“เดี๋ยวก็รู้ว่ามันบ้าหรือดี หึหึ”
โดมินิกแสร้งแสยะยิ้มน่ากลัว ค่อยๆ ยื่นมือมาแตะไหล่มนเบาๆ เขากลั้นหัวเราะเมื่อเห็นผิวนุ่มของเธอมีตุ่มเห่อจากเส้นขนที่ลุกชันด้วยความกลัว อย่าเพิ่งหัวใจวายตายไปก่อนนะเด็กดื้อ เดี๋ยวจะไม่ได้สนุกกันพอดี
“ว้าย อย่านะ จะทำอะไรหนู อีตาลุงบ้ากาม อีตาลุงหื่นขึ้นสมอง ไอ้คนแก่โรคจิต” นภัสรดากรี๊ดลั่น แต่ก็ทำได้แค่นั้นเพราะถูกมัดมือไว้กับเก้าอี้
คิ้วดกหนายกขึ้นสูง มองหน้าเด็กดื้อที่บังอาจเรียกเขาว่าลุง อย่างหมั่นไส้
“ปากดีอีกแล้วนะ ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้”
ใบหน้างามส่ายไปมา “ไม่ ไม่ ไม่ ถ้าขอโทษแล้วลุงจะปล่อยหนูไหม เหอะ ถ้าไม่คิดจะปล่อยก็อย่าหวังว่าหนูจะขอโทษ อีตาลุง อีตาโคแก่อยากกินหญ้าอ่อน ลุง อุ๊บ!”
เสียงด่าไม่ทันหมดคำก็หายลงคอไป เมื่อถูกปากหนากระแทกเข้ามาปิดไว้ คนแก่กว่าตะโบมจูบลงโทษเด็กปากดีอย่างไม่คิดถนอม ริมฝีปากอิ่มเจ่อแดงเมื่อเขาถอนริมฝีปากออกให้เธอหายใจ หลังจากลงโทษจนสาใจ
“บอกแล้วไงว่าถ้าเรียกฉันว่าลุงเมื่อไหร่ ฉันจะจูบเธอเมื่อนั้น” โดมินิกจับคางมนบีบแรงๆ คาดโทษ
นภัสรดาเม้มปากแน่น มองเขาด้วยความโมโห “ฉวยโอกาส รังแกคนไม่มีทางสู้ ฮึ อย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วหนูจะยอมลุงนะ หนูไม่ใช่จำเลยรักของลุง รู้ไว้เสียด้วย ยิ่งลุงทำหนูยิ่งเกลียดลุง” สาวน้อยยังคงดื้อดึงไม่อ่อนข้อง่ายๆ
โดมินิกทั้งโมโหทั้งหมั่นไส้ความอวดดีของแม่ตัวน้อย ดูเถอะ ขนาดถูกเขามัดไว้แบบนี้ยังไม่ยอมแพ้ เธอยังคงยั่วโทสะเขาไม่เลิกรา
“อยากเกลียดก็เกลียดเลย ฉันไม่สนเพราะฉันไม่คิดจะรักเด็กอย่างเธอสักนิด”
เขาปล่อยมือจากคางมน ริมฝีปากหยักกดยิ้มร้ายขณะมองดอกคาร์เนชั่นในมืออย่างมีแผน ดวงตาคมวับวาวแสงขณะยกดอกไม้ในมือมาเป็นอุปกรณ์ทรมานเด็กดื้อ
“กรี๊ด อย่านะ อร๊ายส์ เอาออกไป” เสียงแหลมกรีดร้องดังลั่นเรือ
เมื่อถูกคนตัวโตเอาดอกคาร์เนชั่นมาแหย่ไปตามใบหน้าและแขนขา มันจั๊กจี้จนขนลุกไปหมด จะดิ้นหนี้ก็ทำไม่ได้เพราะเขามัดเธอติดเก้าอี้ไว้แน่น ได้แต่ดิ้นยึกๆ เหมือนหนอนในปลอกดักแด้ ทำได้เพียงกรีดร้องด่าทอเขาไป
“ไอ้บ้า ไอ้คนโรคจิต ฮือ” สาวน้อยเจ็บใจจนน้ำตาคลอ “ไอ้ลุง อ๊ะ”
ปากด่าว่าลุงเมื่อไหร่ก็ถูกเขาจูบลงโทษเมื่อนั้น คนลงทัณฑ์ดูเหมือนตั้งตารอให้เธอด่ารอฟังคำที่ตัวเองเกลียด พอได้ยินเหมือนได้โอกาสจูบเอาๆ
“เอ๊ะ อย่ามาจูบนะ”
เธอสะบัดเสียงใส่เมื่อเขาผละริมฝีปากออก ดวงตาคู่สวยแดงก่ำทั้งโมโหทั้งเจ็บใจ โกรธจนอยากจะทุบคนตัวโตนิสัยเสียโยนทิ้งทะเลให้ปลาฉลามฉีกกินเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่ก็ได้แค่คิดเมื่อยังเอาตัวเองไม่รอดจากการทรมานของเขา
“ไม่อยากให้จูบก็อย่าด่าสิ” เขายื่นหน้ามายิ้มกวนๆ ใส่ตาเขียวๆ ของเธออย่างยั่วโทสะ
ดวงตาคมมองริมฝีปากอิ่มแดงที่บัดนี้บวมเจ่ออย่างถูกใจ ยิ่งจูบยิ่งหวาน ยิ่งอยากจูบไม่รู้หน่าย ริมฝีปากผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เคยผ่านมาไม่หวานเท่าปากอิ่มของยายเด็กดื้อ หนุ่มใหญ่อย่างเขาชักติดใจจนอยากลิ้มชิมรสเรื่อยๆ
“ไม่ด่าก็ได้ ปล่อยหนูเถอะนะ ละ... เอ่อ คุณโดมินิก”
นภัสรดาจำต้องข่มความโมโหไว้ในใจ เปลี่ยนท่าทีมาอ่อนให้เขาดู เผื่อคนใจร้ายจะยอมใจอ่อนปล่อยเธอ ซึ่งมันได้ผลเมื่อเขาเปิดยิ้มกว้าง
“แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย”
เขายื่นหน้ามาหอมแก้มนิ่มแรงๆ อย่างมันเขี้ยว ก่อนจะยอมแก้มัดให้เมื่อเห็นว่าแกล้งเธอจนพอใจแล้ว สมควรจะพาสาวน้อยกลับไปเกาะเสียที
“เดี๋ยวจะพากลับบ้าน อืม ท้องฟ้าครึ้มแปลกๆ ฉันขอไปเช็กสภาพอากาศก่อนนะ ท่าทางจะไม่ค่อยดี”
ร่างสูงใหญ่แหงนหน้ามองดูท้องฟ้าที่กำลังร้องครืนคราง เสียงฟ้าดังเปรี้ยงปร้างส่อเค้าว่ากำลังจะมีพายุเกิดขึ้น เขาเดินหายเข้าไปในเคบิ้นเรือเพื่อติดต่อสื่อสารกับคนบนฝั่ง ก่อนจะกลับออกมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี
“สงสัยเราคงไม่ได้กลับเกาะกันแล้วละ”
สองหนุ่มสาวหายไปนานร่วมสองชั่วโมงทำให้ผู้ใหญ่ที่กลับมาจากบ้านผู้เฒ่าการ์ซูถามหา เอริกกับโอลิเวอร์จำต้องปดว่าโดมินิกพาคู่หมั้นสาวไปล่องเรือเล่นตามข้อมูลที่ได้รับรายงานมาว่าโดมินิกพานภัสรดาลงเรือยอร์ชส่วนตัวของน้องเขยไปเมื่อสองชั่วโมงก่อน
“ไอ้โดมมันพาหนูฟ้าไปถึงไหนวะ มันไม่รู้หรือไงว่าวันนี้พายุจะเข้า เอาเรือออกไปแบบนั้นมันอันตราย”
เอริกชะเง้อมองท่าเรือด้วยความกังวล เมื่อรู้จากคนของโจนาธานว่าวันนี้จะมีพายุเข้าในช่วงเย็น การนำเรือออกไปลอยลำในช่วงเวลานั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ แต่เพื่อนรักของเขามันก็ดันทุรังพาคู่หมั้นสาววัยกระเตาะออกเรือไป หากกลับมาไม่ทันจะทำยังไง
“ไอ้โดมมันคงไม่โง่ ปล่อยให้ตัวมันกับหนูฟ้าเป็นอันตรายหรอกครับพี่เอริก” โอลิเวอร์ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้น
“แต่นี่มันใกล้เวลาที่พายุจะมาแล้วนะ คนของโจนาธานติดต่อไปมันก็ไม่ตอบกลับมา เห็นคนเรือบอกว่าเรือลำนั้นเครื่องยนต์มีปัญหา ยังไม่ได้ซ่อมแซม” คนห่วงเพื่อนไม่คลายกังวล
โอลิเวอร์ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินข้อมูลที่เขาไม่รู้มาก่อน “จริงหรือครับพี่เอริก แล้วแบบนี้เราควรทำยังไงดีครับ หรือเราจะเอาเรือออกตามหามันดี” เขาเริ่มร้อนใจขึ้นมา
“จะเอาเรือออกไปตามที่ไหน ทะเลนะไม่ใช่ถนน” เอริกนิ่วหน้า ถอนหายใจแรง ”ฉันว่า ลองไปที่ศูนย์ให้เขาติดต่อมันอีกทีดีกว่า ไปเถอะยังพอมีเวลา”
เอริกเดินนำน้องชายไปยังศูนย์ดูแลความปลอดภัยของเกาะ และแจ้งเรื่องโดมินิกนำเรือออกไปให้อีกฝ่ายช่วยติดต่อให้ ครู่ต่อมาก็ได้รับสัญญาณตอบกลับจากเรือที่ลอยลำอยู่
“ไอ้โดมแกรีบเอาเรือกลับเข้าฝั่งเลยนะ พายุกำลังจะมา เดี๋ยวได้พากันตายไม่ได้แต่งพอดี”
เอริกกรอกเสียงบอกเพื่อนด้วยความห่วงใยปนโมโห ที่อีกฝ่ายทำอะไรแผลงๆ ใครจะคิดว่าโดมินิกจะพาคู่หมั้นสาวไปล่องเรือเล่นในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเสี่ยงพายุแบบนี้ คนเรือบอกเขาว่าได้เตือนเพื่อนตัวดีแล้ว แต่โดมินิกไม่สนใจฟัง ยืนยันว่าจะกลับมาก่อนเวลา นี่ก็ใกล้เวลาที่พายุจะมาแล้ว ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มมีเมฆดำหนา ทะเลเริ่มปั่นป่วน คลื่นกระแทกเข้าหาชายฝั่งแรงจนน่ากลัว เพื่อนของเขายังพาเรือลอยลำอยู่กลางทะเล
“กลับไม่ทันหรอกว่ะ ฉันเอาเรือไปจอดที่เกาะร้างที่ใกล้ที่สุดแล้ว ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันจะหลบพายุที่นี่จนกว่าจะสงบ แกช่วยบอกพ่อแม่ฉันกับพ่อแม่คู่หมั้นฉันด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะกลับเมื่อพายุสงบและปลอดภัยแล้วเท่านั้น แค่นี้ก่อนนะ ฉันกำลังเอาเรือจอด” โดมินิกตัดการติดต่อไป หลังจากพูดจบ
“ไอ้โดมมันเอาตัวรอดได้น่า มันบอกแล้วไงว่าจะหาที่หลบพายุก่อน” โอลิเอร์เข้ามาบีบไหล่พี่ชาย ที่กำลังทำหน้าเคร่งเครียดหลังจากฟังเพื่อนพูดจบ
“ไอ้เรื่องบ้าบิ่นนี่ยกให้มันคนเดียวเลยจริงๆ ไปกันเถอะ แค่รู้ว่ามันปลอดภัยฉันก็โล่งอกแล้ว”
เอริกถอนหายใจแรง เดินออกจากห้องควบคุมออกมายังด้านนอกพร้อมน้องชาย เขาหายกังวลเรื่องความปลอดภัยของเพื่อนรัก แต่อดห่วงสาวน้อยคู่หมั้นของเพื่อนไม่ได้ โดมินิกเป็นพวกรักแรงเกลียดแรงไม่ต่างจากเขา แต่อีกฝ่ายอารมณ์ร้ายและชอบทำอะไรห่ามๆ มากกว่าเขา โดมินิกไม่เต็มใจหมั้นหมายกับนภัสรดาและแสดงท่าทางไม่ชอบใจสาวน้อย ยามนี้เจ้าเพื่อนตัวร้ายคงหาทางกลั่นแกล้งคู่หมั้นวัยทีนของตัวเองอยู่เป็นแน่ ยิ่งถูกตบจนหน้าหันแบบนั้น คงคิดเอาคืนสาวน้อยแน่นอน หวังว่าคงไม่เล่นแรงจนทำให้ผู้หญิงเข็ดขยาดหรือหวาดกลัวจนทนไม่ไหวหรอกนะ