพูดขึ้นขณะที่เดินกลับไปยังห้องผ่าตัดของน้องชาย
ก่อนที่เธอจะเริ่มสังเกตเห็นว่าป้ายโฆษณาไฟจอใหญ่ของทางโรงพยาบา ROMI เกือบทั้งหมด ส่วนใหญ่แล้วพรีเซนเตอร์ของทางโรงพยาบาลนี้ก็คือเหมือนแพร ดาราสาวชื่อดังคนเมื่อกี้ที่เธอเจอ
"แต่คุณเหมือนแพรเนี่ย ดังระดับเอเชียนะ"
"เธอจะมาคบกับตาหมอขี้เก๊กนั่นจริง ๆ น่ะเหรอ" ปลายฝนได้แค่แอบสงสัยภายในใจ เพราะงานของเธอในตอนนี้มันรุ่งมาก ๆ ซีรีส์ก็ดังติดลมบนทุกเรื่องเลย
"แล้วถ้าพวกเขาแอบคบกันจริง ๆ "
"แบบนี้เราเอาเรื่องนี้ไปบอกนักข่าวสายบันเทิง โอ้โห! คงมีเงินส่งตัวเองเรียนจนจบแน่ ๆ " ปลายฝนเดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งเธอเดินมาหยุดที่หน้าห้องผ่าตัดของน้องชายอีกครั้ง
ซึ่งในตอนนี้ทั้งพ่อและแม่ของเธอก็ไม่มีใครอยู่แล้ว หลังจากที่เธอเดินกลับมาถึงหน้าห้องผ่าตัด เธอก็เอ่ยถามพยาบาลแถวนั้น จนทราบว่าน้องชายเธอได้ย้ายออกจากห้องผ่าตัดไปอยู่ห้องพัก ICU ที่ต้องมีพยาบาลคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมงแทน
อาการของต้นหนาวยังโคม่าอยู่ และงดไม่ให้ญาติเข้าเยี่ยม แต่ถ้ามีเหตุฉุกเฉินอะไรถึงจะโทรไปแจ้งอีกที
และในตอนนี้ทางโรงพยาบาลได้เลือดที่จะเติมให้กับทางน้องชายของเธอเพียงพอแล้ว เห็นว่าทั้งพ่อและแม่เองก็ไม่มีใครต้องบริจาคเลือด
ซึ่งข้อดีของโรงพยาบาลเอกชนก็คือเครื่องมือทันสมัย มีทั้งทีมแพทย์ ทีมพยาบาลที่เพียงพอสำหรับคนไข้แทบจะทุกเตียงจริง ๆ
ปลายฝนนั่งรอฟังอาการของน้องชายอยู่หน้าห้อง ICU ตลอดทั้งคืน เพราะเธอไม่รู้ว่าจะกลับบ้านได้อย่างไร เงินติดตัวก็ไม่มีสักบาทเลย โชคยังดีที่ยาที่ตาหมอคนนั้นฉีดให้ มันทำให้หายไข้ได้ ไม่อย่างนั้นคงจะแย่กว่านี้แน่ ๆ เลย
พอได้อยู่คนเดียวเงียบ ๆ อีกครั้ง เธอก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบใบหน้าเบา ๆ ข้างที่โดนพ่อตบ แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะทุกครั้งที่เธอพูดจาไม่เข้าหู หรือทำอะไรขัดใจ พ่อก็มักจะดุด่าตบตีเธอเป็นประจำมาตั้งแต่เด็กจนโต
โดยเฉพาะในทุกครั้งที่เธอเอ่ยขออะไรสักอย่างจากเขา แม้ว่าสิ่งที่เธอขอจะสำคัญต่ออนาคตของเธอมาก ๆ แต่พ่อก็ไม่เคยคิดจะสนับสนุนอะไรเธอเลยแม้แต่นิด
แต่ก็ยังถือว่าเธอยังพอมีบุญเก่าหลงเหลืออยู่บ้าง ที่โรงเรียนเก่าของเธอได้รับทุนจากทางมหาวิทยาลัยอเธน่าโดยตรง ทำให้เธอเลือกที่จะยื่น Portfolio ตรงกับทางคณะโบราณคดีเลย ทำให้เธอมีโอกาสได้เรียนในสิ่งที่เธอชอบและใฝ่ฝันมาตลอด
แต่ถึงแม้ว่าเรื่องค่าเทอมจะไม่ใช่ปัญหา แต่ค่าใช้จ่ายในมหาวิทยาลัยเอกชนอย่าง
อเธน่ามันก็ไม่ได้ถูกเลย
มหาวิทยาลัยอเธน่าเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำของประเทศ ที่มีสาขาเรียนทั่วทุกมุมโลก นักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยนี้ ถ้าไม่เป็นเจ้าของธุรกิจเองก็ล้วนแล้วแต่มีงานดี ๆ รองรับเกือบหมด
แต่ทว่าพ่อของเธอไม่ต้องการให้เธอเรียนต่อ ท่านต้องการจะส่งเสียแค่ลูกชายเท่านั้น เพราะท่านอยากให้ลูกชายได้เรียนสูง ๆ ไม่ใช่ลูกสาวที่เป็นเพียงส่วนเกินในบ้านอย่างเธอ
ตามจริงแล้วที่บ้านของเธอค่อนข้างหัวโบราณมาก ๆ และพ่อไม่เคยยินดีเลยที่มีลูกสาว พ่อมักจะบอกกับเธอเสมอว่า เลี้ยงลูกสาวก็เหมือนเลี้ยงลูกคนอื่น สุดท้ายลูกสาวมันก็แต่งงานออกไปอยู่บ้านอื่น ไปดูแลสามีและครอบครัวฝั่งของสามี
พ่อจึงไม่เห็นประโยชน์อะไรเลย ที่จะส่งเสียให้ปลายฝนได้เรียนสูง ๆ เพราะสุดท้ายในยามแก่ชราก็มีแค่ลูกชายเท่านั้นที่พึ่งพาได้
ย่าเคยเล่าให้เธอฟังว่า เดิมทีปู่กับย่าเองก็เคยมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน ซึ่งก็คือพี่สาวของพ่อนั่นเอง เธอได้ทิ้งครอบครัวไปอยู่กับสามีของเธอตั้งแต่ยังสาว ๆ
โดยที่เธอไม่คิดจะสนใจเลยว่า ครอบครัวตัวเองฝั่งนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร แม้แต่งานศพของปู่ ลูกสาวคนนั้นก็ไม่เคยมาเหยียบเลยด้วยซ้ำ ทำให้พ่อจำฝังใจในเรื่องนี้มาก ๆ
ย่าเคยขอให้ปลายฝนพยายามเข้าใจพ่อ แต่ในหลาย ๆ ครั้งเธอก็อยากย้อนถามพ่อเหมือนกันว่าเธอผิดตรงไหน
ยังถือว่าโชคยังเข้าข้างเธออยู่บ้าง ที่พี่ชายของเธอไม่ต้องการจะเรียนต่ออะไรเลย ทำให้เธอมีสิทธิ์ได้เรียนมหาวิทยาลัยตามที่เธอฝัน ถึงแม้ว่าต้องแลกกับการที่เธอต้องทำงาน
พาร์ตไทม์อย่างหนัก แต่อย่างมากก็อดทนอีกแค่สองปี เธอก็จะเรียนจบแล้ว
"แค่อดทนต่อไปเท่านั้น" เธอพูดออกมาเบาๆ ก่อนจะเคลิ้มหลับฟุบไปบนโซฟานุ่ม ๆ ของทางโรงพยาบาลอย่างไม่รู้ตัว
.....เช้าวันต่อมา…..
คนตัวเล็กไม่รู้เลยว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหน แต่มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เธอได้ยินเสียงของใครบางคนกำลังพูดอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวของเธอมากนัก
"ถ้าจะให้ผมพูดตามตรงก็คือ ลูกชายของคุณหัวใจหยุดเต้นไปตั้งแต่วินาทีแรกที่มาถึงโรงพยาบาลแล้ว"
"แต่โชคดีที่แพทย์ของเราช่วยกันปั๊มหัวใจของเขากลับมาได้ทัน" หมอพงศ์หนึ่งในทีมหมอผ่าตัดเมื่อคืนรีบเดินตรงเข้ามาอธิบายด้วยตัวเอง ปลายฝนรีบลุกขึ้นไปยืนฟังอาการของน้องชายแบบใกล้ ๆ แม้ว่าเธอจะเจอเข้ากับสายตาดุดันของพ่อและแม่ที่จ้องมองเธออย่างขุ่นเคืองใจ
"ก่อนอื่นที่ผมพอจะอธิบายให้ญาติฟังได้ง่ายที่สุดเลยก็คือ หนึ่งคนไข้ไม่ได้สวมใส่หมวกกันน็อก ทำให้สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างจัง กะโหลกศีรษะแตก สมองได้รับแรงกระแทกอย่างหนัก นี่ยังไม่รวมกับกระดูกที่หักทิ่มปอด และขาที่แตกร้าวรอการผ่าตัดอื่น ๆ อีกนะครับ"
"สอง จากการตรวจร่างกายอย่างละเอียด อุบัติเหตุในครั้งนี้ทำให้คนไข้มีเลือดออกที่ผิวสมองด้านหน้า และเลือดยังคงไหลมากขึ้น ๆ แรงดันในกะโหลกศีรษะก็สูงเพิ่มขึ้น"
"พอมันสูงขึ้นเรื่อย ๆ มันก็ไปกดเข้ากับก้านสมองในที่สุด ซึ่งมันก็คือสาเหตุหลักในการเสียชีวิต"
"การผ่าตัดเมื่อคืน เราได้เจาะกะโหลกเอาเลือดคั่งออก แน่นอนว่าถ้าช้ากว่านี้ และถ้าไม่ได้อาจารย์หมอดนัยผู้เชี่ยวชาญทางศัลยกรรมประสาทคนนี้ โอกาสรอดแทบจะเป็น 0 เลยครับ" หมอพงศ์พูดอธิบายทุกอย่างไปตามสถานการณ์จริง เพราะอาการบาดเจ็บของต้นหนาวมันหนักหนาสาหัสเสียจนเรียกว่า เป็นงานยากมากของแพทย์เลยก็ว่าได้
"ครับ" คนเป็นพ่อทำได้แค่ขานรับไป ส่วนแม่ที่ยืนฟังอาการไปก็ร้องไห้ไป ด้วยความสงสารลูกชายจับใจ
"แน่นอนว่าในเรื่องการรักษา การผ่าตัดและพักรักษาตัวในห้อง ICU ของทางโรงพยาบาลเราต้องใช้เงินจำนวนมาก"
"ถ้าจะให้ผมแนะนำจริง ๆ ก็คือ ให้พักรักษาตัวที่นี่จนอาการเริ่มดีขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อย แล้วพวกคุณค่อยทำเรื่องขอย้ายไปโรงพยาบาลรัฐบาล ที่ทางคนเจ็บสามารถเบิกตรงได้" หมอพงศ์พูดขึ้นพร้อมกับยื่นใบเสร็จค่ารักษาที่ราคาสูงเฉียดแสนไปแล้วในหนึ่งคืนที่ผ่านมา
"แต่เรื่องนี้อาจจะต้องลองคุยกับบัญชีดูนะครับ ว่าฝ่ายบัญชีจะเรียกร้องให้วางเงินมัดจำเพิ่มเท่าไร และอาจจะมีเอกสารให้เซ็นเพิ่มเติม" หมอพงศ์มองทั้งพ่อและแม่ด้วยท่าทีที่เข้าใจดี แถมยังให้คำแนะนำอย่างสุภาพอีกด้วย
"ฝากคุณพาญาติคนไข้ไปแผนกบัญชีด้วยครับ" หมอพงศ์หันไปบอกกับทางพยาบาลสาวอีกคนที่ยืนอยู่ข้างเขา
หลังจากที่เคลียร์กับทางบัญชีได้ ทางโรงพยาบาลต้องการให้เราวางเงินประกันสูงถึงสามล้านบาท ซึ่งพ่อจึงตัดสินใจเอาบ้านไปเข้าธนาคารก่อน และนำเงินมาเพื่อแลกเป็นค่ารักษาให้กับลูกชายคนเล็กของเขา
หน้าห้อง ICU
"แม่...หนูขอถามอะไรหน่อยได้ไหม" ปลายฝนเอ่ยถามขณะที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แม่ของเธอเอง
"ถ้าคนที่เกิดอุบัติเหตุเมื่อคืน เป็นหนู...พ่อกับแม่จะทำทุกอย่างเพื่อให้หนูรอไหม" ร่างบางเอ่ยถามไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ