ตอนที่ 4 (5) จบบท

772 คำ
แม้กระทั่งภีมพลเองก็เจ็บปวดที่เห็นภาพนั้น เขายืนอยู่ที่เดิม กำหมัดแน่น มองอารยาที่มีร่างกายสั่นเทิ้มแรงมาก หล่อนปิดปากตนเองไว้ไม่ให้มีเสียงร้องไห้ออกมา และมือข้างนั้นที่ยกขึ้นมามีเลือดซึม เขาถึงรู้… ว่าหล่อนเจ็บ “นั่นมือไปโดนอะไรมาทำไมมีแผล!” รุดกายเข้ามาใกล้คุกเข่าลงตรงหน้า ดึงมือหล่อนออกมาดูถึงเห็นเต็มตาว่าแผลมันใหญ่มากแค่ไหน “ทำไมไม่บอกว่าเจ็บมือ!” ตวาดต่ออีก ทว่าหล่อนก็ยังไม่ยอมพูดอะไรเหมือนเดิม ภีมพลไม่ทน จะเข้าไปอุ้มพาไปโรงพยาบาลแต่กลับไม่สำเร็จ “อย่าเข้ามานะ” มือสองข้างทั้งที่ปกติและมีแผลปัดป่ายตบตีไม่ยอมให้เขาเข้ามาใกล้ “ฮือ… อายขอโทษ ออกไป ออกไป อย่าทำอะไรอายเลย” “อาย!” เหมือนจะตวาดแต่ไม่ใช่เลย ภีมพลพยายามส่งเสียงเรียกไว้ไม่ให้เจ้าหล่อนสติหลุดไปมากกว่านี้ เข้ามาจับไว้ก่อนที่เลือดจะไหลออกมาเยอะกว่าเดิม ตอนนี้มันหยดลงบนผ้าห่ม และเปรอะเต็มเสื้อนักศึกษาหมดแล้ว คิ้วเข้มย่นเข้าหากัน เสียใจที่ใช้แรงเยอะเกินไปทำให้หล่อนกลัวมากถึงขนาดนี้ “อยู่นิ่งๆ สักนาทีจะได้ไหม ไม่เจ็บแผลบ้างเลยหรือไง” “ฮึก… อายขอโทษ อาภีมจะทำอะไร” กลัวแม้กระทั่งการต้องตกอยู่ภายใต้อ้อมกอดอบอุ่น มือเขากำลังลูบศีรษะปลอบประโลม ดวงหน้ามอมแมมฝังอยู่กลางแผ่นอกกำยำ อารยาใช้ช่วงเวลานั้นปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมากกว่าเดิม ปากพร่ำคำว่า ‘ขอโทษ’ ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพูดออกไปทำไม แต่ก็พูด เพราะไม่อยากถูกเขาทำร้ายร่างกาย ไม่อยากถูกเขาเกลียด ชีวิตนี้แทบไม่เหลือใครเลย หากจะขอให้ใครสักคนรักและเอ็นดูตนเอง ก็อยากจะให้เป็นเขาคนนี้ ภายในห้องพักกว้างไม่กี่เมตรแสนคับแคบแทบจะไม่มีอะไรเลย มีตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น เตียง ชั้นวางของ และพัดลมขนาดเล็ก มันไม่ค่อยถูกเปิดใช้งานเท่าไหร่นักส่วนใหญ่จะเป็นพัดลมหมุนติดเพดานห้อง มันหมุนแรงตามระดับที่คนสั่ง ในขณะนี้มันก็ยังทำงานอย่างขยันขันแข็ง ช่วยส่งความเย็นมาให้สองหนุ่มสาว ภีมพลยังคงกอดอารยาไว้อย่างนั้นหลายนาทีจนกระทั่งรู้สึกได้ว่าเสียงร้องไห้น้อยลง และร่างกายของหล่อนเองก็ไม่ได้ต่อต้านเขาเหมือนเดิมแล้ว “เจ็บไหม…” กระซิบถามคำนั้น กดปลายจมูกสันโด่งลงหอมบนศีรษะ และหน้าผากสวย เอนกายออกห่างเพื่อจะได้มองดวงหน้าแสนหวาน “บอกหน่อยได้ไหมว่ามืออายไปโดนอะไรมา” “อาภีมไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ อายดูแลตัวเองได้” หลบซ่อนดวงตาไหวระริกไว้ไม่ให้เขาเห็นความอ่อนแอ อารยาพยายามจะขยับร่างกายออกห่าง ทว่าเขายังกอดอย่างนั้นไม่ยอมปล่อย จ้องหน้าหล่อนเหมือนอยากจะตวาดใส่ “ถ้าดูแลตัวเองได้ คงไม่ปล่อยให้ตัวเองมีแผลใหญ่ขนาดนี้หรอก” “ต่อให้มือขาดอายก็อยู่ได้…” ดื้อ โต้กลับทันควัน ค่อยๆ เบือนใบหน้าเปื้อนน้ำตากลับมามองชายหนุ่มด้วยแววตาเจ็บช้ำ “อายเหลือตัวคนเดียว ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนสักคน แล้วจะให้พูดได้ยังไง… ว่าดูแลตัวเองไม่ได้” พูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ เป็นได้แค่ความคิดที่เกิดขึ้นในหัว ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ หึงหล่อนจนกลายเป็นคนบ้า! “ลุกขึ้น ฉันจะพาไปทำแผลที่โรงพยาบาล” สั่งแล้วหล่อนไม่ทำตาม ก็เดินไปหยิบกุญแจรถกระเป๋าตังค์ตัวเองมายัดใส่กระเป๋า เกี่ยวกระเป๋าผ้าใบเดิมของอารยามาสะพายแล้วเข้าไปอุ้มกายอรชรขึ้นจากพื้น ไม่ฟังเสียงร้อง ขู่กรรโชกให้เงียบ เสียงดุไม่พอ สายตาเขายังน่ากลัวอีกอารยาจึงไม่กล้าดิ้นรน ยอมอยู่นิ่งๆ ให้เขาอุ้มขึ้นรถ พาไปทำแผลที่โรงพยาบาลของมหาลัย ในช่วงหลายนาทีที่รอหมอทำแผลให้อารยา เขากำหมัดทุบกำแพงหลายครั้ง เช่นเดียวกับการใช้หัวโหม่งกำแพง ภีมเอ๊ย ทำอะไรให้ใช้สมองหน่อยสิวะ อายยังไม่หายโกรธเรื่องที่ทิ้งของขวัญวันเกิดก็ดันสร้างเรื่องใหม่ซะแล้ว ชาตินี้ทั้งชาติ มึงอย่าหวังเลยว่าเขาจะยอมให้เข้าใกล้!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม