ตอนที่ 4 (2)

1792 คำ
ภายในร้านชาบูหลังมหาลัย หลังวางสายจากคุณเลขานุการอารยาในชุดพนักงานของร้านก็กลับมาทำงานต่อ แต่ทำได้ไม่นานก็ซุ่มซ่ามจนเลือดตกยางออก เจ้าของร้านที่เป็นผู้หญิงจึงอนุญาตให้กลับเร็วหน่อยเพื่อจะได้ทำแผล และพักผ่อน ทุกครั้งที่สำลีก้อนซับหน้าแผลจะมีเสียงประท้วงและดึงมือกลับร่วมด้วยทุกครั้ง ทว่าไม่สามารถดึงกลับได้สำเร็จเพราะมีคนดึงยื้อไว้ อารยาเจ็บจนน้ำตาไหลเป็นทางยาว ร้องไห้สะอึกสะอื้นงอแงเหมือนเด็กปั่นจักรยานล้มแล้วได้รับแผลกลับมา สะดุ้งตัวโยน อุทานตามจนคนทำแผลให้ถึงกับอ่อนใจ นัยน์ตาคู่นั้นทอดสายตามองรอยมีดบาดเป็นทางยาวกลางฝ่ามือบอบบาง “เจ็บ ฮือ… พี่ ฮือ… ช่วยเบาๆ หน่อยได้ไหมคะ เจ็บจะแย่อยู่แล้ว ฮึก…” ขอร้องเสียงสั่นเครือ น้ำตายังคงรินไหล นำพามือข้างที่ไม่เจ็บเข้าไปจับมือเขาไว้ ไม่ให้ทิ้งน้ำหนักลงมากเวลาทำแผล อากัปกิริยานั้นเป็นไปโดยธรรมชาติไม่ได้คิดอะไร แต่กลับทำให้หัวใจว่าที่คุณหมอสั่นระรัว “รู้ครับว่าเจ็บ แต่อดทนหน่อยเดียวนะคนเก่ง อีกเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้วครับ” เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มนุ่ม ช้อนสายตาขึ้นมามองและส่งรอยยิ้มอุ่นๆ มาให้คลายใจ น่ารักจัง คนอะไรแม้กระทั่งเวลาร้องไห้ยังน่ารักมาก ทำให้เขารู้สึกอยากปกป้อง อยากคอยดูแลปฐมพยาบาลให้จนกว่ามือข้างนี้จะหายดี สายตาหมอแม็กซ์ นักศึกษาแพทย์ปีหกอ่อนหวานมากเวลาจ้องมองดวงหน้านวล “ต่อไปจะใช้มีดใช้ของมีคมต้องระวังมากกว่านี้นะครับ ถ้าพลาดเฉือนนิ้วตัวเองขาดเข้าจะลำบากเอานะ” เขาเตือนต่อด้วยความหวังดี จับมือคนเจ็บอย่างทะนุถนอม ค่อยๆ ใช้สำลีชุบแอลกอฮอลเช็ดทำความสะอาดเบาๆ ทายา ชวนคุยไปด้วยเพื่อให้หญิงสาวหลงลืมความเจ็บชั่วคราว ถือเป็นโชคร้ายที่หญิงสาวบาดเจ็บหนักขนาดนี้ แต่ก็ถือเป็นโชคดีของเขาที่อยู่ใกล้และได้ดูแล “ถ้านิ้ว ฮึก… อายขาดออกจริงๆ พี่หมอต่อมันกลับไปได้ไหมคะ” ตาแป๋วเชียวเวลาถาม กลัวว่าถ้านิ้วตัวเองขาดขึ้นมาจริงๆ จะต้องกลายเป็นคนมือไม่สมประกอบตลอดชีวิต ไม่แน่หรอกเพราะอารยาเป็นคุณหนูตกอับที่ไม่เอาไหนเลยในการทำครัว ทอดไข่เจียวถ้าไม่ไหม้ก็ไม่สุก จะให้ฟ้าใสสอนทำก็เกรงใจ ฟ้าใสเองก็ต้องทำงานพาร์ทไทม์ไม่ค่อยมีเวลาว่างตรงกันสักเท่าไหร่ เช้าวันนี้อารยาไปเรียนตามปกติ หลังเลิกก็แยกทางกับฟ้าใสไปทำงานที่ร้านชาบูหลังมอ เป็นความโชคร้ายที่ผู้ช่วยกุ๊กลาป่วย เจ้าของร้านจึงให้อารยาเข้าไปช่วยงานในครัว ทำไม่เป็นสักอย่าง แต่อารยาไม่กล้าเกี่ยงงานจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้กุ๊กให้ทำอะไรก็ทำตาม เขาให้หั่นเนื้อเป็นแผ่นบางๆ ด้วยความทำไม่เป็นจึงนำเนื้อไปวางบนเขียง ใช้ฝ่ามือทับด้านบนแล้วค่อยๆ ใช้มีดปลายแหลมเฉือนเนื้อจากตรงกลาง ทำยากมาก แถมหั่นออกมาหน้าตาไม่สวยสุดๆ ลองทำหลายครั้งคิดว่าชินแล้วจึงเร่งมือให้เร็วขึ้นตามคำสั่งของกุ๊ก จนในที่สุดก็พลั้งพลาดทำบาดมือตัวเอง รอยแผลมันใหญ่มาก เลือดไหลออกมาตั้งเยอะหยดเต็มพื้นครัวไปหมด เจ้าของร้านหงุดหงิดมากไล่ให้กลับบ้านเร็วเพื่อมาทำแผล น้ำตาไหลเลยแหละ ใช้ผ้าในร้านกดห้ามเลือดไว้ตั้งใจจะไปรักษาที่โรงพยาบาลแพทย์ในมหาวิทยาลัย เพราะใช้สิทธิ์นักศึกษารักษาได้ฟรี ระหว่างทางโชคดีมากที่ชายคนนี้วิ่งตามมาอาสาพามาส่งที่นี่ และนำกล่องพยาบาลทำแผลให้ด้วยตัวเอง ตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้อารยายังร้องไห้งอแงไม่ยอมหยุด เจ็บมือ แล้วก็ตกใจมากด้วยที่เห็นเลือดของตัวเอง ดีนะที่ไม่เป็นลมล้มพับ “ต้องประเมินเป็นเคสไปครับ ถ้าขาดจริงเก็บรักษาชิ้นเนื้อไว้ในที่เย็นแล้วรีบมาหาหมอนะ แต่ทางที่ดีอย่าฟันมือตัวเองให้ขาดเลยนะ ทำอะไรต้องทำด้วยความระมัดระวัง ของมีคมทุกอย่างล้วนอันตรายทั้งนั้น” นักศึกษาแพทย์หนุ่มตอบด้วยรอยยิ้ม นำสำลีใช้แล้วทิ้งลงถุงขยะ จากนั้นเดินทางมาถึงขั้นตอนสุดท้ายคือจัดการปิดปากแผลด้วยผ้าพันแผล เพราะรอยแผลค่อนข้างยาวหมอแม็กซ์จึงต้องพันรอบฝ่ามือเล็ก ฝีมือการทำแผลและพันผ้าของเขาสวยมาก ไม่รุงรังเหมือนทำเองเลย อารยาค่อยๆ ยกมือขึ้น แต่ยังเจ็บจึงยกได้ไม่สูงมาก ยกมือไหว้เขาไม่ได้ก็ใช้ปากพูดและก้มศีรษะลงต่ำๆ ซาบซึ้งมาก ทั้งที่ไม่รู้จักกันแต่อุตส่าห์พามาทำแผลถึงที่นี่ เห็นนะว่าก่อนหน้านี้เขาไปกินชาบูทีร้านร่วมกับเพื่อนๆ กินยังไม่อิ่มกลับวิ่งตามหล่อนออกมา คนสวยยิ้มหวาน เช็ดน้ำตาออกเลิกขี้แย “ใจดีจังเลยค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยเหลือ ต่อไปถ้ามีอะไรให้อายช่วยบอกได้นะคะ” “ครับน้องอาย ไว้มีอะไรให้ช่วยจะบอกนะครับ อ้อ! พี่ชื่อแม็กซ์นะ” ส่งยิ้มไปให้สาวสวยอีกครั้ง ก่อนจะทำการแนะนำคนเจ็บ “แผลสดระวังอย่าให้เปียกน้ำนะครับ ต้องดูแลเรื่องความสะอาดแล้วก็หมั่นทำแผลทายาทุกวัน พี่เข้าเวรอยู่ที่นี่เกือบทุกวันยังไงก็แวะเข้ามาหาได้นะจะช่วยทำแผลให้ จะทำแผลกับพี่หรือกับพี่ๆ คนอื่นก็สามารถใช้สิทธิ์นักศึกษารักษาฟรีได้เลย” ฟรี ชอบตรงนี้แหละ อารยาหัวเราะแห้งๆ ใช้หลังมือเช็ดน้ำตาออก นักศึกษาแพทย์สุดหล่อเก็บเครื่องมือแพทย์ ยาต่างๆ กลับที่เดิม ถอดถุงมือออกและล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ช่วงเย็นคนไข้ไม่ค่อยมีมากเท่าไหร่ มีบ้างที่มาหาหมอที่คลินิกนอกเวลา และแวะเวียนมาเยี่ยมคนป่วยที่ต้องนอนพักรักษาอาการที่นี่ ห้องนี้อยู่ห่างจากโซนด้านหน้ามาเยอะหน่อย เพื่อนร่วมชั้นเข้าเวรอยู่จึงขอเข้ามาใช้สถานที่และอาสาทำแผลให้หญิงสาวด้วยตัวเอง “ขอบคุณนะคะ พี่แม็กซ์ใจดีจังเลย” “ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่น้องอายกินข้าวมาหรือยังเอ่ย” “จริงสิ พี่แม็กซ์ยังกินชาบูไม่ครบเวลาเลย เอ่อ… ถ้าไม่รังเกียจ ให้อายเลี้ยงข้าวได้ไหมคะ” ชักชวนแล้วใจก็หล่นลงไปตกที่ตาตุ่ม ดูไลฟ์สไตล์ของเขาสิ นาฬิกาหลักหมื่น รถเบนซ์หลักล้าน แถมยังเรียนคณะแพทย์ของมหาลัยเอกชนที่ขึ้นชื่อว่าค่าเทอมแพงมากๆ ถ้าเขาอยากกินอาหารในร้านหรูๆ จะเอาปัญญาที่ไหนจ่ายเงินเนี่ย เลี้ยงเขาแล้วตัวเองไม่ต้องกินมาม่าสองเดือนเหรอ ถึงจะกลัวหมดเงินเยอะแต่ตามมารยาทก็ควรจะเลี้ยงตอบแทน ถ้าเขาไม่พามาทำแผล ป่านนี้หล่อนอาจจะหมดสติกลางถนนเพราะเลือดไหลออกจากตัวเยอะแน่ๆ เอาวะ ขอต้มมาม่ากินสักสองเดือนให้ผมร่วงกันไปข้าง พี่แม็กซ์ล้างมือเสร็จก็หันมายิ้มให้ในขณะเช็ดมือ ตอบตกลง ขับรถพาอารยาออกมานอกคณะเพื่อหาร้านอาหาร คนชวนลุ้นตั้งนานพยายามไม่ทำตัวกระวนกระวายใจ สุดท้ายก็ยิ้มออกเมื่อเขาเลือกมากินที่โรงอาหารกลาง มีลักษณะเป็นตลาดขายอาหารขนาดย่อมๆ มีร้านอาหารตามสั่งและเมนูอื่นๆ สองฝั่ง ราคาก็เริ่มต้นตั้งแต่หลักสิบไปถึงหลักร้อย ไม่มีอะไรที่แพงเกินไป “พี่มากินข้าวที่นี่ตั้งแต่ปีหนึ่งจนตอนนี้ปีหกแล้วก็มาเกือบทุกวัน ใกล้ตึกคณะ ใกล้โรงพยาบาลแพทย์ เดินทางสะดวก แล้วน้องอายล่ะครับปกติกินข้าวเที่ยงที่ไหน” ว่าที่คุณหมอชวนคุยหลังจากที่ไปกดน้ำบริการของร้านค้ามาเสิร์ฟหญิงสาว ทั้งสองสั่งข้าวผัดคนละจาน รอคิวเยอะหน่อยเพราะนักศึกษาหลายคนที่พักหอใกล้มหาวิทยาลัยต่างก็มาฝากท้องที่นี่กันทั้งนั้น “อายสั่งกินที่คณะค่ะ ข้างๆ ตึกเรียนของเรามีร้านอาหารตามสั่งเล็กๆ ตั้งอยู่” แต่นานๆ ก็มากินที่นี่บ้าง อาหารอร่อย ราคาไม่แพง อารยาพยายามถามตอบให้น้อยที่สุด ไม่ชอบเลยสายตานักศึกษาหลายคนที่เดินผ่านมาเห็นแล้วหันไปซุบซิบกัน แน่สิ จะมีใครในมหาลัยล่ะที่ไม่รู้จักพี่แม็กซ์ นักศึกษาแพทย์ปีหก อดีตเดือนมหา’ลัยและเป็นหนุ่มสุดฮอตที่สาวทั้งมหาลัยอยากออกเดทด้วย ตอนเจ็บมือก็ไม่ได้คิดอะไรเยอะ เพิ่งมาสังเกตก็ตอนทำแผลเสร็จ อารยาเคยได้ยินชื่อเขาจากปากของฟ้าใส รายนั้นนอกจากจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของพี่โอมวงเดอะด้องแล้ว ก็ยังเป็นแฟนคลับของหนุ่มหล่อทุกคน แต่เพราะอารยารู้ว่าตัวเองไม่ได้มีดีพอสำหรับใครจึงไม่สนใจผู้ชายสักคน ตั้งใจทำงานหาเงินเรียนหนังสืออย่างเดียว นี่ถ้าฟ้าใสรู้เข้า คงแทบอยากวาร์ปออกจากงานมานั่งกินข้าวด้วยกันสามคนแน่นอน พูดแล้วอารยาก็คิดถึงเพื่อน “คงจะอร่อยเนอะน้องอายถึงได้ชอบกินที่นั่น เห็นทีว่างๆ ต้องลองแวะไปกินบ้างแล้ว คณะอะไรเหรอครับ” แกล้งถาม ความจริงรู้อยู่ว่าคณะอะไร อารยาตอบเบาๆ ข้าวผัดสองจานถูกนำมาเสิร์ฟพอดีจึงเบี่ยงเบนความสนใจได้ ตักข้าวกินเงียบๆ ด้วยมือขวาข้างเดียว พี่หมอชวนคุยอีกหลายอย่างเลยเขาคุยสนุกมากแถมยังสุภาพ แม้กระทั่งอารยาที่ว่าหนักแน่นในความรักที่มีต่อภีมพลยังอดใจสั่นไม่ได้ เผลอคิดว่าถ้ามีคนดีๆ เข้ามาจีบตัวเองคงดีเนอะ สักคนที่พอดี ไม่ต้องหล่อ ต้องรวย แค่รัก เข้าใจ และอยากดูแลหล่อน แค่นี้ก็พอแล้ว หล่อนอยากมีใครสักคนคอยอยู่ข้างๆ ในวันที่ไม่เหลือใคร ไม่อยากต้องเจ็บปวดหัวใจเพราะหลงรักคนผิดอีกแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม