ตอนที่ 4 (3)

1429 คำ
ไม่ว่าจะปีนี้หรือปีหน้า ภีมพลก็ไม่มีวันสนใจเด็กกะโปโลที่มีแต่ตัวแบบหล่อน ตัวเลือกเขามีมากมาย สักวันเขาต้องเปิดตัวแฟน สักวันเขาต้องมองเห็นหล่อนเป็นภาระ อารยาไม่อยากอยู่จนถึงวันนั้น ไม่อยากกลายเป็นสิ่งของไร้ค่าในสายตาของอาภีม แต่… จะทำยังไงล่ะ ในเมื่อหล่อนในวันนี้ไม่มีอะไรเลย งาน เงิน บ้าน แม้กระทั่งครอบครัว ก็ไม่เหลือใครให้กลับไปหาเลยสักคน รถของชายที่เพิ่งรู้จักกันเคลื่อนเข้ามาจอดที่หอพักค่อนข้างเก่า อารยาซาบซึ้งใจมาก ฝืนยกมือขึ้นมาไหว้แม้จะค่อนข้างลำบากและเจ็บแผลมาก “ขอบคุณอีกครั้งนะคะ อายขอบคุณพี่แม็กซ์มากจริงๆ ที่ใจดีกับอาย” ขอบคุณจริงๆ นอกจากฟ้าใสแล้วอารยายังพบคนใจดีเพิ่มอีก “พรุ่งนี้พี่เข้าเวรช่วงบ่ายลากยาวไปถึงกลางดึกเลย น้องอายเลิกเรียนแล้วแวะเข้าไปนะพี่จะทำแผลให้ ต้องทำทุกวัน แผลจะได้หายเร็วๆ” “ค่ะ พี่แม็กซ์ขับรถกลับบ้านดีๆ นะคะ” หล่อนลงและยืนส่งจนกระทั่งเขากลับรถเลี้ยวออกไป จึงหมุนกายในชุดนักศึกษากลับเข้ามาในหอพัก ดวงหน้าแสนหวานเศร้าหมองลงมาก นึกถึงข้อเสนอของพี่แนนที่ชวนให้ไปฝึกงานด้วยกันในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาฯ ถือว่าตรงกับสายที่เรียนอยู่มากเพราะอารยาเรียนภาษาอังกฤษธุรกิจ แต่สิ่งเดียวที่ไม่เข้าใจเอาซะเลยคือภีมพลต้องการอะไรกันแน่ จะอยากได้คนที่ตัวเองเกลียดไปไว้ใกล้ตัวทำไม หรือเขาแค่เวทนา เรียนหนักแล้วยังต้องไปทำงานพิเศษทุกวันไม่มีวันหยุดตลอดจันทร์ถึงอาทิตย์ ไม่ว่าจะเก่งหรือแกร่งมาจากไหนก็ต้องเหนื่อยกันทั้งนั้น มีหรือที่คนตัวเล็กๆ อย่างอารยาจะไม่รู้สึกอย่างนั้น หล่อนแค่… ไม่รู้ว่าเหนื่อยแล้วต้องทำยังไง นอนพักแล้วมันจะหายไปงั้นเหรอ ในเมื่อรุ่งขึ้นก็ยังต้องคิดแบบเดิม หญิงสาวส่งยิ้มบางๆ ให้เจ้าของหอ เข้าไปแตะคีย์การ์ดผลักประตูกระจกเข้าไปด้านใน หอพักของหล่อนค่อนข้างเก่ามีขนาดห้าชั้นไม่มีลิฟต์ ผู้เช่าไม่ค่อยสร้างความวุ่นวายหรือเสียงดัง ต่างคนต่างเรียน ทำงาน และกลับมานอนพักเอาแรง เหมือนหล่อนนี่แหละ ที่ไม่ต้องการอะไรไปมากกว่าที่สักที่ให้พักกายพักใจ ไม่ต้องคิดเรื่องเรียน เรื่องงาน และเรื่องอะไรนอกเหนือจากนั้น มือเจ็บแบบนี้ก็คงทำงานพิเศษไม่ได้สักพัก แค่คิดว่าจะไม่มีรายได้อารยาก็เสียใจจนแทบอยากร้องไห้ มันเป็นความรู้สึกน้อยใจ เสียใจ และคอยโทษตัวเองอยู่หลายครั้งว่าทำไมไม่เอาไหน ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องไม่ดีสักอย่าง คิดจะติดนิสัยคุณหนูไปถึงไหน แค่คิดเฉยๆ ไม่รู้ว่าน้ำตาจะไหลลงมาจริงๆ หล่อนเช็ดน้ำตาลวกๆ ขณะเดินสวนทางผู้เช่าคนอื่นตรงดิ่งขึ้นไปยังชั้นสี่ แต่เมื่อไขกุญแจและหมุนลูกบิดเข้าไปกลับต้องตกใจที่ภายในห้องมีแสงไฟ และตกใจคูณสองเข้าไปอีกที่เห็นใครบางคนกำลังนั่งรอบนปลายเตียง “อาภีม! มาได้ยังไงคะ” “ส่งให้มาเรียนไม่ได้ให้มามีแฟน หรือคิดว่าการเรียนมันยาก รวยไม่ทันใจถึงคิดจับผัวรวยหาเงินมาใช้หนี้” ภีมพลไม่หันหน้าไปมอง ทว่ากลับพูดออกมาด้วยโทนเสียงที่เย็นชาและหยาบคาย แสดงออกว่ารังเกียจ เห็นหมดแหละตั้งแต่ไอ้หมอนั่นชวนอารยาขึ้นรถ ไปกินข้าวด้วยกันกะหนุงกะหนิงคนมองตั้งเยอะยังไม่อายไม่ถอยห่างออกจากกัน แล้วยังอ้อนมันให้มาส่งถึงหอ! ทีกับเขาไม่เห็นอ่อยอะไร ทั้งที่เขารวยกว่ามันตั้งหลายเท่า! “อาภีมพูดอะไรคะ” หล่อนก้าวเท้าเข้าไปข้างในใกล้เขามากขึ้น เพื่อถามซ้ำอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อ “ฮึ!” เขาเอียงใบหน้าเคร่งขรึมมามอง กระตุกยิ้มมุมปาก แค่นเสียงหัวเราะในลำคอใส่หน้าเด็กใต้การปกครองที่ริอ่านให้ผู้ชายอื่นมาส่งถึงหอพัก เกลียดนักเชียว นึกว่าจะเป็นเด็กดี แต่ที่ไหนได้กลับไม่ใช่อย่างที่คิดเลย “มันอาจจะฐานะดีถึงมีรถหรูราคาเป็นล้านขับ แต่คิดเหรอว่าไอ้กระจอกคนนั้นจะมีปัญญาจะยอมจ่ายหนี้แทนเธอ ฝันไปเถอะอาย ไม่มีใครโง่ขนาดนั้นหรอก มันเห็นเธอมีแต่ตัวและหิวเงิน ถึงอยากแวะมาเอาฟรีๆก็แค่นั้นแหละ!” อารยาน้ำตาไหลพรากสะบัดข้อมือตบเขาเต็มแรง กำหมัดทุบไปตามเนื้อตัวกำยำแม้เขาจะปัดทิ้งก็ไม่ยอมหยุด ทั้งสองดึงรั้งกันไปมาจนสายกระเป๋าอารยาร่วงลงพื้น “ฮือ… ทำไมอาภีมต้องดูถูกอายด้วย อายไปทำอะไรให้” “กล้าดียังไงมาตบหน้าฉัน! หยุดนะอารยา” เขากระชากข้อมือหล่อนหนักหน่วง ดึงร่างบางให้นั่งลงบนหน้าขา ตรึงไว้ไม่ให้ออกแรงพยศได้อีก “ถ้าอยากมากนักทำไมไม่มาเสนอขายตัวให้ฉันล่ะ อย่างน้อยฉันก็กระเป๋าหนักกว่าไอ้พวกนั้นไม่ใช่หรือไง!” ภีมพลยังไม่ยอมหยุดดูถูก เขาใช้ปลายนิ้วบีบปลายคางสวยให้เงยหน้าขึ้นมามองกัน ไม่สนใจเลยว่าอารยาจะกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักมากแค่ไหน ไม่แคร์หรอก ทีหล่อนไปกินข้าวกับไอ้หนุ่มคนนั้นแถมให้มันมาส่งถึงหอยังไม่เห็นสนใจเขาเลย! สายตาเขามีความแข็งกระด้างปนหื่นกระหาย เหยียดยิ้ม จ้องมองดวงหน้ามอมแมมในระยะใกล้ “เห็นเพื่อนมีเสี่ยเลี้ยงแล้วชีวิตดีกว่าตัวเองเลยดิ้นงั้นเหรออาย เขามีเงินใช้ มีบ้าน มีรถ ไม่เหมือนตัวเองที่ต้องทำงานงกๆ ถ้าอิจฉามากขนาดนั้นก็เสนอมาเลยสิว่าอยากได้เดือนละเท่าไหร่ จะได้ไม่ต้องไปอ่อยคนอื่นให้มาช่วยซื้อ!” “แค่อาภีมโอนเข้าบัญชีมาให้ทุกเดือน ฮึก… อายยังไม่ใช้เลย แล้วยังกล้าคิดอีกเหรอคะว่าอายอยากได้เงินของอาภีมเพิ่ม!” หญิงสาวเลือกจะต่อปากต่อคำเพราะไม่สามารถขยับแขนได้เลย ฝ่ามือข้างที่เป็นแผลเจ็บแปลบจากแรงปะทะที่ทุบตีร่างกายเขา อารยาเจ็บ แต่เลือกจะเก็บไว้ ตอนนี้ใจของหล่อนมันเจ็บปวดมากกว่าแผลทางกายอีก ร้องไห้น้ำตาไหลไม่ยอมหยุด เสียใจที่ถูกภีมพลต่อว่าแรงมากขนาดนี้ ก็พอรู้ว่าเขาไม่เคยรัก ไม่เคยอยากลดตัวมาสนิทด้วย ทว่าหล่อนไม่คิดว่าเขาจะมองตนเอง ‘ต่ำ’ มากขนาดนี้ และดูถูกว่าหัวสูง “งั้นเหรออาย! ไอ้หมอนั่นคงเป็นคนที่เธอต้องการสินะ” เผลอตัวเขย่าร่างบางแรงมาก สีหน้าภีมพลในตอนนี้ราวกับจอมมารร้ายในคราบเทพบุตร ไม่ว่าอารยาจะออกแรงต้านมากแค่ไหนก็ไม่อาจสู้แรงจากกายกำยำได้ ภีมพลยังคงนั่งบนปลายเตียงคอยกอดรัดเด็กนักศึกษาไว้แน่น โกรธหล่อนที่ไม่ยอมปิดประตูห้องให้เรียบร้อย มันยังเปิดอ้าค้างไว้อย่างนั้น แต่ดีหน่อยที่ห้องนี้อยู่สุดทางเดินจึงยังไม่มีใครผ่านมาเห็น และเข้ามาช่วยเหลือเจ้าหล่อนได้ “ฮือ อายเจ็บนะคะอาภีม…” แรงเขาเยอะรัดจนกระดูกต้นแขนแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่อาจขยับแขนได้อารยาพยายามใช้เท้าในการเหยียบ ถีบเขาให้ปล่อยตนเอง ทั้งออกแรงต่อสู้และดึงกระชากกันและกันไว้หลายครั้ง พยศหนักมากนักเขาคงรำคาญจึงตวาดใส่หน้า จับร่างหล่อนเหวี่ยงขึ้นบนเตียง กายอรชรกระเด้งเล็กน้อยก่อนจะแน่นิ่งทันทีที่เขาตามมาทาบทับ กดข้อมือไว้แน่น ใบหน้าเขาแม้จะโกรธแต่ก็ยังดูดีเหลือเกินในสายตาของอารยา เขาใจดีแค่กับผู้หญิงสวยๆ คนอื่น ทีกับหล่อนไม่เคยเลยสักครั้งที่จะทำดีหรือพูดจาดีด้วย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม