หกปีที่ผ่านมาหลังจากฟื้นจากอุบัติเหตุ เขาแทบไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน หัวใจเจ็บร้าวลึกเมื่อตัวเองถูกผู้หญิงคนหนึ่งทำร้ายทั้งตัวและหัวใจจนยับเยิน เขาเข็ดเพศหญิง เข็ดความรัก เข็ดจนไม่อยากหวนกลับไปสัมผัสความรู้สึกนั้นอีก ยามรักมันรู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์ แต่ยามอกหักรักสลายคล้ายตกนรกทั้งเป็น เขาไม่ยอมเป็นแบบนั้นอีกแน่ ไม่มีวัน!
“จะปรึกษาใครดีเนี่ย แต่ละคนน่าปรึกษาทั้งนั้น ไอ้เอริก ไอ้ โอลิเวอร์ อ้อ ลืมไปได้ไง ไอ้ราอูล ไอ้คาสโนวาจอมวางแผน มันต้องช่วยเราได้” โดมินิกรีบกดโทรศัพท์โทรหาญาติของเขาทันที
รออยู่ครู่หนึ่งปลายสายก็กดรับ “โทรมาตอนนี้มีอะไรเหรอโดม ซี๊ด... อา... ระ รีบพูดเร็ว ฉันยังไม่เสร็จธุระ ซี๊ด... เร็วสิ...”
เสียงพูดดังตะกุกตะกัก พร้อมกับเสียงบางอย่างดังแทรกผ่านลอดเข้ามา บ่งบอกว่าสถานการณ์ของคนปลายสายเข้าขั้นวิกฤติ
“ไอ้เวร แกกำลัง... เฮ้อ รีบทำให้เสร็จ ฉันให้เวลาแกสิบนาที แล้วโทรกลับมาด้วย มีเรื่องสำคัญจะปรึกษา” โดมินิกกดปิดโทรศัพท์ พร้อมกับถอนหายใจแรง
ราอูลคงทำกิจกรรมพิเศษกับสาวๆ อยู่ เขาคงโทรไปขัดจังหวะมันขณะกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ชายหนุ่มกุมขมับเอนกายลงนอนรอให้อีกฝ่ายโทรกลับมาหา ครู่ใหญ่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“มีธุระอะไรสำคัญวะ นี่ฉันรีบแทบตายนะเว้ย ไม่เคยทำเวลาขนาดนี้มาก่อน เสียหน้าหมดหากน้องชาช่าเอาไปพูดว่าฉันเป็นพวกนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ” คนโทรมาบ่นล้งเล้ง
“ขอโทษว่ะ ใครจะรู้ว่าแกกำลัง... ช่างเถอะ ฉันมีเรื่องจะปรึกษาแกหน่อย” โดมินิกตัดบท เข้าเรื่องของตัวเองทันที
“มีอะไรก็ว่ามา ฉันไล่เด็กกลับไปแล้ว เสียสละความสุขเพื่อญาติอันเป็นที่รักเชียวนะ” ราอูลทวงบุญคุณทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มช่วยอะไร
โดมินิกกลอกตาอย่างระอา ราอูลดีทุกอย่างยกเว้นความปากมากพล่ามไม่เข้าเรื่องนี่แหละ
“แม่ฉันจะให้ฉันหมั้นกับผู้หญิงที่ท่านหาให้ว่ะ” เขาบอกเล่าปัญหาหนักอกของตัวเองให้อีกฝ่ายฟัง
“ก็หมั้นไปดิ” แทนที่จะให้คำปรึกษา ราอูลดันตอบมาแบบนี้
“อ้าว ไอ้เวร ทำไมตอบแบบนั้นวะ” โดมินิกแทบปาโทรศัพท์ทิ้ง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฟังให้จบก่อนดิวะ แกก็ใจร้อนไปได้” เสียงหัวเราะดังขึ้น เหมือนอีกฝ่ายจงใจยั่วให้คนฟังโมโห ก่อนจะยอมพูดต่อให้หายเคือง “เคยได้ยินไหมว่า น้ำขึ้นให้รีบตัก ไม่ใช่ๆ พูดผิด ต้องน้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง”
โดมินิกเส้นเลือดปูดที่ขมับ ไม่เข้าใจว่าทำไมราอูลต้องยกสำนวนไทยมาพูดให้เยิ่นเย้อ เมื่อไหร่มันจะเข้าเรื่องเสียที (วะ)
“แล้วไงต่อ...” หวังว่ามันจะไม่ยกสำนวนไทยมาทั้งกรุหรอกนะ
เขาสะกดใจให้อารมณ์เย็นๆ รอฟังอีกฝ่ายพล่ามต่อ พยายามตั้งสติกรองเอาแต่เนื้อ ตักน้ำท่วมทุ่งเททิ้งให้เหลือกากดีๆ มาใช้ (ซึ่งน้อยมาก)
“ก็ตอนนี้ป้ามาเรียเขากระเหี้ยนกระหือรือ อยากมีลูกสะใภ้จนตัวสั่นสะท้าน ใจเต้นระรัวราวกับกลองเพลยามถูกตี แกก็ตามใจแม่แกหน่อยสิวะ รอให้ท่านตายใจย้ำว่าแค่ตายใจไม่ใช่ตายจริง ฉันยังไม่ว่างไปร้องไห้หน้าศพแม่แก ตอนนี้ฉันรักษาตีนกาอยู่ร้องไห้มากไม่ได้เดี๋ยวตาบวมไม่หล่อ” ราอูลพล่ามอย่างเมาน้ำลาย หาสาระไม่ได้จนคนฟังเริ่มปวดหัวตุบๆ
“เข้าเรื่องสักทีไอ้ราอูล”
โดมินิกกัดฟันกรอด เบรกคนพูดให้เข้าประเด็นโดยไว ก่อนที่คนฟังอย่างเขาจะหมดความอดทนฟัง
“อุ๊ย ออกทะเลไปไกล แหะๆ โทษทีมาเข้าเรื่องต่อ หลังจากแม่แกตาย... หมายถึงตายใจแล้ว แกก็ค่อยๆ ใช้ปลายตีน เอ๊ย ! ปลายเท้าสะกิดแรงๆ ให้คู่หมั้นแกกระเด็นกระดอนออกจากชีวิตแกไปดิ จะยากอะไร” ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ให้คำแนะนำ
“พูดง่ายมันทำยากเว้ย ถ้าคู่หมั้นฉันมันใช้เท้าเขี่ยได้เหมือนเขี่ย ลูกบอล ฉันทำไปนานแล้ว แต่นี่... เค้าเป็นผู้หญิงนะ ไม่ใช่ลูกบอลจะใช้ตีนเอ๊ย! ใช้เท้าเขี่ยให้กระเด็นออกไปมันไม่ง่าย เรามีพันธะผูกพันกันแล้ว มันจะเขี่ยยังไงได้ คู่หมั้นไม่ใช่คู่นอนหรือสาวไซด์ไลน์จ่ายเงินก็จบ มันไม่ใช่... แกเข้าใจไหมไอ้ราอูล ถ้าฉันยอมหมั้นก็เข้าทางแม่ฉันพอดีสิ” โดมินิก กระแทกเสียงใส่ หนักใจกับปัญหานี้จนขำไม่ออก
“ไอ้โดมสมองทึบ เรื่องอื่นฉลาดนัก เรื่องนี้ทำไมถึงโง่จริง” ราอูลทำเสียงจิ๊กจั๊กในคอ เหมือนระอาญาติทึ่มๆ
“ฟังฉันนะ ผู้หญิงน่ะเขาไม่ชอบผู้ชายแบบไหน แกก็ต้องเป็นผู้ชายแบบนั้น เขาเกลียดอะไร แกก็ทำแบบนั้น เดี๋ยวเขาทนไม่ไหวทิ้งก็แกไปเอง ง่ายๆ แค่นี้ คิดไม่ออกหรือไง ถ้าไม่รู้แกก็บอกฉันมาว่าน้องหนูว่าที่คู่หมั้นแก ไม่ชอบอะไรบ้าง เดี๋ยวฉันช่วยคิดให้”
โดมินิกนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “เขาบอกว่า ไม่ชอบคนแก่กว่า” พูดไปก็รีบหุบปากแทบไม่ทัน เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นของคนปลายสาย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ก็เข้าทีนี่ น้องเขาอายุเท่าไหร่แล้วนะ” ราอูลพูดไปหัวเราะไป
คิ้วดกหนาของโดมินิกขมวดนิ่วจนแทบผูกเป็นปม บาดหูกับเสียงหัวเราะนั้น แม้รู้ว่าอีกฝ่ายมันจะเส้นตื้นหัวเราะง่าย แต่มันไม่ควรหัวเราะให้เขาได้ยินในตอนที่เครียดจนหัวจะระเบิดแบบนี้
“น้องฟ้า อายุสิบเก้าย่างยี่สิบ” โดมินิกจำใจตอบไป ก่อนจะกุมขมับเมื่อได้ยินคำแนะนำแสนปวดใจ
“อ้อ ก็ไม่ยากนี่ แกก็แก่กว่าเขาอยู่แล้ว แหม แก่กว่ากันตั้งสิบห้าปี แก๊ แก่ ไม่ต้องทำอะไรเลย แกก็ถูกเขารังเกียจอยู่แล้ว ไปกลัวอะไร ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“โว้ย ไอ้เวรราอูล แกมาให้คำปรึกษา หรือมาหัวเราะเยาะฉันกันแน่วะ” โดมินิกตวาดเข้าใส่ จนอีกฝ่ายหยุดหัวเราะ
“ขอโทษๆ ฉันขำนี่” ราอูลรีบขอโทษขอโพย “แกจะมาคิดอะไรเยอะแยะให้ปวดหัววะ มีเมียเด็กมันสวรรค์ของคนชราเชียวนะ”
“ไอ้เวร ฉันยังหนุ่มโว้ย ยังไม่ชรา!” โดมินิกกัดฟันกรอด ไอ้นี่ยังไม่เลิกนะ...
“ขอโทษๆ แหะๆ ฉันหมายถึงคนชราคนอื่นนะ ใจเย็นๆ ก่อนพี่ชายที่เลิฟ เดี๋ยวราอูลจัดให้”
หนุ่มอารมณ์ดียอมเลิกแหย่ ตั้งใจให้คำปรึกษาต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังเคร่งขรึม ซึ่งนานๆ จะได้ยินที
“คนเราถ้าไม่รักไม่ชอบ ก็ไม่มีใครบังคับใครได้ ป้ามาเรียเขาคงไม่บังคับให้แกแต่งงานกับคนที่แกไม่รักหรอก ผู้หญิงเองก็คงไม่อยากแต่งงานกับคนที่ไม่รักเขาหรอก ให้เวลามันเป็นตัวแก้ไขปัญหาเถอะ แกก็เคยมีบทเรียนมาแล้วว่าการรักใครสักคนแบบหัวปักหัวปำมันส่งผลร้ายยังไง ครั้งนี้แกบอกว่าไม่ได้รู้สึกรักใคร่คู่หมั้นแกเลย มันเท่ากับแกมีโอกาสได้มองผู้หญิงคนหนึ่งแบบตาสว่าง แกก็ดูเขาไปสิว่าเขาน่ารักพอไหม เขาดีพอจะเป็นแม่ของลูกแกไหม ถ้าไม่ผ่านก็บอกไปแมนๆ เลยว่า... เราคงเข้ากันได้แต่รักกันไม่ได้ เลิกกันเถอะ ถอนหมั้นก็เถอะ ลองดูว่าน้องฟ้าจะทำให้แกรู้สึกพิเศษกับเขาได้ไหม บางทีหลังจากนี้ ฉันอาจได้ยินข่าวดีจากแกก็ได้ เคยได้ยินไหมว่าความรัก มักเล่นตลกกับหัวใจของคน...”
ราอูลพูดยาวๆ ทิ้งท้าย ก่อนจะปิดโทรศัพท์ไป ปล่อยให้คนฟัง นิ่งอึ้ง มึน งง กับสาระอัดเต็มจากชายไร้สาระ
“ตกลงฉันปรึกษาถูกคนใช่ไหมราอูล”
ริมฝีปากหยักแย้มออกขณะโยนโทรศัพท์ทิ้ง ดวงตาคมหรี่ปิดลง เมื่อสมองตึงๆ ผ่อนคลายจากความเคร่งเครียดด้วยประโยคสุดท้ายของญาติสนิท
“สามเดือนสินะ ยายเด็กนั่นบอกว่าขอเวลาสามเดือน คุณแม่ก็ให้เวลาเราสามเดือน อืม... ทำไมเราต้องมาปวดหัวกับเรื่องที่มันมีทางออกด้วยนะ” เขาพึมพำเบาๆ