หญิงสาวที่นิ่งงั้นอย่างตะลึง เมื่อถูกบดจูบอย่างละมุนละไม รสจูบที่ตั้งแต่เติบโตมานั้นเพิ่งจะได้สัมผัสในรูปแบบชายหญิงนี้ครั้งแรก....จูบแรก! ที่ชายตรงหน้านั้นได้มันไป
"ที่ทำลงไป ไม่ใช่ไม่มีสติหรือวู่วาม" ดรูฟเอ่ยขึ้นตัดความเงียบ เมื่อหลายนาทีมาแล้วที่คนทั้งสองนั้นไม่พูดจาอะไรกัน และหนูซีนนั้นก็ทำเพียงก้มหน้ามองตักตัวเองอย่างเคอะเขิน
"............" คำพูดที่ดรูฟนั้นกลั่นออกมา นำพาให้หัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอนั้นสั่นไหว
"แต่ดรูฟตั้งใจ" น้ำเสียงที่นุ่มนวลเอื้อนเอ่ย พร้อมกับเชยคางมนนั้นให้มองสบตา สองมือหนาเปลี่ยนเป็นประคองใบหน้ากลมให้อยู่ในอุ้งมือใหญ่
"............." หนูซีนที่เขินอาย จนต้องมองหน้าชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
"คบกันไหม?" คำลั่นที่เปรยออกมาด้วยแววตามุ่งมั่น จนทำให้คนที่ได้ฟังนั้นเบิกตาจ้องมองอย่างไม่เชื่อหู
"ดรูฟ..." แม้จะรับรู้และได้ยิน แต่ก็ยังคิดว่าฝันไป อะไรมันจะขอคบกันง่ายดายถึงเพียงนี้
ดวงตากลมมองหน้าชายหนุ่มลูกครึ่งหน้าตาดี อย่างพิจารณา เมื่อวาจาที่เปรยออกมานั้น มันจะทำให้เธอเชื่อใจเขาได้แค่ไหน
ดวงตาคมที่จ้องมองอย่างรอคำตอบ
แววตาที่มองเธออย่างกดดัน...
แต่ในหัวกลับพลันนึกถึงสิ่งที่ได้ฟังมาอย่างเสียมารยาท อีกทั้งภาพที่เห็นในร้านอาหารมันทำให้หนูซีนนั้นเปลี่ยนสีหน้าใหม่ จากที่อึ้งและซึ้งในใจ คำพูดที่ทำให้สั่นไหวไม่รู้ตัว แต่ต้องดับมอดลงด้วยภาพผู้หญิงสองคนที่อยู่ในร้านอาหารนั้น
"ตกลงว่าไง?" ดรูฟย้ำถามอีกครั้ง เมื่อไม่ได้ฟังคำตอบที่ต้องการมือเล็กจับมือที่ประคองหน้าเธอให้ออกห่าง ใช้สายตามองดรูฟอย่างผิดหวังกับคำพูดที่ไม่จีรังยั่งยืน...
มาขอคบทั้งที่มีคนคบอยู่แล้ว ?....
เขาเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว!
"ไม่อะ" หนูซีนตอบปฏิเสธทันทีเมื่อสิ่งที่เห็นนั้นย้ำให้เธอไม่เชื่อใจเขา
"ทำไมล่ะ...ไม่เคยที่ต้องมานั่งขอคบใครแบบนี้เลยนะ ซีนเป็นคนแรก" ดรูฟขมวดคิ้วผูกเป็นปมสงสัย การที่เขาต้องมานั่งขอหญิงคบแบบนี้ ทั้งที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน รู้สึกเสียหน้ามากแต่ก็ยังพูดดีกับเธอเพราะเขานั้นชอบเธอจริง แม้จะเจอกันไม่นาน แต่ก็ทำให้คนที่นิ่งแบบเขาหลงความน่ารักของเธอได้ไม่ยาก
"ต้องดีใจใช่ไหม?" หนูซีนย้อนถาม และพยายามจะลุกเดินหนี แต่เขากลับดักทางยืนขวางไว้
"แน่นอน"
"คนอื่นอาจจะใช่...แต่ฉันไม่!" หนูซีนตอบกลับเสียงแข็งกร้าว เงยหน้ามองคนที่สูงกว่าอย่างดุดัน
"เพราะอะไร?" ดรูฟเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย ไม่เคยที่จะต้องวิ่งตามง้อใคร แต่กับเธอเขากลับยอมอย่างไม่มีข้อแม้
"ฉันไม่อยากเจ็บช้ำเพราะนาย" หนูซีนตอบออกไปอย่างที่ใจรู้สึก
"อะไรของซีนอ่ะ...เจ็บช้ำอะไร?"
"....หลบไป พ่อแม่ฉันรออยู่" หนูซีนเงียบชั่วครู่ แล้วบอกให้รับรู้เรื่องพ่อแม่ที่รออยู่
"คุยกันก่อนสิ นี่งงนะ ดรูฟไม่เข้าใจ?" ดรูฟจับแขนเธอไว้ เมื่อสิ่งที่ได้ยินทำให้งวยงง
"ไม่เข้าใจก็เรื่องของนาย...หลบไป" หนูซีนสะบัดแขนจนหลุดแล้วเดินออกมาจากจุดนั้นโดยไม่หันมองกลับหลัง
"อะไรวะ...ซีนเดี๋ยว!" ดรูฟสบถเพียงลำพัง รีบปิดประตูล็อกรถ แล้วรีบวิ่งตามหลังหนูซีนไป แม้จะยังงงและไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอนั้นพูด "ซีนเดี๋ยวก่อน!"
"อะไรของนายอีก!" หนูซีนที่ถูกดักหน้าเอ่ยถามอย่างหน่ายระอา
(ดรูฟ!) เสียงของใครคนหนึ่งที่เอ่ยเรียกดังมาจากทางด้านหลังจนต้องหันกลับไปมอง พร้อมกับดรูฟที่รีบคว้าจับข้อมือหนูซีนไว้เพราะกลัวเธอจะหนี ทั้งที่เขานั้นยังคุยกับเธอไม่รู้เรื่อง
"เอย...ท่านอา" เมื่อเห็นสองหญิงสาวนั้นเดินมา คนที่คุ้นหน้าที่เป็นอาและเพื่อนแม่ ดรูฟจึงเอ่ยเรียกแผ่วเบา
((ไปไหนมา อากับเอยรอตั้งนาน โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาไป....แล้วนี่ใครกัน?)) อาฟียาร่ายยาวอย่างไม่เว้นช่องว่างให้หายใจ สาดคำตำหนิใส่ดรูฟทันที หนูซีนผู้ไม่รู้เรื่องราวได้แต่ยืนมองคนทั้งสามพูดคุยกันอย่างงงๆ ผู้หญิงสองคนนี้ที่เธอเห็นในห้องน้ำ
"เดือนเมษาครับ" ดรูฟเอ่ยชื่อจริงให้อาทั้งสองรับรู้ สายตาก็มองมายังหนูซีนที่กำลังงวยงง
((น่ารักเชียว)) อาฟียาเอ่ยชมด้วยรอยยิ้มเมื่อใบหน้ากลมมนนั้นช่างน่ารักสดใสในสายตา ((แฟนดรูฟเหรอ))
"ท่านอาครับ" คำสนทนาที่ฟังดูแปลกๆ จนหนูนั้นงงมาก ได้แต่ยืนมองคนทั้งสามนั้นคุยกันอย่างสงสัย มองหน้าพวกเขาสลับกันไปมาอย่างงงๆ...งงแล้วงงอีก
"ซีน นี่อาของดรูฟ และนี่ก็เอยเป็นเพื่อนของแม่ดรูฟเอง" ดรูฟแนะนำคนทั้งสองให้รู้จัก
เพล้ง !!!! ไม่มีชิ้นดี
"ห๊ะ!!! อะ อะอา กับ เพื่อนของแม่!" และยิ่งหน้กเข้าไปอีกเมื่อได้รู้ความจริงในสิ่งที่เธอนั้นคิดไปเลยเถิด จนต้องตะเบ็งเสียงดังออกมาอย่างตกใจ...(ตายแล้วซีนคิดไปไกลออกนอกทะเลไปได้ )
"แล้วซีนทำไมต้องเสียงดังด้วยล่ะ" ดรูฟย้อนถามเมื่อเห็นเธอนั้นดูผิดปกติ
"อาเหรอ?" ความสงสัยยังคงไม่หาย แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองนั้นมีความคิดแบบนี้ทั้งที่ไม่ถามไถ่ความจริง แต่กลับคิดไปเองจนต้องเสียหน้า ความระอายที่คิดไกลทำให้หนูซีนนั้นต้องก้มหน้าต่ำมองเท้าตัวเอง
"อืม พอดีท่านมาเที่ยว ดรูฟเลยพามาทานข้าว"
"......สะ สวัสดีค่ะคุณอา" และต้องรีบเงยหน้ามองพร้อมทักทายด้วยมารยาทไทย แม้จะดูช้าไปหน่อยก็ตาม แม้จะพยายามทำตัวให้ปกติแล้วแต่ก็ยังกระอักกระอวลอยู่ดี
(จ้า หน้าตาน่ารักเชียว แฟนดรูฟเหรอ? ไม่เห็นตอบเลย) เอยเอ่ยถาม ครั้งแรกตั้งแต่ดรูฟเริ่มโตเป็นหนุ่มไม่มีเลยสักครั้งที่จะแนะนำผู้หญิงให้รู้จัก
((ดรูฟโตมากแล้วสินะ)) สายตาของอาฟียามองต่ำลงไปยังมือที่หลานชายนั้นจับกุม จึงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
"อะไรกันครับท่านอา หลานก็โตนานแล้ว"
((โอเคดรูฟโตแล้ว อากับเอยจะกลับแล้ว อ่อแล้วก็ค่าอาหารจากที่คนบอกจะเลี้ยงอา กลายเป็นว่าอาก็ต้องเลี้ยงตัวเอง ฮ่าฮ่า))
"เดี๋ยวชดเชยให้นะครับ" ดรูฟบอกกล่าวเมื่อเขานั้นเอาแต่ตามผู้หญิงที่ชอบ
(วันนี้เอยจะไปนอนบ้านดรูฟนะ คิดถึงหลานชายจะแย่)
"ครับ เดี๋ยวให้คนเตรียมห้องให้"
(ขอไปช้อปปิ้งก่อนนะ แล้วเจอกันที่บ้าน)
"ขอให้สนุกนะครับ"
ส่วนอีกคนนั้นที่ดรูฟไม่ยอมปล่อยมือได้แต่ยืนอ้าปากค้าง มองคนอื่นพูดคุยกัน อายที่คิดไปเองจนแทบอยากจะหายตัวไปเลยตอนนี้ แต่ก็ยังมีสติพอที่จะยกมือไหว้คนที่อายุมากกว่าก่อนที่เธอทั้งสองจะเดินจากไป
"แล้วตกลงจะยอมคบกันไหม?" ดรูฟเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อตอนนี้เหลือเพียงพวกเขาสองคนที่ยืนท่ามกลางฝูงชนมากมายที่เดินจับจ่ายซื้อของ
"เอิ่ม....."
"ว่าไง?" ดรูฟย้ำถามอีกครั้งเมื่อคนตรงหน้านั้นเอาแต่เลิกลักไม่ยอมตอบคำถาม มือหน้าที่กอบกุมจับไว้ก็ยังไม่คลายออก
"ไม่รู้" หนูซีนก้มหน้ามองต่ำตอบออกไปเพียงสั้น ๆ จะให้เธอนั้นบอกได้ยังไงท่ามกลางผู้คนมากมายเช่นนี้
"อ้าว...แค่ตอบว่าคบหรือไม่คบ มันยากตรงไหนเนี้ย!" ดรูฟเริ่มหัวเสีย เมื่อไม่ได้คำตอบอย่างที่ตั้งหวัง
"ดรูฟนายจะบ้าเหรอ เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง นายจะให้ยอมคบกับนายได้ยังไงกันเล่า" เสียงแหลมแหวตอบกลับเมื่อดรูฟนั้นเสียงดังใส่ก่อน
"นี่ยัยนกแก้ว...จะบอกอะไรให้ ใคร ๆ ก็อยากคบกับฉันทั้งนั้น แต่ทำไมเธอถึงเรื่องมากแบบนี้นะ"
"โหย ไอ้คนบ้า! แต่ฉันไม่ใช่ใครคนนั้นของนายเว้ย" คุยดีกันได้ไม่นานก็กลับมาแหวเสียงใส่กัดกันเช่นเดิม โดยไม่ได้สนใจใครจะมองสักนิด
"เดี๋ยวจูบอีกทีซะนี่" ดรูฟข่มขู่เมื่อหนูซีนนั้นไม่ยอมทำตามที่เขาร้องขอ
"................." หนูซีนที่ได้ยินดังนั้นรีบเอามือข้างที่ไร้พันธนาการปิดปากตัวเองไว้ทันที ส่งสายตามองอย่างเคืองโกรธเมื่อดรูฟนั้นพูดจาในที่สาธารณะ แต่เธอนั้นกลับทำอะไรไม่ได้เลย (ไอ้คนเอาแต่ใจ) หนูซีนกร่นดาเขาในใจพร้อมส่งสายตาพิฆาต
"โอเค...ฉันเริ่มที่จะรำคาญเธอละยัยนกแก้ว แต่ยังไงเธอต้องคบกับฉัน"
"หืยยยยย...ไอ้คนเอาแต่ใจ! ฉันล่ะยอมนายจริง ๆ" หนูซีนพูดขึ้นอย่างเอือมระอา
"ห๊ะ ยอมคบกับฉันแล้วเหรอโอเคตามนั้นเราเป็นแฟนกันแล้วนะฉันกลับล่ะ" ดรูฟที่แปลความหมายในทางเข้าข้างตัวเอง ร่ายยาวอย่างไม่มีเว้นวรรค เออออเอาเองโดยที่หนูซีนนั้นพูดแทบไม่ทันแล้วเขาก็เดินจากไปดื้อ ๆ ทิ้งหนูซีนไว้พร้อมกับความเหลืออดอย่างเจ็บใจที่เธอนั้นทำอะไรไม่ได้ สมองประมวลผลไม่ทันจนต้องชะงักนึกคำพูดไม่ออก
"เดี๋ยวๆ ดรูฟ ไอ้ดรูฟบ้า!" หนูซีนที่พูดอะไรไม่ออกทำได้เพียงชี้นิ้วมองตามแผ่นหลังหนาที่ค่อยเดินจากไป มือใหญ่ยกโบกให้เธอโดยที่เขานั้นไม่ได้หันหน้ากลับมา สัญลักษณ์ที่ดรูฟนั้นทำ สัญลักษณ์มือที่สื่อถึงการบอกรัก ทำเอาหนูซีนนั้นแก้มแดงอย่างเขินอาย "นายจริงจังแค่ไหนนะดรูฟ"
"ไปห้องน้ำนานจังลูก เป็นอะไรหรือเปล่า" ตุณพ่อแซมเอ่ยทักทันทีที่ลูกสาวเดินเข้ามายังโต๊ะอาหาร หลังจากขออนุญาตไปห้องน้ำทำธุระส่วนตัว เธอเดินกลับมาด้วยรอยยิ้มที่ปนด้วยความเขินอายเมื่อนึกถึงสัญลักษณ์มือที่ดรูฟนั้นทำ
"ไม่ได้เป็นอะไรค่ะคุณพ่อ แค่คนเยอะค่ะ" หนูซีนนั่งลงเก้าอี้ แล้วเอ่ยบอก
"ไปแค่ห้องน้ำทำไมต้องยิ้มขนาดนั้นล่ะพี่ซีน" แซนน้องชายที่มองอาการของพี่สาวเอ่ยถามขึ้น เมื่อพี่สาวที่นั่งตรงข้ามนั้นเอาแต่นั่งก้มหน้าเขี่ยอาหารไปมา และก็ยิ้มร่าคนเดียวอย่างกับคนบ้า
"เปล่า" หนูซีนรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อน้องชายนั้นเอ่ยถาม
"ก็เห็นอยู่ว่ายิ้มคนเดียว...นี่พี่บ้าเพราะอากาศมันร้อนใช่มะ"
"หุบปากไปเลยนะแซน อ่ะนี่ยัด ๆ เข้าไปปากจะได้ไม่ว่าง" พี่สาวที่เขินอายเมื่อถูกน้องชายนั้นจับพิรุธ พยายามเบี่ยงเบนความสนใจ
"รีบกินลูก อย่ากัดกัน" คุณแม่ที่นั่งมองลูกทั้งสองที่กำลังมีฝีปากกันพูดแทรกสงบศึก สายตาที่ดูเหมือนไม่ได้สนใจอะไรในตัวลูกสาว แต่กลับกันคุณแม่กำลังมองอย่างคิดฉงนในใจ เมื่อลูกสาวนั้นมีท่าทีผิดแปลกไป ที่แสดงถึงความเขินอายเป็นแน่ ด้วยประสบการณ์ของแม่ที่เคยมีมาก่อน ...
ลูกสาววัยยี่สิบของเธอกำลังมีความรัก!
"หลานชาย ทำไมกลับมาซะดึกเชียว" อาฟียาเอ่ยทักหลานชายที่กำลังเดินยิ้มเข้ามาในบ้าน ขนาดเธอและเอยไปเดินซื้อของยังกลับมาก่อนหลานชายเสียอีก
"ดรูฟรู้ว่าท่านอาทราบ...ใช่ไหมครับ" ดรูฟเดินไปนั่งลงข้าง ๆ อาทั้งสองแล้วย้อนถาม เพราะไม่มีอะไรที่อาของเขานั้นไม่รู้แจ้ง
"เธอคนนั้นน่ารักนะ ดูสดใสดี" เอยพูดแสดงความคิดเห็น
"เธอพูดเก่งมากเลยครับ แต่ก็มีเสน่ห์ และเวลาอยู่ใกล้เธอทำให้ดรูฟยิ้มได้" หลานชายวัยสิบเก้าเอนหลังลงนอนหนุนตักเอย ในแบบที่เคยทำด้วยความคุ้นชิน "เอยลูบหลังให้หน่อยสิ" คำพูดในแบบเดิมที่มักใช้ออดอ้อนเอย เธอเสมือนแม่อีกคนที่ดรูฟให้ความเคารพ
"อย่าอ้อนเอยให้มากดรูฟ ลุกเลย" อาฟียาที่เห็นเอยกับดรูฟนั้นอ้อนกันอย่างน่ารัก อดไม่ได้ที่จะนึกหวงด้วนทีเล่นทีจริง
"อาฟียานี่หลานนะ" เอยหันมาแหวเสียงใส่อย่างตำหนิ เมื่อหญิงที่รักนั้นหวงแหนตน...แม้กระทั่งกับคนเป็นหลาน
"หลานแล้วไง...ดรูฟโตเป็นหนุ่มแล้วอ่ะ กลัวเอยหลงเสน่ห์หลาน" อาฟียาแย้งในสิ่งที่เธอนั้นคิด ก็หลานชายของเธอโตมาแล้วหน้าตาดีขนาดนี้ สาว ๆ ที่ไหนที่ได้อยู่ใกล้มีหรือจะไม่หวั่นไหวเอนตาม แค่ขยับปากพูดดรูฟก็ยังมีเสน่ห์น่าหลงใหล ทั้ง ๆ ที่ดรูฟก็ไม่ได้ทำอะไรสักนิด
"ท่านอาก็ช่างคิดได้..." ดรูฟเอ่ยขึ้นแต่ไม่ได้ลุกจากตัก ยังคงนอนหนุนตักอุ่นนุ่มนิ่มนั้นอย่างสบายใจ
"นั่นสิกับหลานก็ไม่เว้น" เอยแย้งพร้อมกับมองหน้าเอยด้วยรอยยิ้ม แต่อีกคนนั้นกลับยิ้มไม่ออก
"ระวังจะเจอดีนะเอย" อาฟียาชี้หน้าอย่างคาดโทษด้วยรอยยิ้ม คืนนี้แหละจะชิมให้ชื่นใจ เพราะความห่างไกลกันคนละฟากฟ้า ทำให้ได้มาเจอกันน้อยครั้ง ด้วยหน้าที่ของแต่ละคนที่ต้องกระทำ
"ไม่เคยกลัว" เอยไหวไหล่ยักตัวอย่างไม่แยแส กับอีแค่การถูกทรมานด้วยความอภิรมย์ที่ชอบใจ ยิ่งทำให้น่าท้าทายอย่างไม่มียั้ง
"อย่าร้องขอชีวิตก็แล้วกัน"
"ท่านอา ดรูฟยังอยู่ตรงนี้นะครับ" ดรูฟที่นอนฟังผู้ใหญ่คุยกัน ถึงกับยิ้มในความน่ารักที่อาทั้งสองนั้นเป็น
"อาฟียาก็เป็นซะแบบนี้" เอยเอ่ยขึ้นอย่างตำหนิ แต่สายตาที่มองกันนั้นสื่อความหมายอย่างชัดเจน
"ดึกแล้วดรูฟไปนอนก่อนนะ...ฝันดีนะครับเอย" ดรูฟหยัดตัวลุก แล้วกดจมูกคมลงพวงแก้มที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างนึกกลั่นแกล้งอาฟียาผู้หวงแหนเอย
"อย่าเยอะดรูฟ!" และก็เป็นดั่งใจนึก เมื่อคนเป็นอานั้นรู้สึกจริง และกำลังเขม็งตาใส่ ซึ่งดรูฟไม่สบสายตาแต่ใด ด้วยรู้ดีว่าสายตานี้นั้นมีพิษสง ใครที่เผลอจ้องมองรับรองเจอดี
"ฮ่าฮ่าฮ่า...ฝันดีนะครับท่านอา" ดรูฟลุกยืนเต็มความสูงแล้วพูดทิ้งท้ายก่อนจะก้าวขาเดินออกห่างไป
"ไปเร็วๆ เลย" คนเป็นอาออกปากไล่
"อ่อ...อีกอย่าง เสียงดังได้ตามสบาย ทุกห้องที่นี่ท่านพ่อสั่งทำใหม่แบบเก็บเสียงได้เป็นอย่างดี...มีแค่นี้ที่จะบอก" แต่เมื่อนึกอะไรออก ดรูฟจึงหันมาบอกกล่าว ด้วยรู้ได้ไม่ยาก
"ท่านพี่บราฮิมเหมือนจะรู้ใจ...ไปกันเอย" คำบอกกล่าวจนผันแปรให้คนเป็นอานั้นยิ้มกริ่มและมองหน้าหญิงข้างกายอย่างฉ้อล้อจนเธอนั้นเอียงอาย
"อาฟียาอ่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้" เอยที่ใบหน้าแดงซ่านพูดเปรยออกมาอย่างเคอะเขิน บิดเนื้อขาว ๆ ของอาฟียาจนเกิดรอยแดง ก่อนที่ทั้งสองจะเดินโอบกอดกันไป