บทที่ 3 ชีวิตใหม่

1156 คำ
บทที่ 3 ชีวิตใหม่ ก่อนที่เธอจะทันตั้งคำถามอะไรต่อ เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบก็ดังมาจากด้านนอก หญิงสาวที่บอกว่าตัวเองเป็นนางกำนัลรีบหันไปมอง ก่อนจะหันกลับมาหาเฟยเฟย “พระสนมเพคะ... ศาลาในตำหนักของพระสนมถูกจุดไฟเพคะ ขันทีกำลังพยายามดับเพลิงอยู่ แต่สถานการณ์ยังไม่สงบดีเพคะ” เฟยเฟยยังคงสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว เธอรู้สึกเหมือนถูกผลักให้ต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ไม่รู้จัก “ศาลาของฉัน..ไม่ใช่สิ ของข้าเหรอ” เธอพูดอย่างไม่เชื่อ แต่ก็ลุกขึ้นตามแรงกระตุ้นภายในใจที่ทำให้หญิงสาวเริ่มอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นความจริงหรือเพียงแค่ความฝัน นางกำนัลรีบพาเฟยเฟยเดินออกจากห้องไปยังศาลาที่เกิดเหตุ ท่ามกลางความมืดสลัวของค่ำคืน เฟยเฟยสังเกตเห็นว่ารอบ ๆ ตำหนักนี้เงียบสงัดอย่างน่าประหลาด เมื่อเทียบกับความคึกคักที่เธอเคยเห็นในซีรีส์โบราณที่ชอบดู เมื่อมาถึงศาลา เฟยเฟยเห็นขันทีคนหนึ่งกำลังใช้ถังไม้ตักน้ำจากสระใกล้ ๆ เพื่อดับไฟที่กำลังมอดลง กลิ่นควันยังคงตลบอบอวล และแสงไฟยังคงสะท้อนในสายตาของทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ หญิงสาวเพิ่งรู้ตอนนี้ว่า เสียงฝีเท้าที่ได้ยินนั้นเป็นของกลุ่มทหารองครักษ์ทุกคนไปช่วยขันทีคนนั้นดับไฟซึ่งมันก็ดับลงอย่างรวดเร็ว ในความมึนงง เฟยเฟยหันไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งในชุดที่ดูสง่างามและดูสูงส่ง บ่งบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องมีฐานะไม่ธรรมดา อีกฝ่ายเดินเข้ามาพร้อมกับนางกำนัลและขันทีของตน ใบหน้าของคนผู้มาใหม่นั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจและความเย่อหยิ่งอย่างเห็นได้ชัด “กุ้ยเฟย ท่านคงไม่ได้ระวังให้ดีกระมังถึงได้ทำศาลาไหม้เสียหายเช่นนี้ หากตำหนักนี้เกิดไฟไหม้ใหญ่ขึ้นมา มันคงเป็นเรื่องใหญ่ต่อฮ่องเต้แน่ ๆ ...ถ้าไฟลามไปทั่ว” น้ำเสียงเย้ยหยันและแฝงด้วยความหวังดีที่จอมปลอมทำให้เฟยเฟยรู้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้หวังดีและต้องการให้เธอกลายเป็นคนผิดในเหตุการณ์ครั้งนี้ เฟยเฟยมองไปยังหญิงผู้นั้นด้วยสายตางุนงง “กุ้ยเฟย...” เฟยเฟยทวนคำและยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นว่าทุกคนดูจะรู้จักเธอ แต่เธอกลับไม่รู้จักพวกเขาเลยแม้แต่นิด ถ้าหากนี่เป็นการย้อนเวลาอะไรอย่างนั้นจริง เธอก็ควรจะได้ความทรงจำของเจ้าของร่างเก่ามาด้วยไม่ใช่หรือไงแต่นี่กลับว่างเปล่า เมื่อไม่รู้จะทำเช่นไรก็ลองต่อปากต่อคำกับคนตรงหน้าไปสักทีเผื่ออะไรอะไรจะได้ชัดเจนขึ้น “ทำไมเจ้าถึงกล้ากล่าวหาข้าเช่นนี้” เฟยเฟยพูดเสียงเย็นพลางพยายามเก็บอาการงงงวยที่ซ่อนอยู่ในใจ “มิได้กล่าวหาก็แค่แสดงความเห็นเท่านั้น ถึงท่านจะเป็นถึงกุ้ยเฟยแต่ปล่อยให้ตำหนักที่ฮ่องเต้พระราชทานเกิดไฟไหม้กลางดึก เช่นนี้ไม่ควรถือว่าท่านขาดความ รับผิดชอบหรอกหรือ” เฟยเฟยหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างเฉียบคม แม้จะงุนงง แต่ความฉลาดของเธอก็พอจะเห็นช่องว่างของแผนการบางอย่างตรงหน้า “แล้วเจ้า...” นางกำนัลคนสนิทกระซิบที่ข้างหูว่าคนนี้คือหนิงเฟย จึงทำให้หญิงสาวจัดการขึ้นง่ายไปอีก “หนิงเฟย...เจ้าคงจะเคารพตำแหน่งของเราที่ต่างกันสินะ มาหาข้าในยามดึกเช่นนี้ แต่เจ้าก็แต่งเต็มยศทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์ชุลมุน แม้แต่ตัวข้าเองยังออกมาดูเพียงสวมชุดไม่กี่ชิ้น นี่มิใช่เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้วหรือ” คำของเฟยเฟยทำให้หัวหน้ากองทหารองครักษ์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หันมองอย่างสงสัย ก่อนหน้านี้เป็นเพราะเหตุการณ์จึงไม่ได้ทันคิด แต่ก็เป็นจริงอย่างกุ้ยเฟยว่า ถึงจะรีบแค่ไหนก็คงไม่มีเวลาให้แต่งตัว แล้วเมื่อเห็นว่ากุ้ยเฟยแต่งกายไม่เรียบร้อยจึงสั่งองครักษ์ทุกคนให้ก้มหน้าไม่ให้มองร่างกายของพระสนมคนโปรดของฮ่องเต้โดยตรง “ขออภัยพระสนม หน่วยองครักษ์ของกระหม่อมจะจัดการสืบสวนเหตุการณ์นี้อย่างละเอียดอีกครั้ง” องครักษ์หนุ่มเอ่ยพลางมองหน้าหนิงเฟยด้วยแววตาที่เริ่มเปลี่ยนไป ก่อนจะออกไปพร้อมกับบรรดาคนของตน ทิ้งเอาไว้เพียงขันทีน้อยที่ต้องเหนื่อยหอบยืนมองศาลาที่ไม่เหลือความงดงามแบบเดิม เฟยเฟยมองเห็นท่าทางของหนิงเฟยที่เริ่มกังวลด้วยสายตากดดัน “งั้นคงเป็นข้าที่เข้าใจผิดไปเอง เช่นนั้นข้าคงไม่รบกวนพระสนมแล้ว ขอพระสนมพักผ่อนให้เพียงพอ” หนิงเฟยชักสีหน้าไม่พอใจก่อนจะสะบัดหน้าเดินกลับไปยังตำหนักตน และถึงแม้คำพูดของหนิงเฟยจะดูไม่มีอะไรแล้ว แต่แววตาของอีกฝ่ายก็ยังคงเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างชัดเจนจนเฟยเฟยถึงกลับย่นหน้าใส่ ค้อนใส่กันขนาดนั้นต่อให้เธอออกกระดาษก็คงไม่ชนะหรอก เมื่อหนิงเฟยถอยออกไป เฟยเฟยก็หันกลับมาถามนางกำนัลที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ “ข้าคือใคร... และนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” และแม้ว่านี่จะเป็นคำถามที่แปลกประหลาดแต่จูหลิงก็พร้อมจะตอบทุกอย่างให้กับเจ้านายของตน “พระสนม... ท่านคือกุ้ยเฟย พระสนมเอกของฮ่องเต้ และตำหนักนี้คือตำหนักหลิงอันของท่านในพระราชวัง...” จูหลิงสาวใช้ที่ติดตามเข้ามาจากตระกูลเก่าได้ เพราะครั้งหนึ่งจางกุ้ยเฟยเคยเป็นพระสนมที่ได้รับการโปรดปรานเล่าทุกอย่างให้กับนายของตนได้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นบิดามารดาของหญิงสาวที่เป็นเพียงคหบดีเท่านั้น ไม่ได้เป็นขุนนางใหญ่โตอะไร หรือแม้กระทั่งเหล่าพระสนมที่รวมหัวกันรังเกียจเดียดฉันท์จางกุ้ยเฟยด้วยสาเหตุต่าง ๆ กัน นางกำนัลตัวน้อยก็เล่าบอกมาหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งขันทีเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ในตำหนักนี้เพราะความภักดีที่หญิงสาวเคยช่วยชีวิต ยิ่งได้ฟังเฟยเฟยก็รู้สึกว่าตนเองทั้งโชคดีและโชคร้าย แม้จะมีตำแหน่งใหญ่โตแต่ดูเหมือนในตอนนี้หญิงสาวจะไม่ได้เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้แล้ว สาเหตุดูเหมือนจูหลิงจะไม่กล้าเอ่ย ก็ไม่เป็นไรเฟยเฟยคิดว่าตัวเองคงตามหาได้ไม่ยาก หญิงสาวถอนหายใจ ความรู้สึกตอนนี้ตีกันมั่วไปหมด ทั้งตกใจ แปลกใจ และยินดี “อย่างน้อยก็ไม่ต้องคิดมากเรื่องที่ทำงาน แต่ต้องมาคิดมากเรื่องในวังนี่แทน” “พระสนมว่าอะไรนะเพคะ” เฟยเฟยส่ายหน้าก่อนจะทิ้งตัวลงนอน “พรุ่งนี้ค่อยเริ่มกันใหม่ก็แล้วกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม