‘จำกูได้ไหม กูอาธิป’
‘จำได้สิ ทำไมจะจำไม่ได้ เพื่อนรักกูทั้งคน’
‘กูมีเรื่องอยากขอให้มึงช่วย’
‘หึ คนอย่างมึงเหรอ มาขอให้กูช่วย?’
‘กูไม่ได้ขอให้มึงช่วยฟรีๆ กูมีข้อเสนอมาให้มึง’
‘ข้อเสนออะไร?’
‘ที่ดินที่มึงอยากได้ กูจะยอมยกให้มึงฟรีๆ แต่แลกกับการที่มึงต้องช่วยครอบครัวกู’
‘แล้วทำไมกูต้องลดตัวลงไปช่วยครอบครัวของมึงด้วย’
‘มึงจะไม่รับข้อเสนอนี้ของกูก็ได้ ที่ดินผืนนี้ไม่ได้มีแค่มึงที่อยากได้ คุณไชยเชษฐ์ คู่แข่งทางธุรกิจของมึงก็อยากได้ เขาเสนอเงินมหาศาลให้กู เงินที่มากกว่าของมึง’
‘มึงเอาคู่แข่งของกู มาหยามหน้ากู?’
‘หรือมึงอยากให้มันได้ไป?’
‘หึ มึงนี่เจ้าเล่ห์ดีนะ ก็ได้ กูจะยอมช่วยมึง แต่กูเองก็มีข้อเสนอมาให้มึงเหมือนกัน’
‘ข้อแลกเปลี่ยนอะไร’
‘ลูกสาวมึงต้องแต่งงานกับลูกชายของกู แล้วมีหลานให้ตระกูลภายในหนึ่งปี’
‘มึงจะบ้าเหรอ ลูกกูยังเรียนอยู่’
‘งั้นมึงก็ต้องเลือกแล้วล่ะ’
และแน่นอน ตนยอมรับข้อเสนอของอดีต ‘เพื่อนสนิท’
นั่นคือทางเดียวที่จะช่วยครอบครัว ให้หลุดพ้นจากมาเฟียคนนั้น
‘กูจะให้โอกาสพวกมึงหนี’
‘กูจะให้โอกาสถึงแค่พรุ่งนี้ตอนค่ำ ถ้าพวกมึงหนีกูไปได้กูจะปล่อยไป แต่ถ้ากูตามหาพวกมึงเจอเมื่อไหร่ พวกมึงตาย’
‘เจอเมื่อไหร่ ไม่ได้มาอ้อนวอนกูแบบนี้แน่’
ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยอมรับข้อเสนอของปวริศ เวรกรรมอะไรของครอบครัวเขา ทำไมต้องมาเจอเรื่องราวที่แสนโชคร้ายอย่างนี้ด้วย
•••
“แกจะไปไหน”
“ออกไปสะสางอะไรหน่อยครับ”
“สะสางเรื่องครอบครัวนั้นเหรอ”
ภาคินชะงัก ยังไม่ทันเอ่ยถามอะไร คนเป็นพ่อก็เอ่ยอีกประโยคขึ้นมาเสียก่อน
“สงสัยเหรอว่าฉันรู้ได้ยังไง”
“แล้วพ่อรู้ได้ยังไง ว่าผมกำลังไปสะสางเรื่องนี้?”
“มีอะไรเกี่ยวกับแกบ้างที่ฉันไม่รู้ ขนาดผู้หญิงที่แกแอบซุกเอาไว้ ลงทุนซื้อคอนโดเพื่อนอนกับผู้หญิงฉันยังรู้เลย” ปวริศตอบลูกชายกลับเสียงเรียบ
“อย่ายุ่งกับครอบครัวนั้น”
“ทำไมพ่อต้องห้ามผมไม่ให้ยุ่งกับครอบครัวนั้น” เขาถามพ่ออย่างไม่เข้าใจ ร้อยวันพันปีไม่เคยยุ่งเรื่องพวกนี้ ยกเว้นครั้งนี้ที่เข้ามายุ่ง แล้วบอกให้เขาอย่ายุ่งกับครอบครัวนั้น
“เพราะแกต้องหมั้นกับลูกสาวบ้านนั้น”
กึกก
ภาคินนิ่งอึ้ง หลังจากได้ยินคนเป็นพ่อบอกว่า ตนต้องหมั้นกับลูกสาวบ้านหลังที่เพิ่งไปขู่ฆ่ามา
“อะไรนะครับ?” เขาถามพ่ออีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ที่ฉันห้ามแกไม่ให้ไปแตะต้องครอบครัวนั้น เพราะแกต้องหมั้นลูกสาวบ้านหลังนั้น”
“พ่อล้อผมเล่นรึเปล่า”
“ฉันเคยล้อแกเล่นด้วยเหรอภาคิน”
ไม่เคย…
“นี่พ่อกำลังเล่นอะไรของพ่ออยู่”
“ทำตามที่ฉันบอกก็พอแล้ว”
“ผมไม่เข้าใจ” ตอนแรกตั้งใจไปจัดการเรื่องนั้นให้จบ พอได้ยินพ่อคุยเรื่องนี้ หมดอารมณ์ไปเลยทีเดียว
“ก็แค่สัญญาทางธุรกิจ ฉันตกลงทำสัญญากับคนบ้านนั้นเอาไว้แล้ว ส่วนแกมีหน้าที่หมั้น”
“สัญญาอะไร ครอบครัวนั้นมีอะไรให้พ่อสนใจ ถึงลงทุนไปทำสัญญา จับผมหมั้นกับลูกสาวบ้านนั้น?”
“ฉันอยากได้ที่ดินผืนนึงของครอบครัวนั้น ไม่ใช่แค่ฉันที่อยากได้ นักธุรกิจหลายคนอยากได้ที่ดินผืนนั้น หนึ่งในนั้นมีไชยเชษฐ์ ฉันต้องได้ที่ดินผืนนั้นมาก่อนมัน”
“ที่ดินมีอีกตั้งหลายแปลง ทำไมพ่อถึงอยากได้ผืนนั้นนัก”
“ที่ดินผืนนั้นทำเลทอง ไม่ง่ายที่จะได้มาแบบฟรีๆ ถ้าเราไปซื้อ ราคาไม่ใช่น้อยๆ”
“เลยต้องให้ผมหมั้นกับผู้หญิงคนนั้น?”
“ใช่”
“แล้วทำไมผมต้องยอมทำตามที่พ่อบอก”
“สัญญาจะสิ้นสุดในหนึ่งปี ภายในหนึ่งปีถ้าผู้หญิงคนนั้นสามารถมีลูกให้แกได้ ทุกอย่างจะจบทันที”
“ตั้งปีนึงเลยเหรอครับ”
“แกก็รีบทำให้ผู้หญิงคนนั้นท้องเร็วๆ สิ สัญญาจะได้จบ”
“น่าจะปรึกษาผมก่อน”
“ฉันจะถือว่าแกตกลงแล้ว”
เขาเคยขัดพ่อด้วยเหรอ? คำตอบก็คือ ไม่เคยขัดพ่อได้
“อายุแกจะสามสิบแล้ว รีบมีหลานให้ฉันอุ้ม”
“ลูกมิวนิคไง หลานพ่อเหมือนกัน”
“นั่นลูกของมิวนิค ไม่ใช่ลูกของแก”
อะไรวะ เขาได้แต่สบถคนเดียวในใจอย่างไม่สามารถทำอะไรได้ จากอารมณ์ดีจะได้ไปจัดการครอบครัวนั้น กลับต้องมาหัวเสียเพราะเรื่องนี้
“ถ้าฉันรู้ว่าแกไปแตะต้องครอบครัวนั้น ฉันจะถือว่าแกไม่เคารพฉันแล้ว”
เขาถอนหายใจออกมายาวๆ
“อีกสามวันเตรียมไปดูตัว งานหมั้นจะถูกจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า”
เขาได้แต่ร้องฮะ! ดังๆ ในใจ
“ส่วนงานแต่งงาน…จะถูกจัดขึ้นในต้นเดือนหน้า”