"(ฉันชอบเธอเดือนเมษา)" คำย้ำบอกชอบที่ออกจากปากของคนปากหนัก ผู้ชายมาดนิ่งที่ไม่เคยคิดเลยว่าจะมาชอบคนอย่างแม่นกแก้วได้ แต่ด้วยความสดใสและรอยยิ้มของเธอ มันตรึงติดต่อสายตาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเห็น
ดรูฟที่นั่งเงียบเพียงลำพังในสวนหลังบ้าน คิดวนซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับเรื่องราวที่เขาสารภาพไปกับเธอ เมื่อมั่นใจว่าสิ่งที่เป็นในใจ คิดหวงแหนทุกครั้งที่เธอนั้นอยู่ใกล้ชายอื่น สิ่งเหล่านี้คืออาการคนหึงหวงอย่างคนรัก
"หึ เธอเตรียมรับมือฉันให้ดีเลยเดือนเมษา" ดรูฟที่นั่งไขว้ห้างนั่งเล่นในสวนพูดขึ้น พร้อมกับสายตาที่จ้องมองรูปภาพของหนูซีนที่เขาแอบถ่ายไว้ตอนทีเผลอ โดยที่เธอไม่รู้ตัว
ครืดดด ครืดดด เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือดังอย่างส่งสัญญาณในการโทรเข้ามา เป็นการโทรเห็นหน้าในแบบสมัยใหม่ ซึ่งชื่อของปลายสายที่เห็นนั้นคือพ่อและแม่ของดรูฟนั่นเอง
"อัสซาลามูอาลัยกูม ท่านพ่อ" ดรูฟกดรับสายและเอ่ยทักทายตามธรรมเนียม
"วาอาลัยกูมมุซซาลาม ลูกชาย" เสียงเข้มของ เชคฮ บราฮิม ตอบกลับพร้อมกับใบหน้าคมที่ยังดูดี แม้จะมีรอยย่นตามอายุและการเวลา แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาและดูดีลดลง
"เป็นไงบ้างดรูฟ วิธีที่พ่อแนะนำได้ผลไหม" เชคฮ บราฮิมย้อนถามเมื่อก่อนหน้าลูกชายได้ปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องหัวใจ และได้รับคำแนะนำจากบิดาว่ารุกเท่านั้นถึงจะได้ดั่งใจ (วิธีนี้ท่านพ่อใช้มาแล้วใช่ไหมล่ะ ?)
"ก็....ยังไม่รู้เลยครับ" ดรูฟตอบกลับอย่างอาย ๆ เมื่อบิดานั้นถามออกมาตรง ๆ
"แนะนำอะไรแผลงๆ ให้ลูกเหรอคะท่านเชคฮ" เสียงหวานของเชคฮคาม่านฟ้าสอดแทรกเข้ามาในสาย และเผยให้เห็นใบหน้ามารดาที่ยังดูสวยโชว์ต่อสายตา
"ท่านแม่ครับ คิดถึง อยากกอดท่านแม่จัง" บุตรชายเพียงคนเดียวพูดอย่างออเซาะขึ้นทันที เมื่อเห็นหน้าของมารดา กิริยาแบบนี้เขาไม่เคยทำกับใครนอกจากแม่ของเขาเท่านั้น
"แม่ก็คิดถึงดรูฟ ว่างแล้วมาหาแม่บ้างนะ" เชคฮคาม่านฟ้าพูดตอบกลับบุตรชาย ความห่างไกลจนคิดถึงแทบทุกเวลา เมื่อเห็นหน้าและคำพูดที่บุตรชายพร่ำยิ่งตอกย้ำความคิดถึงมากเป็นทวี
"ท่านแม่อย่าร้องไห้สิครับ" ดรูฟบอกกล่าวเมื่อเห็นน้ำตาคนเป็นแม่ไหลริน
"เดี๋ยวพ่อปลอบแม่เองดรูฟ" เชคฮ บราฮิม คนกะล่อนพูดแทรกและโอบกอดเชคฮคาม่านฟ้าโดยไม่สนใจสายตาของบุตรชายแม้แต่น้อย "อย่าร้องนะครับคนดี หื้ม"
เพี๊ยะ!!
"อายลูกบ้างสิคะ" เชคฮคาม่านฟ้าฟาดฝ่ามือลงต้นแขนของเชคฮ บราฮิม เมื่อการกระทำของสามีนั้นไร้ความอาย ทั้งที่ทำต่อหน้าบุตรชายแท้ๆ
"ท่านพ่อปลอบดีแล้ว ลูกจะได้หายกังวล รักท่านพ่อท่านแม่นะครับ" บุตรชายที่ดูอ่อนโยนเมื่ออยู่ต่อหน้าคนในครอบครัว แต่เมื่อเผชิญกับคนภายนอกเขาจะเป็นอีกแบบที่แตกต่าง ด้วยการถูกอบรมจากบิดาว่าต่อหน้าคนอื่นต้องวางตัวให้น่าเกรงขาม เพราะหากขึ้นเป็นผู้นำจะมาแสดงความอ่อนแอไม่ได้
"รักดรูฟนะลูก/พ่อก็รัก"
"ที่นั่นคงถึงเวลานอนแล้ว ฝันดีนะครับ" ดรูฟเอ่ยลา
"สู้ๆ นะดรูฟ ถ้ามันยากนักก็จับกดเลย ฮ่าฮ่าฮ่า....อู๊ย เจ็บๆๆ"
เพี๊ยะ ๆ ๆ
"สอนลูกแบบนั้นได้ยังไงกันคะ"
"ครับท่านพ่อ"
"ดรูฟอย่าฟังท่านพ่อ นี่แน่ๆๆ สอนลูกทำเหมือนตัวเองเนี้ยนะท่านเชคฮ น่าตีจริงๆ
"ยอมแล้วๆ เจ็บแล้วครับม่านฟ้า" ดรูฟที่เห็นการกระทำหยอกล้อที่แสนน่ารักของบิดาและมารดา ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอ่อน สายสนทนาที่ยังค้างคาไว้ จนดรูฟนั้นต้องตัดสายเอง เมื่อบิดาและมารดานั้นหยอกล้อกันจนเผลอลืมกดวางสาย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด แต่ความรักที่พวกเขามีให้กันก็ยังไม่เสื่อมคลาย แต่กลับดูรักกันมากมายยิ่งขึ้นกว่าเดิม
สองขายาวก้าวเดินมายังโต๊ะมาหินอ่อนที่มีหญิงสาวปากนกแก้วนั่งอยู่เพียงลำพังไร้เพื่อนสนิทข้างกาย ทำไมวันนี้ถึงอยู่คนเดียวได้ ทั้งที่ทุกวันต้องมีบอร์ดี้การ์ดฝาแฝดขนาบข้างเป็นตังเม
ดรูฟเริ่มก้าวขาเดินมุ่งตรงไป เมื่อนี่น่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ทำความคุ้นเคย แต่ขาต้องชะงักหยุดเดินเมื่อเห็นใครคนหนึ่งนั้นเดินเข้าไปทางเดือนเมษาพร้อมกับช่อดอกไม้สีขาวสะอาดตาช่อใหญ่ยื่นให้กับเธอ ดรูฟไม่เข้าไปแทรกยืนสองมือล้วงกระเป๋ามองสถานการณ์อยู่ห่างๆ เท่านั้น
"ไอ้นี่เป็นใครกัน" เสียงสบถหยาบโลนเอ่ยขึ้นเพียงลำพัง จ้องมองไปยังสองคนนั้นที่กำลังสนทนาด้วยท่าทางที่ดูสดใส "กับอีแค่ดอกไม้ช่อเดียว มันจะกี่บาทกันเชียว...แล้วทำไมเธอต้องหน้าตาน่ารักด้วยนะยัยนกแก้วแปดหลอด" ดรูฟที่เห็นหนูซีนนั้นชื่นชมดอมดมดอกไม้สีขาวแล้วรู้สึกไม่ชอบใจ ทำไมเธอต้องมีหน้าตาดึงดูดคนอื่นให้เข้าหา ทำไมใบหน้านั้นไม่สะดุดตาเขาเพียงคนเดียว
เมื่อเริ่มเห็นท่าทีไม่น่าไว้วางใจ ผู้ชายที่เอาดอกไม้มาให้เริ่มเข้าใกล้หนูซีนอย่างเนียน ๆ ดรูฟที่ยืนมองอดกลั้นไม่ไหว ก้าวขาเดินฉับไว มุ่งตรงไปยังคนสองคนที่กำลังคุยอย่างออกรส
"ทิ้งไปซะ" ดรูฟแย่งช่อดอกไม้ที่อยู่มือหนูซีน แต่เธอรั้งยึดไว้
"อะไรของนาย บ้าเหรอ " หนูซีนหันไปตะเบงเสียงใส่เมื่อดรูฟนั้นพยายามแย่งดอกไม้ของเธอจากมือ
"ฉันบอกให้ทิ้งไป" ดรูฟพูดเสียงเข้มสายตาจ้องมองหนูซีนเเข็งกร้าว
"ไม่อ่ะดอกไม้ออกจะสวย" หนูซีนดึงช่อดอกไม้กลับคืน สายตาก้มมองเชยชมดอกไม้ที่อยู่ในมือ สร้างความไม่พอใจให้แก่ดรูฟมากขึ้น
"มึงเป็นใคร มาสั่งคนอื่นทำนั่นทำนี่" ชายเจ้าของช่อดอกไม้พูดขึ้นอย่างนักเลง
"........." ดรูฟนิ่งเงียบใช้เพียงสายตาคมจ้องมองเพียงชั่วครู่เท่านั้น ไม่ได้สนใจคนที่เอ่ยถามสักนิด ไม่ได้มีความสำคัญมากมายต้องเสวนาด้วย
"ทิ้งไป แค่ดอกไม้ฉันซื้อให้เองถ้าเธออยากได้" ดรูฟบอกกล่าวเสียงเรียบ สายตามองหน้าหนูซีนอย่างจับจ้อง
"บ้านรวยหรือไงวะ" ชายเจ้าของดอกไม้พูดแทรก
"รวยกว่านายก็แล้วกัน" ดรูฟตอบกลับอย่างท้าทาย ถึงความจริงที่ไม่มีใครได้รู้ตัวตน
"ฮึ!...แกรู้ไหมฉันลูกใคร" ชายเจ้าของดอกไม้วางท่าเอื้อนเอ่ยด้วยมาดที่เย้ยหยันและมั่นใจ
"ขนาดแกยังไม่รู้เป็นลูกใคร ถามฉันแล้วฉันจะรู้ไหม ปัญญาอ่อน!" ดรูฟพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ยืนนิ่งๆ ไม่มีปฏิกิริยามากมาย ใช้เพียงสายตาคมมองเท่านั้น
"หนอยไอ้นี่" ชายเจ้าของดอกไม้ชี้หน้าอย่างเหลืออดเมื่อดรูฟนั้นไม่ได้มีความเกรงสักนิด
"หยุดค่ะหยุด อายคนอื่นเขา พี่บาสกลับไปก่อนนะคะซีนขอร้อง" เมื่อเห็นท่าจะปานปลายหนูซีนจึงยืนคั่นกลาง สองมือดันอกของทั้งสองคนให้แยกห่างกัน
"......." ชายเจ้าของดอกไม้นิ่งเงียบ ใบหน้าแดงก่ำอย่างคนโมโหเมื่อไม่ได้ใจ ทั้งที่ใครๆ ในมหาวิทยาลัยก็รู้จักดี
"นะคะพี่บาส" หนูซีนพูดขึ้นอย่างขอร้อง มองหน้าชายเจ้าของดอกไม้อย่างอ้อนวอน
"ก็ได้ พี่เห็นแก่น้องซีนหรอกนะ" และเขาก็ต้องแพ้ต่อสายตาหวานนั้น จนต้องยอมถอยห่างออกไปเอง
"ขอบคุณค่ะ"
"แล้วเจอกันใหม่นะครับ"
"ไม่ให้เจอ!!" ดรูฟพูดตามหลังอย่างแข็งกร้าว เมื่อเขานั้นเอ่ยชวนคนที่หมายตาก่อนจะเดินจากไป
"ดรูฟ!...." หนูซีนตวาดใส่เสียงลั่นจนดรูฟนั้นนิ่งเงียบสงบลง
"ชอบมันเหรอ?" เขาเอ่ยถามอย่างต้องการคำตอบ สายตาจ้องมองหนูซีนอย่างไม่ลดละ
"เปล่า" หนูซีนตอบกลับเสียงแผ่ว
"แล้วรับดอกไม้มันทำไม" ดรูฟยังคงเซ้าซี้ถามต่อไป
"ก็เขาให้ เดี๋ยวเสียน้ำใจ" หนูซีนตอบกลับดั่งใจคิด
"ทิ้งไป...ฉันซื้อให้ใหม่" ดรูฟสั่งการอย่างคนเอาแต่ใจ เมื่อดอกไม้ที่เห็นนั้นช่างขัดต่อสายตา
"นายบ้าไปแล้วดรูฟ"
"ทิ้ง!" ดรูฟตะเบ็งเสียงหนัก มองหน้าหนูซีนอย่างบังคับให้ทำตาม ใช่ว่าอยากทำกิริยาแบบนี้ใส่ใคร แต่เมื่อมันไม่ได้ดั่งใจปรารถนาเลยเก็บกลั้นอารมณ์ไว้ไม่ได้
"ไม่ทิ้ง ดอกไม้ไม่ผิดอะไร ทิ้งได้ไง" หนูซีนยังคงโต้เถียง
"เดือนเมษา!"
"ตวาดทำไมเนี้ย" เมื่อหลายต่อหลายครั้งที่เขาเสียงดังใส่จนหนูซีนนั้นทนไม่ไหว ตะเบ็งเสียงต่อว่าทันที
"ทิ้งเดี๋ยวนี้"
".........." หนูซีนไม่ยอมทำตามซ่อนดอกไม้ไว้ข้างหลังอย่างหลบหลีก เมื่อความนึกเสียดายในดอกไม้สวย ๆ นั้นเธอยังเชยชมไม่หนำใจ
"ได้! ไม่ทิ้งใช่ไหม" หมับ ฟิ้วววววว ลาแล้วลาลับเขาไม่กลับย้อนมา .? ช่อดอกไม้ราคาแพงลอยละลิ่วไปไกล เมื่อดรูฟนั้นแย่งจากมือหนูซีนแล้วโยนไปไกลอย่างไม่ไยดี
"งื้อ ดอกไม้ของฉัน" หนูซีนที่ได้แต่มองตามช่อดอกไม้ พึมพำเสียใจเมื่อมันตกลงกลางถนนพร้อมกับรถที่แล่นมาเหยียบจนกระจัดกระจาย "คนนิสัยไม่ดี คนเอาแต่ใจ ทิ้งของคนอื่นได้ไงกัน"
"พูดมากเดี๋ยวจับจูบซะนี่"
หนูซีนรีบใช้มือปิดปากเร็วไว เมื่อดรูฟนั้นก้มหน้าเข้ามาใกล้อย่างข่มขู่ สายตาที่มองมา รอยยิ้มอ่อนตรงมุมปาก สองสายตาสบจ้องมองกัน ดวงตากลมโตที่ดรูฟได้สัมผัสนั้นช่างถูกใจจนอดไม่ได้ที่จะแตะริมฝีปากลงหลังมือนุ่มนิ่มนั้น ดวงตากลมเบิกโตเพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้าต่อที่สาธารณะแบบนี้
"คนนิสัยไม่ดี" หนูซีนว่ากล่าวอย่างตำหนิ เมื่อดรูฟนั้นฉวยโอกาสกับเธอ แม้จะเพียงสัมผัสริมฝีปากลงหลังมือ ก็คือการล่วงเกิน
" ................. " ดรูฟเงียบไม่ตอบอะไร แค่ส่งสายตามองไปยังหนูซีนด้วยแววตาทะเล้นเท่านั้น
"พูดด้วยก็ไม่พูด ชิ!" เมื่อเห็นแล้วว่ายังนิ่งเฉย ไม่มีเปรยคำใดๆ ออกมา หนูซีนจึงละสายตา แล้วก้มหน้าเก็บของหวังจะเดินหนีออกมา
แต่ก้าวขาไม่ทันไร ก็โดนดรูฟรั้งแขนไว้ จนต้องนิ่งหยุดเดิน แล้วหันไปเผชิญหน้ากับคนที่ตัวสูงอีกครั้ง
"ไปดูหนังกัน"
"เอ๋??...นายเนี้ยนะจะไปดูหนัง" หนูซีนสงสัยในคำชวน ย้อนถามอย่างไม่เชื่อหู
"ทำไมคนอย่างฉันมันดูหนังไม่ได้หรือไง" ดรูฟเอ่ยขึ้นทันใดเมื่อหนูซีนนั้นทำหน้าตาฉงนใจ
"ท่าทางไม่ให้อ่ะ ไม่น่าจะดูหนัง" หนูซีนยืนมือกอดอกมองหน้าคนที่ไม่คิดว่าจะดูหนังได้ หน้าตาไม่ให้เอาเสียเลยถ้าไปขับรถยิงปืนยังพอว่า
"แล้วฉันควรจะดูอะไรล่ะ เดือนเมษา" ดรูฟขยับตัวเข้ามาใกล้ ไล่สายตากวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้าไล่ต่ำตามร่างกายของหนูซีนอย่างคนเจ้าเล่ห์ที่เห็นหนูซีนนั้นทำท่าทีไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
"ถอยออกไปเลยนะ...แล้วก็เลิกมองฉันแบบนั้นด้วย" หนูซีนแหวเสียงใส่ เมื่อดรูฟนั้นขยับตัวเข้ามาใกล้และใช้สายตามองเธออย่างลวนลาม
"ตกลงจะไปไหม?...อ่าไม่ต้องตอบละ ชักช้าอืดอาด"
"เดี๋ยว ๆ นายอาหรับ ฉันยังไม่ตอบตกลงเลยนะ"
หนูซีนแทบตัวปลิวเมื่อแรงของดรูฟที่กระชากแขนเธอให้เดินตามอย่างไม่ทันตั้งตัว คำชวนที่เธอนั้นไม่มีโอกาสที่จะได้ตอบกลับแต่คนหน้ามึนก็กระชากเธอไปอย่างเอาแต่ใจ โดยไม่ถามสุขภาพของหนูซีนสักคำ
"ดรูฟ!! ฉันยังไม่ตกลงเลย ปล่อยฉัน!" หนูซีนรั้งแรงยั้งเดินแต่ก็ไม่สามารถสู้แรงชายตัวใหญ่อย่างดรูฟได้
"ชู่ว!!!! เงียบเลยยัยนกแก้ว ฉันไม่ให้เธอปฏิเสธ...ขึ้นรถ!" ดรูฟชี้หน้าจิ๊ปากอย่างออกคำสั่งเมื่อหนูซีนนั้นคัดค้านปฏิเสธ สีหน้าของเธอแสดงถึงความไม่พอใจเมื่อถูกบังคับ
"ไอ้คนบ้า! เอาแต่ใจ! ไอ้........." เมื่อการถูกบังคับเป็นสิ่งที่ไม่ชอบใจ หนูซีนสาดทอคำด่าอย่างไม่เกรงกลัว ชี้หน้าพร้อมสาดคำหยาบอย่างเหลืออด
"เข้าไปอย่าให้ต้องใช้กำลัง!" ดรูฟลั่นเสียงสั่งการอย่างข่มขู่ สายตามองหนูซีนอย่างจับจ้องไม่กระพริบตา สายตาที่แข็งกร้าวที่ทรงอำนาจ ดูมีพลัง จนหนูซีนนั้นต้องยอมทำตามเกม แม้จะพยายามหลบหลีกเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถเลี่ยงได้เมื่อดรูฟนั้นลั่นแล้วเขาทำจริงแน่นอน
เมื่อเห็นว่าหนูซีนนั้นแน่นิ่งไม่ยอมขึ้นรถตามที่สั่ง เขาจึงดันหลังผลักเธอเข้าไปในรถพร้อมคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ ใบหน้าที่อยู่ใกล้ในระยะประชิดปะทะกับสายตากลมจนทำให้หนูซีนนั้นสั่นไหว จนแทบกลั้นหายใจ
"ถ้าลงจากรถเจอดีแน่เดือนเมษา" ดรูฟเอ่ยวาจาอย่างข่มขู่ปิดประตูรถแล้วเดินอ้อมไปอีกฝั่งของรถ พร้อมกับมองหนูซีนไม่วางตาด้วยทีท่าข่มขู่
"ไอ้คนบ้า" หนูซีนสบถคำหยาบอย่างเหลืออด เมื่อโดนเขานั้นบังคับ สายตามองตามเขาอย่างโกรธเคือง
"อยากดูเรื่องอะไร?" ดรูฟเอ่ยถามเมื่อเดินเข้ามาในโรงหนังที่มีผู้คนมากมาย เคาน์เตอร์จำหน่ายที่ผู้คนต่อคิวรอซื้อตั๋ว
"ไม่อยากดู นายก็รู้ฉันถูกบังคับมา" หนูซีนตอบกลับหน้าง้ำงอ มองหน้าดรูฟอย่างไม่พอใจ "นายอยากดูเรื่องอะไรก็เลือกๆ เถอะ"
"งั้นรออยู่ตรงนี้...อย่าแอบหนีไปไหน ถ้าจับได้เธอโดนทำโทษแน่!" ดรูฟชี้หน้าอย่างข่มขู่ ก่อนจะเดินไปต่อคิวซื้อตั๋วหนัง แลเหลียวมองหลังไปพักๆ เพราะกลัวคนที่แสนจะดื้อดึงแอบหนี
"นายดูเรื่องอะไรเหรอ" หนูซีนเอ่ยถามทันทีอย่างสงสัยเมื่อดรูฟนั้นเดินมายืนเคียงข้าง พร้อมกับแก้น้ำและขนมขบเคี้ยวสองสามอย่าง ผู้ชายหน้าคมที่ยืนอยู่ตอนนี้ จะมีรสนิยมการดูหนังแบบไหน หนูซีนอย่างรู้
"เข้าไปดูเดี๋ยวก็รู้เอง ปะ" ดรูฟไม่ยอมคลายความอยากรู้ คว้าจับมือหนูซีนเดินย่ำเข้าโรงหนังทันที ไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านจากหนูซีน แต่อย่างใด แผ่นหลังหนา ใบหน้าคมขลับ คิ้วดกดำเรียงเส้นสลวย หนูซีนต้องมองอย่างเพ่งพินิจ ผู้ชายที่เธอนั้นไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย บางครั้งก็ดูน่าเกรงขาม แต่บางครั้งก็แสนจะป่วนประสาท บางครั้งก็ใจดีอบอุ่น ความรู้สึกคุ้นเคยเมื่อใกล้ชิดและรู้สึกว่าปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้ แบบนี้เรียกว่าอะไร ?
"ทำไม มีอะไรผิดปกติที่หน้าฉันหรือเปล่า?" ดรูฟเอ่ยถาม เมื่อคนที่เดินเคียงข้างนั้นเงียบผิดปกติ อีกทั้งยังจ้องมองเขาอย่างพินิจไม่วางตา
"เปล่า ไม่มีอะไร" หนูซีนรีบหลบหน้ามองตรง เมื่อดรูฟนั้นเอ่ยถามขึ้น สายตาที่มองมานั้นฉงนสงสัย แววตาที่มองไปอย่างจับจ้องจนเธอนั้นเริ่มเขินอาย
"เธอจะเข้าห้องน้ำก่อนไหม?"
"ไม่ล่ะ รีบเข้าไปเถอะจะได้รีบกลับ"
"อืม" ตลอดการเดินเข้ามาในโรงหนัง ผู้คนที่เดินผ่านลอบมองคนทั้งสอง บางคนก็ยิ้มกริ่ม บางคนก็มองด้วยสายตาชื่นชม ด้วยรูปร่างและใบหน้าของชายที่ดูมีเสน่ห์ หญิงสาวที่ใบหน้าแจ่มใส น่ารัก ใครที่ได้จนแทบไม่อยากจะละสายตา คนที่มองมาก็แทบเหลียวหลัง
"ฉันน่าจะเอาปี๊บคลุมหัวเธอไว้นะเดือนเมษา" ดรูฟเอ่ยขึ้นอย่างคนหวงแหนเมื่อผ่านใครต่อใครก็จ้องมองเธอ
"ทำไมอ่ะ นายอายที่เดินกับฉันอ่ะ" หนูซีนเอ่ยถามอย่างคนคิดไปไกล ทั้งที่ดรูฟนั้นยังไม่ได้สื่อความหมายเช่นเดียวกับความคิดเธอ ..... เขาแค่หวงที่ผู้ชายที่พบเจอนั้นมองหน้าเธออย่างอ้อล้อเสน่หา
"ทำไมเธอไม่เกิดมาขี้เหล่นะ หรือไม่ก็แค่พอดูได้ ทำไมต้องหน้าตาน่ารัก" ดรูฟพูดขึ้นลอย ๆ แต่ทำเอาหนูซีนชะงักขาหยุดเดินทันที คำพูดที่หลุดจากปากคนปากหนักเมื่อกี้คือเขานั้นชมเธอใช่ไหม เธอไม่ได้หูฝาดไปเอง "นายชมฉันเหรอดรูฟ"
"ใครชมเธอ...เปล่าซะหน่อย" ดรูฟรีบเบี่ยงเบนคำพูดเมื่อหนูซีนนั้นจ้องมอง อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เธอนั้นได้ยิน "เข้าไปดีกว่า ชักช้าอยู่ได้เธอน่ะ" คำกล่าวโทษโยนความผิดด้วยความเขินอาย หนูซีนที่ยังคงตะลึงอ้าปากค้าง ไม่มีอุทรใดๆ ปล่อยให้ดรูฟจับมือพาเดินเข้าไปในโรงหนังอย่างว่าง่าย
จอเงินเริ่มฉายหนังจนเกิดแสงจนสลัว สองคนที่นอนดูหนังในโรงหนังระดับพรีเมี่ยมอย่างสบาย หนูซีนซึ่งไม่รู้ว่าหนังที่เขาพามาดูนั้นเรื่องอะไร แนวไหน เพราะคำพูดก่อนหน้านั้นที่เขาเหมือนเอ่ยชม ทำให้เธอนั้นจ้องมองหน้าเขาอย่างสงสัยและอยากรู้ความหมายในคำพูดอย่างชัดเจนอีกครั้ง จนไม่ได้สนใจจะฟังเสียงของหนังหรือ สิ่งรอบข้างใดๆ
เมื่อเห็นแล้วว่าชายหนุ่มนั้นไม่สนใจ สายตามองตรงไปยังหนังที่ฉายเท่านั้น เธอจึงหันหน้ากลับไปมองยังจอเงินที่กำลังฉายหนัง ดูๆ แล้วน่าจะเป็นหนังสยองขวัญสั่นประสาท ซึ่งหนูซีนนั้นชอบดูแนวนี้อยู่แล้วเป็นทุนเดิม แต่ที่งงคือการพาหญิงมาดูหนังนั้นไม่ใช่หนังรัก โรแมนติค อย่างที่เธอนั้นคิด มันผิดเพี้ยนทุกประการ
"นี่ยัยนกแก้ว" ดรูฟเอ่ยถามเมื่อนั่งอยู่ในรถ เมื่อหนังที่ฉายนั้นจบลง เตรียมมุ่งตรงกับบ้านของใครของมัน ซึ่งรถของหนูซีนยังจอดที่มหาลัยจึงต้องวานเขาขับไปส่งเสียก่อน
"อะไร" หนูซีนย้อนถาม
"เมื่อไหร่เธอจะรับรักฉัน" ดรูฟหันหน้านิ่ง ๆ เอ่ยถาม สายตาสบจ้องมองหนูซีนอย่างรอคำตอบ
"นายมีอะไรดี ที่ฉันต้องรับรักนาย" หนูซีนนั่งกอดอกมองหน้าดรูฟ แล้วย้อนกลับในคำถามนั้น
"อืม~~~.....ก็....มีดีแค่เอว นอกนั้นเลวหมดเลย ฮ่าฮ่าฮ่า" คำตอบที่ได้ฟังทำเอาหนูซีนนั้นกรอกสายตามองบนอย่างเอือมระอา ใบหน้าที่เฉยชาตอบออกมาหน้าตาย
จนหนูซีนนั้นประทับใจมาก~~~~
"ฉันปวดประสาทกับนายมากดรูฟ" ฝ่ามือเล็กตบลงกลางหน้าผากนูน เมื่อคำตอบที่ได้ฟัง เขาที่หวังจะให้เธอรับรัก ทำหนูซีนนั้นปวดหัว คำตอบแบบนี้หรอกหรือที่ผู้ชายเขาใช้บอกกับผู้หญิงที่เขานั้นชอบ
"ตกลงรับรักฉันแล้วนะ"
"นายจะบ้าเหรอ!" หนูซีนตวาดเสียงลั่นเมื่อดรูฟนั้นเออออตกลงเอาเอง
"ตกลงตามนั้น เธอเป็นแฟนฉันแล้ว" ดรูฟไม่สนใจว่าหนูซีนจะมีสีหน้าอาการยังไง เขาขับรถออกไปจากบริเวณทันที ทั้งที่หนูซีนนั้นกำลังอ้าปากค้าง มองหน้าเขา
มึนกว่านี้มีอีกไหม !?
ผู้ชายอะไรแรกๆ ที่เธอเข้าใกล้กลับเย็นชาใส่ คำพูดก็แทบนับคำได้ แต่ทำไมตอนนี้ช่างกวนประสาททั้งที่ลักษณะภายนอกไม่น่าจะเป็น!