รูปติดประกาศตามจับตัวของฉีหยางซิ่วติดไปทั่วเมือง ทั้งหมดเป็นฝีมือของฉีเจียนหลิวที่โหมกระพือความผิดให้แก่ชายรูปงาม
มันนำหลักฐานต่างๆ ที่เขาวาดรูปสาวงามเปลือยกายพร้อมหนังสือชุนกงไปมอบให้ทางการ จากนั้นจึงมีคำสั่งให้จับตัวคนที่ร่วมมือกับฉีหยางซิ่วในการเผยแพร่รูปวาดและหนังสือดังกล่าว
และในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเหล่าคณิกาชายและหญิงหลายคนได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
และในขณะที่ฉีหยางซิ่วถูกคุมตัวเพื่อไปยังกรมอาญา เขาได้รับการช่วยเหลือจากคนผู้หนึ่งซึ่งย้อนกลับมาที่สกุลฉี
เด็กหญิงที่เขาช่วยเมื่อวันวานเติบโตเป็นนางโจรป่า และฝีไม้ลายมือ
นั้นหาตัวจับยาก กลายเป็นจอมยุทธ์หญิงที่ผู้คนต่างขยาดกลัว
“จำเป็นหรือที่ข้าต้องให้เจ้าช่วยเหลือ” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างขัดใจ พลางมองอีกฝ่ายตาแทบไม่กะพริบ
“เป็นตาย ท่านมิสามารถกำหนดชีวิตตน” น้ำเสียงทุ้มต่ำของสตรีนางนั้นกล่าวอย่างดูแคลนบุรุษรูปงาม
ยามนี้มันไม่ใช่ไอ้ตัวเน่าเหม็นอย่างเช่นวันวาน แต่เป็นหญิงสาวเต็มกาย แม้ทรวดทรงจะขัดตาอยู่บ้าง แต่ก็นับว่ามีเสน่ห์ดึงดูดมิน้อย
“เจ้ามั่นใจอย่างนั้นเชียวหรือ”
“อย่าได้ถามซ้ำ หากรักตัวกลัวตายจงตามข้ามา” นางออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงดุดัน
“เจ้าเป็นผู้ใดกัน เหตุใดเมื่อก่อนถึงปกปิดฐานะที่แท้จริงเอาไว้” เขาถามอย่างคลางแคลงใจ
ก่อนรุ่งสาง ฉีหยางซิ่วซ่อนตัวอยู่ในอารามร้าง ตามแผนที่ผู้เฒ่าถานแจ้งข่าวมากับนกพิราบสื่อสาร
“อย่าถามให้มากความ เพียงแต่รู้ไว้ว่าชีวิตท่านตกอยู่ในมือเจียนหลิว หากไม่ทำตามที่ข้าสั่ง ท่านก็มิอาจล้างแค้นแทนบิดาและมารดาสำเร็จ”
ฉีหยางซิ่วถอนลมหายใจแรงออกมาหนึ่งเฮือก เขารักตัวกลัวตายมิน้อย กระนั้น ชีวิตนี้ก็ไม่คิดจะระหกระเหินไปไหนอีก โดยเฉพาะการที่จะต้องมีสตรีอัปลักษณ์นำทาง หญิงสาวที่เขาไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า และทำตัวราวภูตผี เดี๋ยวผลุบโผล่มาให้เห็น และเพียรแต่อ้างว่ามีความหลังกับ
ท่านปู่ฉีหย่งชางผู้ล่วงลับ
“เฮอะ ข้าอยากรู้จริง ท่านปู่มีบุญคุณกับเจ้ามากมายมหาศาลเพียงใด ถึงยอมเสี่ยงตายเอาชีวิตเข้าช่วยข้า”
ใบหน้านางโจรกระตุกยิ้ม รอยยิ้มนั้นชวนสยอง โดยเฉพาะซีกหน้าด้านซ้ายซึ่งฉาบไว้ด้วยปานแดงแสนน่าเกลียด
“เปล่า คุณชายเข้าใจผิด ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ฉีหย่งชาง หาได้มีบุญคุณกับข้า สกุลของเราต่างมีความแค้นต่อกัน”
ฉีหยางซิ่วเลิกคิ้วสูง ได้ฟังแล้วก็สังหรณ์ใจประหลาด
“ความแค้น...” น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความสงสัย และสีหน้าซีดเผือดด้วยความวิตก
“ใช่...ท่านกล่าวมิผิด โทษฐานที่ฉีหย่งชางเป็นต้นเหตุฆ่าล้างตระกูลข้า มันคือความระยำที่ลูกหลานตระกูลฉีต้องชดใช้ และคุณชายคือผู้เดียวที่จะทำให้ชาตินี้ข้านอนตายตาหลับ”
นางว่าแล้วก็สกัดจุดเขา ก่อนจับชายหนุ่มโยนขึ้นหลังม้าสีแดงโลหิต
ตั้งแต่รุ่งสาง เขากับนางโจรรูปโฉมอัปลักษณ์ซึ่งมีปานแดงบนซีกหน้าด้านซ้าย กำลังหลบหนีกลุ่มชายชุดดำที่มีอาวุธครบมือ คนเหล่านั้นสวมหน้ากากประหลาดเป็นรูปโครงกระดูก พิศแล้วประหนึ่งผีร้ายที่โผล่ออกมาจากหลุมศพ!
นางควบอาชาโลหิตตัวโตบึกบึนไปตามทางแคบๆ พาฉีหยางซิ่วหนีจากทหารของเมืองจิ่นสือมาได้ ก็ถูกไล่ล่าจากกลุ่มคนที่มากด้วยฝีมือ พวกมันคือ
มือสังหารของฉีเจียนหลิว
ฉีหยางซิ่วอ่อนหัดด้านบู๊ ถึงจะเคยฝึกปรืออยู่บ้างแต่ความที่มีนิสัยเกียจคร้าน วรยุทธ์จึงไม่ก้าวหน้า และการที่ไม่ค่อยได้ออกแรงหนักๆ เมื่อต้องเร่งรีบเดินทางไกล เขาจึงขอหยุดพักบ่อยครั้ง แต่นางโจรกลับเร่งเร้าให้เขาบ่ายหน้าไปให้ถึงเขตแดนป่าไผ่ ก่อนจะเข้าไปสู่สถานที่ลับซึ่งมีกองกำลังของผู้เฒ่าถานซ่อนอยู่ ซึ่งในอดีต ผู้เฒ่าถานเป็นผู้ติดตามปรมาจารย์ฉีหย่งชาง
หนุ่มรูปงามนั่งบนหลังมาโดยมีนางโจรประกบอยู่ด้านหลังเป็นเวลาร่วมสองชั่วยาม และรู้สึกปวดเบาจนกลั้นไม่ไหว แม้นางโจรจะใช้วาจาข่มขู่และกำลังบีบบังคับ แต่เขาไม่ทนได้อีกต่อไป จึงท้าว่าหากนางขืนน้ำใจเขาไปมากกว่านั้น เขาจะปล่อยปัสสาวะรดหลังม้า!!
“เจ้าไม่ใช่ลูกผู้ชาย”
นางว่าแล้วก็สะบัดหน้าหนีจากชายหนุ่ม เมื่อเห็นเขายืนตัวแอ่นปล่อยสายน้ำอุ่นออกจากร่างกาย
ชายหนุ่มผิวปากฮัมเพลงในหอคณิกาที่เขาชื่นชอบ การกระทำนั้นส่งผลให้หญิงสาวบันดาลโทสะ
“หากยังชักช้า ข้าจะตัดหนอนเน่าของเจ้าทิ้งซะ ให้กลายเป็นขันทีคงดีมิน้อย ตระกูลฉีจะได้ไร้ทายาทสืบสกุล”
“ฮ่าๆ ๆ เจ้ากล้าตัดหรือ ไม่เสียดายของสวยงามของข้าหรอกรึ รู้ไหม ข้าเนี่ยคือบุรุษผู้งามทั้งภายนอกและภายในร่มผ้า เป็นชายงามล่มเมืองหาใครเทียบได้ในใต้หล้านี้”
เอ่ยจบเขาก็สะบัดน้องชายแรงๆ สองสามครั้งเป็นการยั่วล้อหญิงสาวซึ่งทำเป็นเสมองไปทางอื่น
“หน้าด้าน ท่านช่างไร้ยางอาย”
นางว่าพร้อมยกเท้าข้างหนึ่งขึ้น ตั้งใจจะถีบร่างงามของอีกฝ่าย แต่เขาทำปากขมุบขมิบด่าท่อนางในใจก่อนวิ่งหนีไปทางอื่น
ฉีหยางซิ่วก้าวออกมายืนชมบรรยากาศอีกมุมหนึ่ง พลางบิดตัวคลายความเมื่อยขบ เขาไม่ยอมกลับขึ้นหลังม้าง่ายๆ การกระทำนั้นสร้างความร้อนใจต่อนางโจร
“หากยังรั้งรอ ข้าเกรงว่ามิช้าท่านคงกลายเป็นหมากให้เจียนหลิวใช้เดินตามแผนของมัน เพื่อจะก้าวขึ้นสู่การเป็นประมุขขุนเขาไหมงามอย่างสมบูรณ์”
ฉีหยางซิ่วมองนางโจรแวบหนึ่ง เขารู้ว่านางมีความแค้นต่อสกุลฉี กระนั้นยังประหลาดใจว่าเหตุใดถึงได้พาเขาหนีจากฉีเจียนหลิว
การกระทำของนางสร้างความประหลาดใจต่อเขาเป็นล้นพ้น
“ข้าเหนื่อยจนแทบจะขาดใจตาย และร่างนี้ก็เหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ” ชายหนุ่มเริ่มโอดครวญ
“ท่านมันอ่อนแอ เหยาะแหยะ ข้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมท่านฉีหย่งชางถึงกำชับข้าให้มาจับตัวท่าน”
ถ้อยคำที่นางเอ่ย ยิ่งทำให้เขาปวดหัวหนักเข้าไปอีก
“คำก็เป็นศัตรู สองคำก็ให้มาจับตัว เจ้าเป็นคนประเภทไหนกันแน่”
นางโจรยิ้มเยาะ แล้วเอ่ยว่า “เป็นคนที่เจ้าต้องมอบตัว สยบอยู่ใต้ฝ่า
เท้าของข้าอย่างไรล่ะ”
“พิลึกคน ข้าคือคุณชายแห่งสกุลฉี ผู้สืบทอดสำนักตะวันไร้พ่าย ส่วนเจ้าเป็นนางโจรไร้หัวน้อยปลายเท้า กล้าดีอย่างไร ถึงคิดจะจับข้าไว้เป็นตัวประกัน”
“เฮ้อ ข้าไม่คิดจับคุณชายเป็นตัวประกันสักนิด เพียงแต่...หมายเอาหัวของท่านไปเซ่นไหว้บรรพชนของข้าต่างหาก”
เมื่อกล่าวจบ สีหน้านางก็เคร่งเครียด ก่อนจะคำรามออกมาคำหนึ่งพร้อมซัดอาวุธลับใส่นักฆ่าที่พุ่งมาจากทางด้านหลังของทั้งคู่
“ทำได้ดี แบบนี้ข้าถึงอุ่นใจเมื่อมีเจ้าคอยดูแล” ฉีหยางซิ่วว่าแล้วก็ตบมือให้นางโจร
“ใช่ เจ้าจะตายง่ายๆ ไม่ได้หากข้าไม่อนุญาต จำเอาไว้ ใบหน้างามๆ นี้เป็นของข้า” นางว่าราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขา พลอยให้ฉีหยางซิ่วขนลุกซู่
“ไป เราต้องเดินทางอีกไกล หากชักช้า เกรงว่าอาจถูกคนของเจียนหลิวเล่นงานจนไม่อาจล่วงเข้าสู่ป่าไผ่”
ฉีหยางซิ่วกัดฟันก้าวขึ้นหลังม้าอีกครั้งด้วยร่างกายอ่อนล้า
“แต่ข้ายังแคลงใจ ในเมื่อเราต่างมีความแค้นต่อกัน ข้าจะวางใจเจ้าได้อย่างไร ว่าไม่ลวงข้าไปตัดหัวทิ้ง”
“ตัดหัวเจ้ามันง่ายดายนัก แต่ทำให้เจ้าทุกข์ทรมานไปตลอดชาติ สนุกยิ่งกว่า!”
วาจาของนางทำให้ชายหนุ่มเสียวสันหลังวาบ ด้วยมันมาพร้อมรอย
ยิ้มบนดวงหน้าอัปลักษณ์!