ทั้งคู่ขี่ม้าไปได้เพียงชั่วหนึ่งก้านธูป บุรุษชุดสีเข้มนับยี่สิบคนก็โผล่ออกมาจากที่ซ่อน
ดวงตานางโจรจ้องเขม็งไปยังอีกฝ่าย และแจ้งใจในทันทีว่า กลุ่มคนเหล่านี้หาใช่คนที่ทางการส่งมา
“เฮอะ...สุนัขรับใช้เจียนหลิว”
นางโจรใช้วิชาตัวเบาถีบตนเองขึ้นจากอาชาโลหิต แล้วพุ่งตรงไปยังมือสังหาร กระบี่ของนางโจรกวัดแกว่งฟาดฟัดร่างแล้วร่างเล่าให้ลงไปนอนสิ้นใจเพื่อเปิดทาง
ทว่าเสียงโห่ร้องยังดังไล่หลังตามมาไม่หยุด แต่นางลั่นคำพูดไว้แล้ว ถึงอย่างไร ฉีหยางซิ่วก็ต้องเป็นตัวประกันของนาง ดังนั้น แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต นางก็จะช่วยให้เขามีลมหายใจสืบต่อไป
กระนั้น ถึงแม้จะแกร่งกล้ามากฝีมือเพียงใด แต่นางโจรซึ่งต้องคุ้มกันคุณชายไปด้วยจึงพลาดท่าถูกมือสังหารลอบกัดทีเผลอ เสียงร้องยามที่นางถูกคมมีดบาดเข้าเนื้อเสียดแทงหัวใจชายหนุ่ม
“ข้ายอมแล้ว หงเซ่อปล่อยข้าไว้ และหนีเอาตัวรอด ทำอย่างนั้นนับว่าประเสริฐ”
คุณชายเอ่ยจบก็ผลักไหล่นางโจรไปให้พ้นหน้า ยามนี้เนื้อตัวอีกฝ่ายมีบาดแผลหลายแห่ง ใบหน้าที่มีปานแดงฉาบด้วยเลือดศัตรูชวนให้น่าขนลุกขนพอง ภาพดังกล่าวขับให้นางเหมือนภูตผี ยิ่งกว่ากลุ่มคนชั่วที่สวม
หน้ากาก
“ไม่ได้ มันคือหน้าที่ข้า” นางกล่าวเสียงเย็น สีหน้าไร้ความเจ็บปวดต่อบาดแผลใหญ่น้อยทั่วตัว
“ไร้ประโยชน์ เจ้าบาดเจ็บถึงเพียงนี้ จะช่วยข้าได้อย่างไร”
ฉีหยางซิ่วโกรธจัด เขาห่วงความปลอดภัยนางโจร ซึ่งพาหนีจากกลุ่มศัตรูชุดดำที่ต้องการชิงตัวเขา
“ข้ามลำธารเล็กๆ นี้ไปก็จะพบทางเข้าเขตป่าไผ่ เมื่อถึงที่นั่นท่านจะปลอดภัย” นางโจรบอกแก่เขา
ที่ป่าไผ่มีโรงเตี๊ยมของลู่เหลียน ผู้เป็นป้าฉีหยางซิ่ว และนางคงพอจะให้ที่คุ้มภัยเขาได้สักระยะหนึ่ง จากนั้นจึงส่งข่าวถึงคนของผู้เฒ่าถาน
ฉีหยางซิ่วมองนางโจรซึ่งถือกระบี่ปลายหักไว้มั่น สายตานางกวาดหาเสียงฝีเท้านับสิบซึ่งกำลังกรูเข้ามา
“เจ้ามันโง่เขลา พวกนั้นมันไม่มีทางทำร้ายข้า มันเพียงต้องการตัวข้าเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง ตอนนี้เจ้าควรหนีเอาตัวรอดเสีย ไม่อย่างนั้นอาจไม่ทันการณ์”
นางโจรหันหน้ากลับมามองคุณชาย ดวงตานางแดงก่ำ หากไม่มีน้ำตาสักหยด
“สัญญากับข้าได้ไหม ไม่ว่าอย่างไร อย่าให้คนชั่วพวกนั้นจับตัวได้”
“ห่วงตัวเองบ้าง ชีวิตเจ้าก็สำคัญไม่ต่างกับชีวิตของข้า...หงเซ่อ”
ดวงหน้าฉาบด้วยเลือดเผยรอยยิ้มซีดเซียว จากนั้นนางก็ถีบตัวลอยขึ้นเหนือพื้น แล้วกระโจนเข้าใส่ชายชุดดำด้วยความว่องไว วิทยายุทธ์นางดุดัน อีกทั้งการเข้าห้ำหั่นศัตรูก็แข็งแรง และห้าวหาญราวกับบุรุษมากกว่าจะเป็นสตรี
ฉีหยางซิ่วแม้ไม่ถนัดด้านบู๊สักเท่าไรทั้งที่เขาคือทายาท พู่กันปลิดวิญญาณ กระนั้นก็เป็นคนหัวไวจึงเอาตัวรอดเก่ง เขาพยายามช่วยเหลือนางโจรทุกวิถีทาง แต่ศัตรูล้อมหน้าล้อมหลังและมีจำนวนมากเสียจนเขาเพลี่ยงพล้ำ ล้มลุกคลุกคลานจนเนื้อตัวเคล็ดขัดยอก และภาพวาดที่อยู่ในย่ามก็หล่นกระจัดกระจาย
ชายหนุ่มห่วงภาพเหล่านั้นจับใจ มันมิใช่ภาพสาวงามยั่วยวนตัณหาให้ลุ่มหลงอย่างที่เคยวาดมาก่อน หากเป็นภาพซึ่งเปี่ยมด้วยพลังและจิตวิญญาณ ซึ่งแม้แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยล่วงรู้ว่าภาพดังกล่าวเคยถูกบันทึกไว้ด้วยฝีมือเขา
“นั่นเจ้าทำอะไร!”
สิ้นเสียงเข้มดุดัน ลูกธนูก็พุ่งมาหวิดจะปักเข้าหลังมือชายหนุ่ม หากแต่ดีที่มันปักลงพื้นดิน และสกัดให้เขายั้งมือไม่อาจเก็บภาพวาดเหล่านั้นขึ้นมา
ฉีหยางซิ่วหันไปมองคนในชุดดำซึ่งเตรียมพุ่งมาจับตัวเขา แต่ด้วยไม่ต้องการให้ใครพบเห็นรูปภาพเหล่านั้น จึงพยายามสุดกำลังที่จะคว้ามันเอาไว้
“ฮ่าๆ ๆ เจ้ามันเป็นคุณชายมากตัณหา สมคำร่ำลือเสียจริง เสียใจข้ามิได้ชมชอบเสพสมกับภาพนางคณิกา แต่ถ้าเป็นผู้หญิงตัวเป็นๆ ข้าคงจะถูกใจมากกว่า” มันว่าพร้อมกระโจนเข้าใส่ฉีหยางซิ่ว และกวัดแกว่งดาบ
เพื่อให้เขาทิ้งภาพเขียน
“ชั่วช้า คนอย่างเจ้าไม่เข้าใจศิลปะพวกนี้หรอก”
หนุ่มรูปงามว่าแล้วก็ฉวยภาพใส่ย่ามพร้อมวิ่งไปอีกทาง แต่เขายังช้ากว่ามือสังหารหลายขุม จึงถูกอีกฝ่ายช่วงชิงภาพไปอย่างง่ายได้
“เจ้ายกตนว่าเหนือกว่าคนอื่นอย่างนั้นหรือ น่าชิงชังนัก คนอย่างเจ้า ให้ดีก็แค่หลบอยู่หลังภาพวาดพวกนี้” มันว่าแล้วก็จับตัวฉีหยางซิ่วไว้
“ปล่อยข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนี้”
เขาออกคำสั่ง แต่อีกฝ่ายหาได้สนใจ มันยังออกแรงฉุดลากเขาให้ไปที่รถม้า ฉีหยางซิ่วไม่อยากให้นางโจรกังวลเรื่องตน ยามนี้ห่วงความปลอดภัยนางสุดใจ เขาจึงใช้ไหวพริบแก้ไขสถานการณ์
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น ข้าจะกัดลิ้นตัวเองตาย”
คำขู่นั้นมีพลังมากพอให้ชายในชุดดำหยุดก้าว ก่อนใช้มือจับใบหน้างดงามของเขา
“คุณชายคงไม่โง่ขนาดนั้นกระมัง ถ้าใบหน้านี้ต้องเน่าเปื่อย ทุกอย่างก็คงจบ รวมถึงตระกูลฉีของท่าน”
“เจ้ากล่าวเช่นนี้ หมายความเยี่ยงไร” ฉีหยางซิ่วสับสน อยากรู้ความนัยที่ซ่อนในวาจาชายสวมหน้ากากกระดูก “ชีวิตของท่าน มีความหมายยิ่ง และใบหน้านี้คือสิ่งที่ข้า และทุกคนต้องต้องรักษาเอาไว้ มิต่างจากลมหายใจอุ่นๆ ของท่าน”
ฉีหยางซิ่วไม่กระจ่างใจสักนิด เขาปวดหัวแทบระเบิด ครั้นมองไปอีกฝั่ง ก็เห็นนางโจรร่ายรำกระบี่หักอย่างคล่องแคล่ว ก่อนที่ศีรษะใครคนหนึ่งจะลอยขึ้น ตามด้วยเลือดสดๆ ซึ่งพุ่งออกจากลำคอดั่งลาวาจากปล่องภูเขาไฟ