นึกขำตัวเองที่คิดไม่ออก แก้ไขปัญหาตื้นๆ นี้ไม่ได้ ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก ภาพใบหน้าหวานๆ ของสาวน้อยลอยวาบเข้ามาในมโนนึก เขาไม่อยากแต่งงานกับเธอจริงๆ ใช่ไหม หรือว่าเขากำลังกลัวใจตัวเองใช่ไหม กลัวว่าจะเผลอรักอีกครั้ง กลัวว่าเธอจะทำให้เขาเจ็บ...
“ยายเด็กบ้า ฉันไม่ยอมให้เธอมามีอิทธิพลเหนือหัวใจฉันเด็ดขาด เธอต่างหากต้องเป็นฝ่ายแพ้ฉัน” โดมินิกลืมตาขึ้น ด้วยประกายตาวาวกล้า
ให้มันรู้กันไป ว่าเขาจะพ่ายแพ้แก่ยายเด็กแสบนั่น !
โดมินิกออกมาจากห้องพักในช่วงเวลาเย็นหลังจากหาทางออกให้ตัวเองได้แล้วว่า เขาจะยอมหมั้นหมายกับยายเด็กตัวแสบนั่น และจะใช้โอกาสนี้เอาคืนนภัสรดาให้สาสม ตลอดสามเดือนต่อไปข้างหน้าเขาจะทำให้เป็นนรกสำหรับยายเด็กตัวร้ายนั่น ชายหนุ่มโทรไปคุยกับมารดาตกลงรับปากท่านไป ก่อนจะออกมาเดินเล่นชมพระอาทิตย์ตกดินอย่างสบายอารมณ์
ร่างสูงเดินทอดน่องไปตามชายหาดขาวสะอาดของเกาะล้อมรัก บรรดานักท่องเที่ยวต่างพากันเล่นน้ำเต็มหาด เขาจึงเดินเลี่ยงมาทางด้านหลังเกาะจนไปถึงบ้านของผู้เฒ่าการ์ซูตาของน้องเขย และพบชายชรากำลังนั่งพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ไม้ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน บนโต๊ะวางถาดใส่ดอกไม้แห้งไว้ พอเข้าไปใกล้ก็ได้กลิ่นหอมลอยมา ให้ความรู้สึกสดชื่นจนต้องเดินเข้าไปหาต้นตอของกลิ่น
“กลิ่นมาจากดอกไม้แห้งนี่เอง หอมมากเลยนะครับคุณตา” เขาเอ่ยขึ้น พลางถือวิสาสะในฐานะญาติหลานสะใภ้นั่งลงบนเก้าอี้ตัวว่าง
ผู้เฒ่าการ์ซูยิ้มให้ผู้มาเยือน “ดอกผูกรักครับ ดอกของเจ้าต้นไม้ใหญ่นี่” ชี้ไปยังต้นไม้ที่อาศัยร่มเงาอยู่
โดมินิกแหงนหน้ามอง ก่อนจะหันมาสนใจดอกผูกรักแห้งในถาด
“ถ้าเป็นดอกสดๆ คงหอมมาก ขนาดแห้งแบบนี้กลิ่นยังหอมอยู่เลย”
“ใช่ครับ ดอกผูกรักจะบานปีละครั้ง กินเวลานานหนึ่งเดือน เราจะเก็บดอกของมันมาตากแห้งและใช้สกัดทำเครื่องหอม ในถาดนี่เป็นดอกผูกรักห้ากลีบซึ่งจะมีกลิ่นหอมกว่าดอกผูกรักทั่วไปที่มีสี่กลีบ ชาวบ้านเขาคัดแยกมาส่งให้เพื่อใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำขนมคู่รักใช้สำหรับพิธีแต่งงานของชาวเกาะ” ผู้เฒ่าหยิบดอกผูกรักแห้งส่งให้ดูหนึ่งดอก พร้อมอธิบายให้ฟัง
“อ้อ ขนมที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเขากินกันในพิธีเมื่อเช้าหรือครับ” โดมินิกจับดอกไม้หมุนไปมาอย่างสนใจ
“ครับ ขนมคู่รักไม่ใช่ขนมที่ทำกินกันพร่ำเพรื่อ แต่ทำให้คู่บ่าวสาวกินในพิธีแต่งงาน และต้องใช้เกสรดอกผูกรักห้ากลีบกับน้ำผึ้งเท่านั้น”
“แหม ขั้นตอนคงยุ่งยาก”
โดมินิกพยักหน้าเข้าใจ ส่งดอกผูกรักคืนให้ แต่ผู้เฒ่าการ์ซูรับมาแล้วหยิบกล่องไม้สำหรับบรรจุเครื่องหอมแล้วใส่ดอกผูกรักลงไปก่อนจะส่งคืนกลับ
“เอาไปเป็นที่ระลึกเถอะครับ ดอกผูกรักแม้จะแห้งแล้วแต่จะหอมไปอีกนับสิบปี จนกว่าต้นของมันจะตายลง เรามีความเชื่อว่าถ้าชายหญิงคู่ไหนจูบกันครั้งแรกที่ใต้ต้นผูกรัก จะได้ครองคู่อยู่ด้วยกันจนวันตาย เหมือนหลานชายของผมกับน้องสาวของคุณยังไงล่ะ”
โดมินิกเบิกตากว้างเมื่อได้ยินผู้เฒ่าพูดจบ หวนนึกไปถึงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เขากับนภัสรดาจูบกันที่ใต้ต้นไม้หน้าวิลล่าของเธอ ต้นไม้นั่นคงไม่ใช่... เขาแหงนดูต้นผูกรักอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจยาว
“ต้นไม้ที่ปลูกอยู่ทั่วเกาะคือต้นผูกรักครับ” ผู้เฒ่าเหมือนจะรู้ว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไร
โดมินิกหน้าเริ่มซีด “แล้วถ้าไม่ใช่คนของเกาะนี้ไปจูบกันใต้ต้น ผูกรัก มันจะมีผลไหมครับ” เขาหวังว่าอาถรรพ์จะไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง ทว่า...
“เรื่องนี้คุณต้องพิสูจน์เอาเอง”
ผู้เฒ่าการ์ซูหัวเราะเบาๆ ดวงตาทอประกายขบขันเมื่อเห็นสีหน้าจืดเจื่อนของหนุ่มหล่อ
“ต้องเป็นจูบแรกของหญิงสาว ถึงจะเป็นไปตามความเชื่อนั้น”
จูบแรก... โดมินิกนิ่วหน้าทันที เขาไม่แน่ใจว่าใช่จูบแรกของ นภัสรดาหรือเปล่า แต่ยายเด็กนั่นจะไปจูบกับใครมาก่อนเขาหรือเปล่า แค่คิดว่าริมฝีปากอิ่มแดงถูกผู้ชายคนอื่นครอบครองมาก่อนเขา โดมินิกก็รู้สึกไม่ชอบใจ ชายหนุ่มอยากรู้ขึ้นมาในบัดดลว่า เขาเป็นเจ้าของจูบแรกของสาวน้อยหรือเปล่า
“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ แล้วจะแวะมาคุยด้วยใหม่”
โดมินิกเอ่ยลาผู้สูงวัยกว่า แล้วลุกขึ้นเดินออกจากที่นั่น เขากลับไปที่วิลล่าของตัวเองนั่งทบทวนอะไรบางอย่าง ก่อนจะเดินออกมานอกห้อง จุดหมายปลายทางคือวิลล่าที่พักของสาวน้อย พอไปถึงกลับพบว่าประตู ล็อกไว้เจ้าของห้องพักหายตัวไป จึงเดินออกตามหาและสายตาอันเฉียบคมก็เห็นร่างน้อยกำลังเริงร่าอยู่ในทะเลหน้าหาดที่พักนั่นเอง บริเวณโซนวีไอพีเป็นที่สงวนสำหรับแขกที่พักในวิลล่าแห่งนี้เท่านั้น ห้ามให้คนภายนอกเข้ามายุ่มย่าม
ชายหนุ่มเดินตรงไปยังหาดทราย ดวงตาคมมองร่างน้อยในชุดเสื้อยืดสีสดและกางเกงขาสั้นอย่างหมั่นไส้ เจ้าตัวออกมาเล่นน้ำคนเดียวในตอนเย็นเกือบค่ำแบบนี้โดยไม่กลัวอันตราย หากเกิดอะไรขึ้นใครจะช่วยทัน ที่นี่เป็นหาดส่วนตัวไม่มีผู้คนเสียด้วย ยังไม่ทันจะคิดอะไรถึงไหน ดวงตาคู่คมก็เบิกกว้างเมื่อเห็นคนเล่นน้ำทำท่าจะจมลงไปใต้น้ำ สองมือตะกุยตะกายน้ำจะจมแหล่มิจมแหล่
“เฮ้ย ! ยายตัวแสบ” เขาอุทานได้แค่นั้น ก็วิ่งลงไปช่วยเธอทันที
ร่างเล็กของสาวน้อยจมลงไปใต้น้ำก่อนที่เขาจะไปถึงตัว โดมินิกใจหายวาบรีบดำลงไปค้นหา เดชะบุญที่เขาคว้าตัวเธอได้ก่อนจะจมลึกลงไปกว่านั้น ชายหนุ่มว่ายน้ำพยุงร่างไร้สติของสาวน้อยพาขึ้นมาบนหาดได้
“เฮ้ ยายเด็กแสบ ตื่นสิ” เขาตบหน้าเธอเบาๆ เรียกให้ได้สติ แต่ไร้การตอบรับ “อย่าเป็นอะไรนะ โถ่เอ๊ย!”
โดมินิกช้อนอุ้มร่างไร้สติพาดบ่า วิ่งแกมกระโดดไปมาให้แรงกระแทกทำให้เธอสำรอกน้ำออกมา แต่นภัสรดาก็ไม่ยอมฟื้น เขาจึงวางเธอลง ใช้มือง้างปากให้อ้ากว้าง ล้วงดูว่ามีเศษอะไรติดคอไหม ก่อนจะช้อนใต้ฐานคอให้เงยหน้าขึ้นแล้วก้มลงประกบปาก ใช้มืออีกข้างปากบีบปลายจมูกไว้ อัดลมพ่นลงไปจนหน้าอกพองแล้วปล่อยให้ลมระบายออก ทำแบบนี้อยู่สี่ห้าครั้งคนจมน้ำก็ได้สติ สำรอกน้ำออกมาแล้วไอแค่กๆ
“แค่ก แค่ก โอย หนูเป็นอะไรไปเนี่ย” นภัสรดาปรือตามองคนตัวโตอย่างมึนงง
“เธอจมน้ำน่ะ โชคดีที่ฉันมาเห็นพอดีเลยรอดตาย”
เขาประคองคนจมน้ำลุกขึ้นนั่ง ยอมสละแผงอกหนาให้เอนซบ ดวงตาคมมองใบหน้าซีดเซียวนิ่ง มือลูบเส้นผมที่เปียกชื้นปัดทรายที่เกาะออกให้ หัวใจลดจังหวะการเต้นลงจากเมื่อครู่ รู้สึกโล่งใจที่เห็นเจ้าตัวฟื้นขึ้นมา เมื่อครู่หัวใจของเขาคล้ายจะหลุดออกจากขั้ว ยิ่งตอนที่เธอสลบไสลไร้สติ เขายิ่งร้อนรนเหมือนจะขาดใจตาม พอเห็นว่าเธอฟื้นหัวใจกลับพองโตโล่งใจเหมือนได้ของรักกลับคืน
“ขอบคุณมากค่ะ ถ้าหนูไม่ได้ลุงเอ่อ... คุณ หนูคงตายไปแล้ว” นภัสรดาเอ่ยขอบคุณ
สาวน้อยเริ่มนึกออกว่าเมื่อครู่เธอเป็นตะคริวถึงได้จมน้ำไป และเป็นโดมินิกที่มาช่วยเธอไว้ ริมฝีปากคลี่ยิ้มละมุน ดวงตาคู่สวยมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยแววตาวาวหวาน ก่อนจะเปลี่ยนสายตากลับมานิ่งสนิทเมื่อเขามองสบตา
“ฉันว่ากลับเข้าห้องพักเถอะ นี่เริ่มจะมืดแล้ว เดินไหวไหม” เขาขยับลุกขึ้น พลางดึงร่างน้อยให้ลุกตาม
“หนูเดินไหวค่ะ ว้าย!”
นภัสรดาอุทานตกใจ เมื่อถูกคนตัวใหญ่ช้อนใต้เข่ายกร่างบางลอยจากพื้น