"เธอไม่ให้ฉันไปส่งที่บ้านจริงเหรอ" ดรูฟเอ่ยถามเมื่อเขานั้นพยายามที่จะเร้าหรือไปส่งหนูซีน ทั้งที่เธอนั้นปฏิเสธและบอกกล่าวให้เขารู้ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบว่าเธอนั้นต้องการขับรถกลับบ้านด้วยตัวเอง
"นายฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง ฉันบอกว่าฉันเอารถมาแค่ไปส่งที่มหาลัยก็พอ" และนี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นการบอกกล่าวครั้งที่เท่าไหร่ที่เธอนั้นพูดประโยคแนวเดิมซ้ำ ๆ
"อ้าว นี่เธอพูดภาษาคนหรอกเหรอ ก็นึกว่าภาษานกแก้ว" ดรูฟพูดแซวแล้วก็ขำขันอย่างชอบใจ ที่ได้กลั่นแกล้งให้หนูซีนผู้ที่เคยสดใสนั้นหน้างอไม่สบอารมณ์
"ฉันไม่น่าอยากจะเป็นมิตรกับนายแต่แรกเลยดรูฟ" หนูซีนเอ่ยอย่างเอือมระอา ไม่คิดว่าผู้ชายที่ดูมาดนิ่งขรึมจะยียวนได้ถึงเพียงนี้
"ทำไม" ดรูฟย้อนถามอย่างสงสัยในสิ่งที่หนูซีนนั้นบอกกล่าว
"นายกวนตีนมาก ฉันปวดหัวทุกครั้งที่อยู่กับนาย" คำหยาบที่ไม่เคยได้พูดสักครั้ง แต่กับดรูฟเธอยั้งไม่ได้จริง ๆ ที่จะพูดออกไปเสียดื้อๆ
"เสียใจด้วยนะเดือนเมษา เธอเข้ามาหาฉันแล้ว และฉันก็ชอบเธอไปแล้วด้วย คงยากที่จะจากไปแล้วล่ะ" ดรูฟพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร สายตาก็จับจ้องมองไปตามถนน บังคับพวงมาลัยให้รถแล่นเคลื่อนที่
"นายเป็นใครเนี้ยดรูฟ ถึงมาสั่งฉันโน่นนั่นนี่" หนูซีนเหนื่อยอ่อนกับการหน้ามึนของเขา ตะเบงเสียงถามอย่างคนหงุดหงิด
"ก็เป็นแฟนเธอไง หรือจะเลื่อนตำแหน่งให้ฉันเป็นสามีเธอแทนล่ะ" ดรูฟยังไงก็คือดรูฟ บุตรชายเพียงคนเดียวของท่านผู้นำแห่งรัฐชาร์จาห์ ความทะมึงตึงมึนก็ไม่แพ้ผู้เป็นบิดาแม้แต่น้อย ความเงียบนิ่งก็เช่นกัน แต่หากเมื่อนั้นได้พานพบกับใครที่ถูกใจ กิริยาน่าเกรงขามเช่นนี้ก็จะลดเลือนลง
"อร๊าย!! นายนี่หน้ามึนเกินไปแล้ว ฉันไม่พูดกับนายแล้ว" หนูซีนชี้หน้าหวังจะด่าทอ แต่กลับไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าได้ แค่มองหน้าคำที่หวังจะพ่นด่าก็มลายเลือนหายไป ใบหน้าที่ดูมีมนตร์ขลังทุกครั้งที่ได้จ้องมอง เหมือนใบหน้าของซาตานที่สยบบางอย่างลงได้ด้วยการร่ายเวทย์ก็ไม่ปาน (มันขนาดนั้นเลยหรือหนูซีน 5555)
"เงียบ ๆ บ้างก็ได้นะ ฉันเริ่มรำคาญเสียงเธอแล้วเดือนเมษา" ดรูฟเอื้อนเอ่ยอย่างตำหนิ เมื่อเขานั้นพอใจแล้วที่ได้กลั่นแกล้งเธอ
"ฉันอายุมากกว่านายตั้งหนึ่งปี นายควรเรียกฉันว่าพี่นะดรูฟ" หนูซีนเอ่ยขึ้นเมื่อไม่มีสักครั้งที่ดรูฟจะให้เกียรติในความเป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัย
"ก็ไม่ได้อยากให้เธอเป็นพี่" ดรูฟพูดลอย ๆ หน้าตาเฉย ๆ ในขณะที่ขับรถมองทางไปเรื่อย
"นายนี่มัน!....มัน มัน มะ....." หนูซีนหันกลับมาแหวเสียงใส่ และก็ไม่รู้จะหาคำไหนมาด่าอีกเช่นเดิม จนต้องกระอักกระอ่วนนึกคำอย่างเหลืออด
"ก็ฉันอยากมีเธอเป็นแฟน...ฉันไม่เรียกเธอพี่หรอก!"
"กะ กรี๊ด...." หนูซีนผู้ที่แสนจะเคยเรียบร้อยและสดใส เริ่มหงุดหงิดไม่สบอารมณ์เมื่อถูกคนที่ยียวนนั้นป่วนประสาท แต่คำบอกกล่าวที่แสนจะเย็นชานั้นกลับทำให้เธอนั้นหน้าแดงระเรื่อ อยากจะกรีดร้องออกมาเพื่อกลบเกลื่อนความอายที่ตนนั้นมี
"อย่านะ กรี๊ดออกมานี่ฉันปิดปากเธอด้วยปากฉันจริงๆ ด้วย" ดรูฟละมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัยรถ นิ้วชี้ยาวชี้หน้าหนูซีนอย่างข่มขู่จนหนูซีนนั้นหุบปากแทบไม่ทัน เพราะคำขู่ของเขานั้นเธอเริ่มนึกกลัว
"นาย!"
"ก็ลองดู" ดรูฟก็ยังข่มขู่หน้าตายอยู่ร่ำไป แต่กลับหนูซีนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นั้นแทบควันออกหู เมื่อสู้เขาไม่ได้ไม่ว่าจะอะไรเป็นเธอเองที่ต้องพ่ายแพ้เงียบปากทุกที
เสียงเจื้อยแจ้วที่ดังมาจากด้านในของบ้าน บ้านที่ถูกรีโนเวทใหม่ทั้งหลัง ด้วยคำสั่งของเชคฮคาม่านฟ้า เมื่อรู้ว่าบุตรชายนั้นจะต้องเข้ามาอยู่อาศัย เธอจึงสั่งการให้ เชคฮ บราฮิม นั้นปรับแต่งใหม่เพื่อบุตรชายเพียงคนเดียวให้อยู่อย่างสบายไม่ต้องลำบาก
"เสียงใครกัน?" ดรูฟที่ลงจากรถหลังจากแอบตามไปส่งหนูซีนอยู่ห่าง ๆ ปล่อยให้เธอขับรถกลับเองตามที่เธอนั้นร้องขอ ความห่วงใยที่เขามีและความอยากรู้ด้วยว่าบ้านเธอนั้นอยู่ไหน แม้จะไม่คุ้นชินกับถนนหนทางในเมืองไทย แต่ก็ใช่ว่าดรูฟนั้นจะโง่ไม่รู้ ในเมื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่มันก้าวล้ำหน้าไปมาก แค่ถนนหนทางมันจะไปยากอะไร แค่มีจีพีอาร์เอสนำทางให้
(ดรูฟหลานรักของอา) แค่เห็นว่าดรูฟนั้นเดินเข้ามาในบ้าน ท่านอาที่แสนจะรักหลานชายรีบเดินโผเข้ากอดทันทีทันใดที่สายตามองเห็น
"ท่านอา มาได้ยังไงกันครับ" ดรูฟเอ่ยถาม เมื่อสงสัยเหตุใดที่จะนำพาให้อาหญิงที่แสนจะติดหนึบกับแฟนสาวนั้นมีเวลามาหาเขาได้
(อานั่งรถมา) อาฟียาตอบแบบกวน ๆ
"ท่านอาครับ" ดรูฟเอื้อนเอ่ยเมื่อสิ่งที่ได้รับฟังนั้น ทำดรูฟถึงกับไปไม่เป็น
(อาล้อเล่น คิดถึงดรูฟจัง พาเอยแวะมาหาดรูฟบ่นคิดถึงหลาน) อาฟียาบอกกล่าวให้รับรู้ในจุดประสงค์ที่เธอนั้นมาโดยไม่บอกกล่าว
((ดรูฟหล่อมากเลยอ่ะ ขอเอยกอดหน่อยได้ไหม)) เอยที่เดินตามหลังมาเอ่ยชมเมื่อเขานั้นเห็นดรูฟตั้งแต่เด็ก สรรพนามที่ใช้เรียกขานอย่างไม่ถือตัว เพราะเอยนั้นสั่งให้ดรูฟเรียกแบบนี้จนกลายเป็นการชินปาก ทั้งที่เธอนั้นมีศักดิ์เป็นเพื่อนของแม่และอา.....ในเวลาเดียวกัน
(อะแฮ่ม) เสียงกระแอมของอาฟียา ทำให้เอยที่กำลังชูมือที่หวังโอบกอดหลานชายต้องชะงักลง พร้อมกับสายตาดุที่จ้องมองเธอ...สื่อถึงการหวงเมื่อเอยนั้นตีเนียนเพียงแค่คิดถึงหลานชายที่เติบโตเป็นหนุ่มหล่อล่ำและก็น่าขย้ำจับกินมาก ดรูฟที่รู้และเข้าใจมองอาทั้งสองนั้นด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่แทบจะละลายใจลงในทันที แดดประเทศไทยที่ว่าร้อนแรง ก็ยังสู้รอยยิ้มกว้างของดรูฟไม่ได้
"แล้วนี่ทานข้าวกันมาหรือยังครับ ไปทานข้าวกันไหม?" ดรูฟเอ่ยถามทันทีเมื่อพบเจอหน้า มารยาทอันควรจะเป็น นั่นคือการต้อนรับขับสู้
"ยังเลย งั้นเราไปทานข้าวกัน" เอยเอ่ยชวนและลากแขนของดรูฟและอาฟียาออกมาจากตัวบ้านด้วยรอยยิ้ม
ห้างสรรพสินค้าที่หนาตาด้วยร้านอาหารหลากหลาย มีให้เลือกสรรมากมายมีทั้งอาหารไทยและนานาชาติ ดรูฟเลือกร้านอาหารที่เป็นอาหารประจำชาติของตน ความสนิทสนมของอาและหลาน ความงามเสลาของอาทั้งสองไม่ได้ลดหย่อนลงแม้แต่น้อย แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยไปนานหลายปีเช่นเดียวกับแม่ของดรูฟที่ยังคงความมีเสน่ห์และสวยสดไม่ต่างจากตอนเป็นสาวมากนัก ด้วยการถูกปรนนิบัติอย่างดี และสามีอย่างเช่น เชคฮ บราฮิม ที่เอาใจใส่
"เอยทานได้ไหมครับ" น้ำเสียงที่สุขุมเอ่ยถามอย่างน่ารัก ประโยคสนทนาที่หากคนไม่รู้จักคงคิดต่างไปว่าคงไม่ใช่อาและหลานพูดกัน
((ได้สิดรูฟ ชินแล้วล่ะ)) เอ่ยบอกกล่าวให้รับรู้พร้อมกับส่งยิ้มอ่อนมองหน้าหลานชาย
"ท่านอาสั่งเลยดรูฟเลี้ยงเอง" ดรูฟเสนอ
(พ่อหนุ่มสายเปย์ของอา) อาฟียาเอ่ยแซวหลานชาย (เอย เพลา ๆ ลงบ้างก็ได้ ท่องไว้นั่นหลาน) และก็ไม่วายหันเป็นแซวเอยที่แสดงความคิดถึงหลานชายจนออกนอกหน้า มองข้ามหัวอาฟียาไป ซึ่งเอยนั้นไม่ได้คิดอะไรแค่อยากกลั่นแกล้งอาฟียาเล่นเท่านั้น เมื่อมันน่ารักในสายตาของเธอเมื่ออาฟียานั้นเกิดอาการหวงเธอ
สามคนที่คุยกันอย่างสนุกสนานในร้านอาหาร การสนทนาที่มีแต่รอยยิ้มของคนมีความสุข อาทั้งสองที่ดรูฟนั้นคอยดูแลเทคแคร์ตักอาหารให้อย่างสุภาพบุรุษ
"ชิ! ปากบอกว่าชอบเรา ไอ้คนใจโลเล...ควบสองอีกด้วย!" เสียงสบถพึมพำเมื่อสายตามองเห็นคนที่เธอคุ้นตานั่งทานอาหารในร้านที่กั้นด้วยกระจกใส ที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เกิดความผิดหวังทั้ง ๆ ที่เธอกับเขานั้นเพิ่งจากกันไม่กี่ชั่วโมง
"บ่นอะไรลูกหนูซีน" เสียงของพ่อแซมเอ่ยถาม เมื่ออยู่ ๆ ลูกสาวแสนซนก็ชะงักหยุดเดินกะทันหัน
"เปล่าค่ะคุณพ่อ" หนูซีนหลุดจากภวังค์เมื่อเสียงของพ่อแซมนั้นเอ่ยทักขึ้น เมื่อการมาที่ห้างสรรพสินค้าเดียวกันโดยบังเอิญไม่คิดว่าจะเจอคนปากหนักที่ชอบกวนเธอจะมานั่งทานข้าวกับสาวอย่างออกรส
"ไปทานข้าวกันดีกว่าค่ะ" เมื่อสะบัดความคิดออกไม่สนใจอะไร หันมาสนใจคนเป็นพ่อแทน เธอจึงเดินคล้องแขนอย่างน่ารักจากไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง
"เอยอยากนอนกับดรูฟ...วันนี้เรานอนบ้านดรูฟกัน"
"ได้สิ" เสียงพูดคุยของคนสองคนที่อยู่ในห้องน้ำ ตรงแท่นอ่างล้างมือ เสียงสนทนาที่หนูซีนที่นั่งในห้องน้ำนั้นไม่รู้ว่าคือใคร แต่ที่แน่ๆ ชื่อที่ถูกเอ่ยถึงนั้นเธอมั่นใจว่าต้องใช่คนเดียวกันกับที่เธอคิดแน่นอน
ประโยคที่หนูซีนนั้นได้ยินเธอกับตะลึงงัน คำพูดที่มันสื่อถึงเรื่องที่ทำให้เธอนั้นคิดไปไกล
"แล้วพรุ่งนี้เราจะไปไหนกันดี" เสียงแรกที่เธอจำได้เอ่ยขึ้นอีกครั้ง หนูซีนที่กำลังให้คนสนใจ แนบหูกับประตูแอบฟังอย่างเสียมารยาท
"นานๆ จะได้เจอดรูฟทีพาดรูฟไปหาอะไรสนุกๆ ทำดีไหม" เสียงที่แตกต่างออกไปจากคนที่สองเอ่ยเสนอ ยิ่งทำให้หนูซีนนั้นสนใจที่จะฟัง ประโยคการสนทนาที่ทำให้บิดเบือน จนหนูซีนนั้นเบ้ปาก
ไหนบอกว่าชอบ! ไหนบอกว่าสนใจเธอ!
แล้วทำไมต้องมีผู้หญิงในอาณัติถึงสองคนที่อายุอานามค่อนข้างห่างกัน
"นายเป็นเด็กเลี้ยงเหรอเนี้ยดรูฟ" สิ่งที่คิดเองเออเองตัดสินใจเองจนเผลอเลอทั้งที่เธอนั้นยังไม่รู้อะไร
"เชอะ! ไอ้คนหลอกลวง" หนูซีนพึมพำกับตัวเองเพียงลำพังเมื่อเสียงสนทนานั้นเงียบหายไป
เธอค่อย ๆ แง้มประตูดูเพื่อเช็คความมั่นใจ สายตาไล่กวาดมองโดยรอบ จึงเดินออกมาจากห้องน้ำนั้น นึกถึงคำพูดต่าง ๆ นานา นึกถึงใบหน้าดุจเทพบุตรที่เธอนั้นเหมือนต้องมนตร์ทุกครั้งที่ได้มองใกล้ ๆ การกระทำที่เหมือนคนมีใจให้ แต่ทำไมลับหลังแล้วถึงเหมือนลวงหลอกเธอ
"ฉันไม่น่าไว้ใจคนอย่างนายเลยดรูฟ" หนูซีนล้างมือแล้วมองตัวเองผ่านกระจกเงาบานใหญ่ในห้องน้ำ แล้วเอ่ยพึมพำอย่างคนน้อยใจ นึกถึงสิ่งที่เขาทำให้ บางครั้งก็เหมือนห่วงใย กับสิ่งที่เห็นตอนนี้นั้นช่างตรงกันข้าม...เดาทางไม่ถูกจริง ๆ
เมื่อสลัดความคิดที่นึกถึงใบหน้าหล่อที่มีอิทธิพลต่อความคิด จึงเดินออกมาจากห้องน้ำ จังหวะเดียวกันกับห้องน้ำตรงข้ามที่เป็นห้องน้ำชาย ก็พบกับคนที่เพิ่งนึกถึง คนที่ผุดเข้ามาในห้วงคำนึง สองสายตามองกันและหนูซีนนั้นก็ไม่ได้สนใจ มองเขาเพียงครู่สายตาเท่านั้น และหันหวังจะเดินจากมา
"เธอมาที่นี่ได้ยังไง" แต่ว่าเธอกลับถูกชายหนุ่มจับรั้งแขนไว้แล้วเอ่ยถามขึ้น
".........." หนูซีนไม่ตอบกลับใด ๆ ใช้สายตามองไปยังมือหนาที่จับต้องเธออย่างสื่อความหมายของการปล่อยเธอให้หลุดพ้นจากพันธนาการกอบกำ...แต่เขาก็ไม่ทำการใดๆ ยังจับมั่นไว้แบบนั้น พร้อมส่อแววตาอย่างมีคำถามและต้องการคำตอบ
"ฉันถามว่าเธอมาที่นี่ได้ยังไง?" ดรูฟเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อหนูซีนนั้นเอาแต่มองหน้าเขา โดยไร้การตอบกลับ
"เรื่องของฉัน" หนูซีนตอบอย่างไม่สบอารมณ์ และหันหลังจะเดินหนีออกมา แต่ดรูฟก็เดินมาดักหน้าไว้ จนเธอต้องเดินเบี่ยงไปอีกทาง แต่เขาก็มาขวางไว้อยู่ร่ำไป
"เป็นอะไรของเธอ" ดรูฟเอ่ยถามอย่างสงสัย เมื่อท่าทางที่ดูแปลกไปของหนูซีน ใบหน้าไร้รอยยิ้มในแบบที่เธอนั้นชอบทำ สีหน้าที่ดูเฉยชาทั้งที่ก่อนหน้าที่ดูหนังด้วยกันเธอยังดูสดใส
"อย่ายุ่งกับฉันได้ไหมดรูฟ" หนูเอ่ยขึ้นอย่างคนหน่าย ๆ ไม่อยากจะสนใจอะไรทั้งนั้นในตอนนี้ สิ่งที่ได้ฟังได้ยินนั้นทำให้เธออยากขอคืนความสั่นไหวต่อเขาที่เคยมีนั้นกลับคืนมา
"เธอเป็นอะไรเดือนเมษา ทำไมดูเหมือนไม่พอใจอะไรฉัน" ดรูฟที่เริ่มแสดงความกังวลใจ เมื่อหนูซีนนั้นแสดงท่าทางและพยายามหลบหน้าอยู่ร่ำไป
"ฉันจะไปมีสิทธิ์อะไรที่จะไม่พอใจนายกันดรูฟ" สายตากลมเงยมองพร้อมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
"....เธอกำลังไม่พอใจฉัน"
"หลบไปฉันจะกลับ!" หนูซีนผลักดรูฟให้หลบหลีก แต่คนที่ตัวสูงท่วมเธอนั้นกลับไม่ไหวติงใดๆ
"บอกฉันมา ทำไมเธอถึงไม่พอใจฉัน" ดรูฟยังคงเซ้าซี้เมื่อสิ่งที่เธอแสดงออกมาตอนนี้ เขารู้ดีว่าเธอต้องเกิดการไม่พอใจอะไรบางอย่างในตัวเขา
"ก็บอกว่าเปล่าไง? หลบไป" หนูซีนยังคงพยายามหลบหลีก เดินเบี่ยงไปอีกทางอย่างต้องการหลีกหนี
"คุยกันก่อน" ดรูฟที่มือดี คว้าจับข้อมือหนูซีนรั้งไว้ ท่าทางที่เธอนั้นแสดงความไม่พอใจ มันทำให้ดรูฟเริ่มเสียการทรงตัว เพราะกลัวว่าการจะพิชิตใจยัยนกแก้วนั้นล้มเหลว ทั้งที่เริ่มต้นยังไม่ทันไร
"ไม่คุย ฉันรีบ!"
"เดือนเมษา!" เมื่อพูดดีแล้วก็ยังไร้วี่แววที่จะได้คำตอบ อารมณ์ที่พยายามควบคุมจึงหลุดออกมา ตะเบ็งเสียงหนักตวาดใส่หน้าหนูซีนอย่างเหลืออด
"อร๊าย!! ปล่อยฉันนะไอ้คนบ้า ปล่อยเดี๋ยวนี้ ดรูฟ!!.........โอ๊ะ!"
ความดื้อดึงที่หนูซีนนั้นเป็น ทำให้ดรูฟนั้นเริ่มหมดความอดทน อุ้มหญิงสาวขึ้นพาดบ่าห้อยหัวลงมาห้อยกระเตง คนที่ไม่ทันตั้งตัวนั้นร้องเสียงหลงอย่างตกใจ
สองขายาวก้าวเดินไปยังลิฟท์เร็วไว โดยไม่สนใจสายตาของใครต่อใครที่มองตาม ยังพยายามเดินจนมาถึงรถที่จอดอยู่โซนวีไอพีที่ไร้ผู้คนเพ่นพ่าน ปลดล็อกประตูและผลักดันหนูซีนเข้าไปในรถเร็วพลัน และกักกันเธอไว้ด้วยร่างกายตัวเองที่ขวางทาง
"ฉันเจ็บนะ!" เสียงแหลมแผดดังกังวาล ความเดือดดาลเริ่มก่อเกิด เมื่อดรูฟนั้นพาเธอมาอย่างถือวิสาสะ
".....เป็นอะไร?" ดรูฟนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าหญิงสาวแล้วเอ่ยถามอย่างคนใจเย็น เมื่อเห็นสีหน้าของหนูซีนนั้นงอง้ำแปลกไป ทำให้ดรูฟนั้นรู้สึกไม่สบายใจในท่าทีที่เธอนั้นกำลังแสดงออกมา
"เปล่า...แล้วก็ถอยออกไปฉันจะกลับ!" หนูซีนผลักดันร่างหนา หวังว่าจะลุกหนี แต่เขาก็ยังนั่งนิ่งอยู่แบบเดิม มองหน้าเธออย่างจดจ้องไม่วางตา
"ซีน" น้ำเสียงละมุนเอ่ยเรียกชื่อเล่นของเธอเป็นครั้งแรก จนเธอนั้นแน่นิ่งเพราะไม่คุ้นชิน น้ำเสียงที่ฟังแล้วอบอุ่น พร้อมกับสายตาละมุนที่มองเธอ สายตาที่เคยดุดันแปรเปลี่ยนมองเธอในแบบที่แตกต่าง สายตาที่ทำให้คนที่มองนั้นใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
"นะ นายเรียกชื่อฉันเหรอดรูฟ"
"อืม...บอกดรูฟว่าซีนเป็นอะไร"
"นายไม่สบายหรือเปล่าดรูฟ นายแทนตัวเองด้วยชื่อและเอ่ยชื่อเล่นของฉันงั้นเหรอ..." หนูซีนเอ่ยถามไม่อยากจะเชื่อหูเลยว่า คนที่ด้านชาและมาดนิ่งอย่างเขาจะพ่นคำที่แสนจะละมุนดีต่อใจได้เช่นนี้ มือเรียวบางแตะสัมผัสลงหน้าผากของคนตรงหน้าเพื่อวัดอุณหภูมิในร่างกาย
"สบายดี ไม่ได้เป็นอะไร" มือหนาจับมือเรียวบางที่แตะหน้าผากแล้ววางลงกับตักของเธอ กุมมือของเธอไม่ยอมคลาย และสายตาก็มองเธออย่างลึกซึ้งอย่างสื่อความหมาย หนูซีนที่เสียการทรงตัวมองหน้าคนที่นั่งยองๆ อย่างฉงนใจว่าคนที่เคยแกล้งเธอทุกครั้งที่เจอหน้า ตอนนี้เป็นอะไรกันแน่ ทำไมถึงดูเปลี่ยนไปแบบนี้
"ซีน...ไม่พอใจอะไรบอกดรูฟได้ไหม?"
"ซีนเปล่า......อุ๊บส์!!" การเผลอลืมตัวในการแทนชื่อตัวเองจนต้องรีบใช้มือข้างที่ไร้การกอบกุมนั้นปิดปากเร็วไว...แต่คนที่นั่งมองนั้นกลับลอบอมยิ้ม จนหนูซีนนั้นมีใบหน้าแดงอย่างเขินอาย
"น่ารักจัง" คนที่ยังคงนั่งยองๆ เอ่ยชม ครั้งแรกกับการที่ถูกเขาชมซึ่ง ๆ หน้า จนทำให้หนูซีนนั้นใบหน้าร้อนผ่าว
มือหนาของดรูฟจับมือเรียวที่ใช้ปิดปากนั้นออก เผยให้เห็นเรียวปากหยักเล็กได้รูปสีชมพูระเรื่อที่น่าหลงใหล ดรูฟยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ สองมือจับกุมมือเรียวไว้ สายตาสองคู่จ้องมองกัน หนูซีนที่สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่รินรดกับผิวหน้า เธอค่อย ๆหลับตาและเม้มปากแน่นเมื่อใบหน้าของดรูฟนั้นขยับเข้ามาใกล้ และดวงตาต้องเบิกกว้างตกใจ เมื่อความอุ่นของเรียวปากหยักสวยสัมผัสลงกลีบปากของเธออย่างแผ่วเบานุ่มนวล เรียวปากที่ไม่เคยมีชายใดได้สัมผัสอย่างลึกซึ้งในแบบชายหญิง...เรียวปากนี้มีเพียงพ่อและน้องชายเท่านั้นที่เธอให้สัมผัส
"ดรูฟชอบซีน"